เยี่ยมยลอาวุธโบราณ ณ พิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ

เยี่ยมยลอาวุธโบราณ ณ พิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ

เยี่ยมยลอาวุธโบราณ ณ พิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าคุณเป็นผู้หนึ่งที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ชาติไทย การได้ไปท่องเที่ยวในสถานที่ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวเก่าๆ คงเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิต แต่เคยสังเกตุกันบ้างไหมว่า แหล่งรวบรวมเรื่องสำคัญครั้นโบราณกาลมักอยู่ไกล จนบางครั้งเราก็ไม่อยากนั่งรถนานๆ เพื่อไปดื่มด่ำกับบรรยากาศ ซึ่งในวันนี้อีแมกกาซีนจึงอยากชวนคุณมาเที่ยวแบบใกล้ๆ ไม่ไกลเมืองกรุงกับ "พิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ" สถานที่ดีๆ จากกองทัพบกที่จะทำให้คุณได้สนุกไปกับอาวุธเก่าแก่และประวัติศาสตร์ของขวานทอง


หากไม่อยากขับรถขับลาไปเที่ยวไกลๆ ให้ลองเลี้ยวรถไปยังถนนราชดำเนินนอก ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า สถานที่แห่งนี้มีเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์อยู่มากมาย โดยทางกองทัพบกได้เปิดให้เข้าชมในปี 2539 อันเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในรัชกาลปัจจุบัน

สำหรับอาคารชั้น 1 จะเป็นการพาไปเยี่ยมยลอาวุธโบราณและย้อนประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยมีห้องอาวุธจัดแสดงอาวุธปืนต่างๆ ซึ่งกองทัพบกใช้ในสงครามตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุทธยาตอนปลายจนถึงสงครามเวียดนาม อาวุธส่วนใหญ่ที่นำมาจัดแสดงเป็นปืนเล็กสั้น และปืนเล็กยาว รวมถึงปืนที่สั่งซื้อมาจากต่างประเทศและปืนที่ยึดได้จากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

อาคารชั้น 2 ผู้มาเยี่ยมชมจะได้ตื่นตาไปกับคทาทองคำแท้และตำราพิชัยสงครามโบราณ ซึ่งเป็นห้องนิทรรศการหมุนเวียนและห้องรับรอง เดิมห้องนี้ใช้รับรองแขกผู้ใหญ่ที่เข้ามาเยือน กองบัญชาการกองทัพบก ทว่าปัจจุบันได้จัดส่วนหนึ่งของห้องให้เป็นนิทรรศการหมุนเวียน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับทราบเรื่องราวเพิ่มเติมจากในพิพิธภัณฑ์ฯ

ในชั้น 2 นักท่องเที่ยวยังจะได้พบกับห้องธงและเครื่องมือเครื่องใช้ทางทหาร ที่มีการจัดแสดงธงชัยเฉลิมพล ซึ่งกองทัพบกได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลต่างๆ และที่โดดเด่นที่สุด คงหนีไม่พ้น "ธงจุฑาธุชธิปไตย" ธงชัยเฉลิมพลประจำกองทัพธงแรก ซึ่งรัชกาลที่ 5 พระราชทานแก่จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) เพื่อเป็นผู้แทนพระองค์ไปปราบพวก จีนฮ่อ ที่ก่อความวุ่นวายทางภาคเหนือ ส่วนสิ่งของที่ไม่ควรพลาดชมในห้องนี้ก็คือ "คทาจอมพล" อันเป็นเครื่องหมายแสดงเกียรติยศสูงสุดทางทหาร ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะเป็นคทาทองคำแท้และยอดเป็นรูปครุฑ นอกจากนี้ยังมี "ทองคำแท่ง" ที่กรรมสรรพาวุธขุดพบที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ พ.ศ.2481 "ตำราพิชัยสงคราม" ที่เขียนขึ้นตามฉบับหลวง โดยพระมหานาคจำลอง ในสมัยรัชกาลที่ 5 มาจัดแสดงไว้อีกด้วย

ส่วนห้องเครื่องแบบและเครื่องหมายทางทหาร เป็นการจัดแสดงวิวัฒนาการเครื่องแบบที่ใช้ในกองทัพบกตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ สงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามมหาเอเชียบูรพา จนถึงปัจจุบันโดยใช้หุ่นขนาดเท่าคนจริง รวมทั้งเครื่องแบบเต็มยศของทหารรักษาพระองค์หน่วยต่างๆ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญตราซึ่งกำลังพลของกองทัพบกได้รับ

สำหรับอาคารชั้น 3 เป็นเรื่องราวของ "สักการะพระบรมรูปสมเด็จพระปิยมหาราช" โดยมีห้องพระบารมีปกเกล้าฯ เป็นห้องที่ประดิษฐานพระบรมรูปขนาดเท่าพระองค์จริง พระองค์ทรงวางรากฐานกองทัพไทยให้ก้าวไปสู่ความทันสมัยตามแบบสากล และจัดแสดงภาพผู้บัญชาการทหารบกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังได้ใช้ห้องนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีรับส่งหน้าที่ของผู้บัญชาการทหารบก

เมื่อเดินมาอีกหน่อยก็จะเจอกับห้องจำลองเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ที่จัดแสดงเหตุการณ์จำลองวีรกรรมการรบทางบกครั้งสำคัญของไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงปัจจุบัน โดยมีตู้จำลองเหตุการณ์ขนาดเท่าคนจริง อาทิสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำพิธีหลั่งทักษิโณทกที่เมืองแครง เพื่อประกาศตัดไมตรีกับกรุงสาวดีเมื่อ พ.ศ. 2127 และเหตุการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานธงประจำกองทัพแก่ผู้บัญชาการทหารม้า ตู้จำลองเหตุการณ์ขนาดย่อ เช่น พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพ่อขุนสามชนเมื่อ พ.ศ. 1805 และศึกเมืองเชียงกรานพ.ศ. 2081 โดยภายในห้องนี้ยังมีการนำอาวุธประเภทฟันและแทงที่ใช้ในสมัยโบราณมาจัดแสดงไว้ด้วย เช่น กั้นหยั่น คือดาบจีนที่ใช้ฟันและแทงในระยะประชิดตัว รวมไปถึงของ้าวที่นิยมใช้ในการรบบนหลังช้าง

เห็นรึยังว่า ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลโพ้น แต่เราก็สามารถเรียนรู้และสนุกสนานไปกับเรื่องราวในประวัติศาสตร์ได้แบบไม่ต้องเหนื่อย และที่สำคัญสิ่งนี้จะทำให้คุณรู้ว่า รั่วของชาตินั้นมีความหมายมากกว่าที่คิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook