แอบส่องบิกินี่แล้วโดดขึ้นสปีดโบ๊ท ตะลุยภูเก็ต ตอน 2

แอบส่องบิกินี่แล้วโดดขึ้นสปีดโบ๊ท ตะลุยภูเก็ต ตอน 2

แอบส่องบิกินี่แล้วโดดขึ้นสปีดโบ๊ท ตะลุยภูเก็ต ตอน 2
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยังคงสาละวนกันต่อกับจังหวัด "ภูเก็ต" ที่งวดนี้ ยวดยานพาหนะของเราจะไม่ใช่เจ้ารถสี่ล้ออีกต่อไป เพราะก๊วนนักเดินทางจะขอท่องเที่ยวทางสายชลกับความเร็วและแรงอย่าง สปีดโบ๊ท ที่จะพาเราไปตะลุยกับหลากหลายเกาะ ซึ่งจะทำให้คุณรู้ว่า ไม่ต้องตาย ก็เจอกับสวรรค์ได้ไม่ยาก ก่อนจะไปชมความงามของเกาะแก่งต่างๆ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ ติดต่อไปทางบริษัทจัดทริปดำน้ำ เพื่อแสวงหาผู้นำเจ๋งๆ ที่จะพาคุณไปทำตัวเหมือนเป็นเจ้าสมุทร โดยเราได้ใช้กำลังภายในติดต่อกับกับทีมงานพาทัวร์ ซึ่งปกติแล้วราคาค่าหัวของคนไทยจะตกอยู่ที่ประมาณ 1,800-2,000 บาท ตามแต่ความใกล้ไกลของเกาะที่คุณจะไปสัมผัส แต่ถ้าเป็นคนวงในก็อาจได้ส่วนลด จนได้คุณสามารถระเริงเกลียวคลื่นกันในราคาเพียง 1,500 บาท

สำหรับทริปที่ชาวคณะของเราเลือกไปนี้ เป็นการเยือนทั้งหมด 3 เกาะ คือ พีพีดอน พีพีเล และเกาะไข่ ซึ่งก็จะมีการแวะพาไปชมเกาะอื่นๆ อีกเล็กน้อย เพื่อให้สมกับราคาค่าหัว โดยงานนี้รถตู้ของบริษัททัวร์ได้นัดแนะกับเราไว้ในเวลาไม่เกิน 8.30 น. ที่บริเวณป้อมตำรวจของอนุสาวรีย์ท้าวศรีสุนทรในจังหวัดภูเก็ต และถ้าคุณเป็นสาวงามหน้าตาอินเทรนด์อย่างเรา ขอบอกเลยว่า อย่าต๊กกะใจกับเสียงแตร ปี๊นๆ เหมือนให้สัญญาณเคารพศาลที่จะมีเป็นระยะๆ ระหว่างยืนรอรถตู้ เพราะหนุ่มๆ จังหวัดนี้ซ่าใช่ย่อย จะคันเล็ก คันใหญ่ เขาก็บีบแตรใส่สาวๆ ข้างทางกันได้ตลอด หลังจากยืนสวยเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถตู้ก็มารับและพาพวกเราไปยังท่าเรือสิเหร่ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เหล่านักเดินทางจะได้รับสายคาดข้อมือเท่ๆ และเสื้อชูชีพคนละหนึ่งชุด

จากนั้นไกด์มาดเข้มก็จะปล่อยให้เราไปแปลงโฉม เพื่อเป็นชุดที่พร้อมกระโจนลงน้ำได้ทุกเมื่อ งานนี้สาวไทยใจบางๆ สามารถหยิบบิกินี่ตัวโปรดที่ไม่กล้าใส่ออกงานมาสวมใส่แล้วเดินเฉิดฉายได้อย่างเต็มที่ เพราะทั้งเกาะและเรือจะไม่มีใครรู้จักคุณ แถมผู้คนที่ไปเที่ยวก็นุ่งกันแค่ชิ้นสองชิ้น ดังนั้น อวดเรือนร่างกันให้เต็มที่ เพราะแฟชั้นวาบหวิวถือเป็นเรื่องจิ๊บๆ ที่ไม่มีใครเขาสนใจกันหรอก สปีดโบ๊ทรำเล็กที่บรรทุกชาวไทยเพียงหยิบมือกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 20 ชีวิต ค่อยๆ แล่นออกจากฝั่ง โดยมีไลฟ์การ์ 2 นายกับกัปตันเรือเพียงหนึ่ง และไกด์นำทางคนท้องถิ่นที่คล่องแคล่วทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเป็นผู้ดูแลและให้ความรู้แก่ทุกท่านไปตลอดทริปของการเดินทาง สำหรับพิกัดบนเรือเร็วที่เราขอแนะนำให้คุณๆ ไปโดนคือ บริเวณแถวหลังสุดของเรือ ซึ่งจะเวิร์คมากถ้าได้นั่งห้อยขาออกไปด้านนอกตัวเรือ เพราะลมเย็นๆ จะโกรกใส่เราได้อย่างเต็มที่ แถมถ้าไปท่องเที่ยวในวันลมแรงอย่างเรา คลื่นลูกยักษ์ยังอาจหยอกเย้าคุณด้วยละอองน้ำเค็มที่จะคอยประพรมให้เย็นชุ่มฉ่ำได้ตลอดเวลา

จุดหมายปลายทางแห่งแรกของวันนี้คือ "พีพีดอน" แห่งจังหวัดกระบี่ ที่ห่างจากท่าเรือมาประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ซึ่งก็นับว่าเป็นระยะทางที่ไกลไม่ใช่น้อย เพราะสองข้างทางแทบจะมองไม่เห็นฝั่งและเกาะแกะอื่นๆ โดยกัปตันเลือกที่จะเข้ามาจอดด้านหลังของเกาะ ซึ่งเป็นเวิ้งของ "ชายหาดโละมูดี" ที่มีทรายขาวเม็ดละเอียดราวกับแป้งฝุ่น ส่วนวิวทิวทัศน์โดยรอบจัดว่าสวยงามมาก เพราะมีภูเขาล้อมรอบคอยโอบกอดน้ำทะเลสีฟ้าใสดุจเพทายเนื้อดี ซึ่ง ณ จุดนี้ เป็นเสมือนกับการอุ่นเครื่องของอันดามัน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับท้องฟ้าและสายน้ำเพียงครึ่งชั่วโมง แต่บอกเลยว่า ความสุขเล็กๆ ของเกาะแห่งแรกก็ทำเอาเราเคลิ้มไปตามๆ กัน นักท่องเที่ยวทั้งหลายต่างรีบโพสต์ท่าคล้ายกับนางแบบนายแบบจากปฏิทินแม่โขง ที่ร่วมใจกันแอ่นหน้ากระดกหลังอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชในชุดว่ายน้ำตัวจ้อยสีสันแสบทรวง ขณะที่บางกลุ่มต่างก็ตื่นตาตื่นใจกับความใสสะอาดของท้องทะเล ซึ่งการพักผ่อนในจุดนี้ควรจะได้คะแนนเต็มสิบ ถ้าบรรดาเรือๆ ที่นำเราไปไม่จอดเรียงกันเป็นตับ จนบดบังทัศนียภาพของธรรมชาติ

หลังจากใช้เวลากับพีพีดอนเพียง 30 นาที ก็ถึงคราวที่เรือเร็วลำน้อยจะแล่นออกจากฝั่งแล้วไปกระแทกคลื่นสูงๆ กลางมหาสมุทรอีกครั้ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะ "พีพีเล" ซึ่งนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงสถานที่ท่องเที่ยวอันแสนโด่งดังของบ้านเรา ที่สามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้หลั่งไหลเข้ามาชื่นชมในความงามของท้องทะเล


เพราะคลื่นลมแรงที่เป็นไปตามฤดูกาลแห่งมรสุม ทำให้ทะเลในวันนั้น(กลางเดือนมิถุนายน) มีคลื่นใหญ่ราว 2 เมตร ซึ่งนับว่าบะละฮึ่มไม่ใช่น้อย เรือเร็วขนาดบรรทุกคนได้ราว 30 ชีวิต ที่ควรจะกระเด้ง เด้ง เด้ง อยู่บนผิวน้ำเรียบๆ กลับต้องมาหัวทิ่มหัวตำ เอียงซ้าย มุดขวา เพื่อแล่นฝ่าเกลียวคลื่นด้วยความยากลำบาก แต่นั่นก็ไม่ทำให้เหล่านักเดินทางย่อท้อ หลายๆ คนเลือกที่จะส่งเสียงโห่ร้องให้ดังก้องอย่างสนุกสนาน เมื่อประชันหน้ากับคลื่นลูกใหญ่ และนั่นเป็นกิจกรรมมันๆ ที่สร้างสัมพันธ์กับเพื่อนต่างด้าวได้ดีจริงๆ หลังใช้เวลาออกจากพีพีดอนประมาณ 20 นาที คุณก็จะพบกับความยิ่งของธรรมชาติ ที่มีเขาลูกใหญ่ปกคลุมด้วยต้นไม้สีเขียวชอุ่มทอดตัวเป็นทางยาวเข้าไปสู่สรวงสวรรค์ ชั้นหินที่ถูกทั้งน้ำและลมกัดกร่อนเป็นริ้วลายเส้นสวยดูวิจิตรช่างเข้ากับทะเลสีครามและท้องฟ้าสีขาว ซึ่งทันทีที่เรือค่อยๆ เบาเครื่อง และผ่านช่องทางของเขาหิน อย่าได้นั่งติดเบาะเป็นอันขาด เพราะคุณควรใช้ช่วงเวลาที่ว่านี้ลุกขึ้นมามองรอบๆ ลำเรือแล้วดื่มด่ำกับสีสันที่สวยงามคล้ายกับภาพวาดจากฝีมือของจิตรกรดัง

เรือลำน้อยดับเครื่องลอยอยู่กลางท้องทะเลของ "อ่าวปิเละ" ที่ดูเหมือนกับ "สระว่ายน้ำจากสรวงสวรรค์" นักท่องเที่ยวต่างลงไปแหวกว่ายให้พบกับความงามที่มีเพียงคุณกับกรอบใหญ่ๆ ของแผ่นเขาที่ขวางกั้น การลงไปสัมผัสน้ำเย็นใสสวยจับใจ จนเกือบไม่ต้องใส่สน๊อกเกอร์ก็สามารถเห็นปลาน้อยใหญ่ว่ายอยู่รอบตัวคือ ความสุข ที่ไม่อาจหาได้จากความวุ่นวายในเมืองหลวง ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกคุ้มทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไป นักเดินทางหลายคนขอชื่นชมกับความสวยของของธรรมชาติด้วยการลงไปว่ายน้ำและกระโดดลงสระด้วยท่าทางไม่ต่างกับเด็กน้อย ฉลามทรายผู้เป็นมิตรซึ่งไม่มีใครนึกว่าจะได้เห็นก็ออกมาแสดงตัวให้มีเสียงกรีดร้องจากสาวๆ บิกินี่ดังเป็นช่วงๆ แต่งานนี้ไกด์นำทางผิวเข้มได้บอกกับเราว่า ไม่ต้องกลัว เพราะสัตว์พวกนี้ไม่เป็นอันตราย ดังนั้น เชิญระรื่นกันให้เต็มก็ไม่ต้องกลัวตาย

ก่อนจะเดินทางออกจาก อ่าวปิเละ สิ่งสุดท้ายที่เราอยากฝากไว้ก็คือ อย่าลืมที่จะกระโดดลงน้ำจากหัวเรือ และแหวกว่ายในมหาสมุทรให้ฉ่ำปอด เพราะนี้คือจุดที่เราจะบอกคุณว่า มันคือสวรรค์บนดิน ของจริง การเดินทางตะลอนตามเกาะแก่ง เพื่อส่องสาวบิกินี่และพบความความสวยงามของธรรมชาติยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะเรายังมี ถ้ำไวกิ้ง และเกาะไข่นอก ที่รอให้คุณโดดขึ้นเรือแล้วตามมาสนุกกับเรา สำหรับวันนี้พักผ่อนสักนิดแล้วค่อยกลับมาซิ้งกันต่อจ้า

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ แอบส่องบิกินี่แล้วโดดขึ้นสปีดโบ๊ท ตะลุยภูเก็ต ตอน 2

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook