ส่งท้ายหนาวนี้ที่ "เชียงราย"

ส่งท้ายหนาวนี้ที่ "เชียงราย"

ส่งท้ายหนาวนี้ที่ "เชียงราย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปเผลอไม่เท่าไหร่ก็ผ่านปีใหม่ไปเดือนกว่าๆ แล้ว คุณได้เริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ในชีวิตกันบ้างหรือยัง เช่น หาความรู้ใหม่ๆ เริ่มต้นงานใหม่(เก่า) กับความรู้สึกใหม่ๆ หรือจะทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตมีมุมมองที่ดีขึ้น แต่ถ้านึกไม่ออกว่าจะทำอะไรบางทีการได้นั่งคุยกับใครบางคน เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติก็ทำให้เราได้เห็นอะไรในมุมมองใหม่ๆ ได้เช่นกัน

คู่หูพาเที่ยวฉบับนี้จะพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงรายกัน เพื่อเป็นการส่งท้ายหน้าหนาว (ที่ไม่ค่อยหนาวสักเท่าไร) กับจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย พร้อมกับพาคุณผู้อ่านไปรับไออุ่นแรกของตะวันที่ภูชี้ฟ้ากัน

เชียงราย' เป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจในช่วงหน้าหนาว เนื่องด้วยเชียงรายมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง แต่ก่อนอื่นเราจะขอนำคุณผู้อ่านไปเที่ยวในตัวเมือง เพื่อกราบสักการะ "อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช" แห่งแคว้นลานนา ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย เมื่อปี พ.ศ.1805 อนุสาวรีย์ตั้งอยู่ที่ถนนห้าแยกพ่อขุนเม็งรายมหาราช ถนนเชียงราย-แม่จัน (ติดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์) ในเขตเทศบาลนครเชียงราย อย่างโดดเด่นเป็นสง่า สามารถมากราบไหว้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน บางท่านอาจมากราบสักการะในช่วงกลางคืนและถือโอกาสปล่อยโคมยี่เป็ง เพื่อเสริมสิริมงคลให้ชีวิตรุ่งโรจน์สว่างไสวดุจเปลวไฟในโคมยี่เป็งก็ได้ ถัดมาไม่ไกลนักจากอนุสาวรีย์ตรงสี่แยกถนนบรรพปราการ เราสามารถมาชม "หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครบรอบ 72 พรรษา" ที่ออกแบบโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ใจกลางเมืองเลยก็ว่าได้ ตัวหอเป็นสีทองอร่ามสวยงามตามแบบฉบับของอาจารย์ฯ และเมื่อถึงเวลา 19.00 น., 20.00 น. และ 21.00 น. ของแต่ละวัน จะจัดให้มีการแสดงแสง สี เสียง จากตัวหอฯ โดยมีการเปิดไฟประดับสลับแสงสีพร้อมเปิดเพลงบรรเลงสไตล์ล้านนาและเพลงเชียงรายรำลึก เพื่อให้เขากับบรรยากาศ ซึ่งเป็นโชว์ที่ตระการตาและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว และผู้ที่มารอคอยชมเป็นอย่างยิ่ง การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีต่อรอบ และจัดแสดงเพียง 3 รอบต่อวันเท่านั้น ต้องตรงต่อเวลากันหน่อยเพราะของดีเค้ามีน้อย!

หลังจากชมการแสดงของหอนาฬิกาฯ เสร็จก็ต่อด้วยการเดินช้อปปิ้งที่ "เชียงรายไนท์บาซ่าร์" ซึ่งตั้งอยู่ถนนพหลโยธิน บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย เป็นที่จำหน่ายของที่ระลึกฝีมือชาวเขาและชาวเชียงราย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋าหลากแบบ ผลิตภัณฑ์พื้นเมือง ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ ในราคาย่อมเยา นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว พร้อมชมการแสดงจากศิลปินพื้นบ้าน เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.30 น. - 23.00 น.

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ


วัดร่องขุ่น

เป็นวัดที่สร้างและออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาและแรงมุ่งมั่น ที่จะรังสรรค์งานศิลปะที่งดงามและอ่อนช้อยผสมผสานระหว่างพระพุทธศาสนากับวัฒนธรรมล้านนาอย่างกลมกลืน ลักษณะเด่นของวัดก็คือ การตกแต่งพระอุโบสถด้วยลวดลายปูนปั้นสีขาวและความแวววาวของกระจกสีเงิน ตามเจตนารมณ์ของอาจารย์ที่อยากให้วัดนี้เหมือนเมืองสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์โลกสามารถสัมผัสได้ ภายในโบสถ์ยังมีภาพจิตกรรมฝาผนังฝีมือของอาจารย์เอง ที่ออกจะดูสวยแปลกตาและร่วมสมัยมาก สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมเวลา 06.30 น.-18.00 น. กรุณาแต่งกายให้สุภาพ

สถานที่ตั้ง : อยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงราย 13 กม. ตรงหลักกิโลเมตรที่ 816 ถนนพหลโยธิน โทร. 0-5367-3579

พระธาตุดอยตุง

เป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดของจังหวัดเชียงราย ประดิษฐานอยู่บนยอดดอยตุง ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุดอยตุง เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า ครั้นเมื่อ 1,000 กว่าปีมาแล้ว ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุนี้มาจากแดนไกล โดยได้ทำธงตะขาบ (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) เพื่อบูชาพระมหาธาตุยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดจุดนั้นเป็นฐานพระสถูป เหตุนี้ดอยที่ประดิษฐานพระมหาธาตุจึงมีชื่อเรียกว่า "ดอยตุง" องค์พระบรมธาตุเจดีย์ มีอยู่ด้วยกัน 2 องค์ องค์แรกบรรจุพระบรมธาตุส่วนไหปลาร้า และอีกองค์บรรจุพระธาตุย่อย พระธาตุดอยตุงแห่งนี้ยังถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีกุน ที่นิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย และเมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 จะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านใกล้เคียง เดินทางขึ้นมาร่วมงานกราบนมัสการองค์พระธาตุเป็นประจำทุกปี

สถานที่ตั้ง : วัดพระธาตุดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โทร. 0-5376-7015-7

สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง (ดอยช้างมูบ)

เป็นที่รวมพันธุ์ไม้หายาก โดยเฉพาะกุหลาบพันปีหลากหลายชนิดจากนานาประเทศ ซึ่งจะออกดอกเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมเท่านั้น ภายในจัดเป็นเส้นทางลัดเลาะใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ มีพันธุ์ไม้พื้นเมืองและพันธุ์ไม้ป่าจำนวนมาก ทั้งต้นไม้ดิน นางพญาเสือโคร่ง สนภูเขา ฯลฯ บริเวณโดยรอบยังถูกจัดตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวนานาพันธุ์อวดสีสันแข่งกันอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีลานชมวิวต่างๆ ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างกว้างไกล เช่น ลานรุ่งอรุณ ลานอัสดง และบริเวณลานน้ำพระราชหฤทัยสมเด็จย่า และมีจุดสำคัญอยู่จุดหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดคือ "จุดส่องสามแคว้น" จะเป็นจุดที่เห็นดินแดนของ 3 ประเทศคือ ไทย ลาว พม่าและถือว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดบนยอดแห่งนี้ ถ้าใครเดินไปไม่ถูกก็สอบถาม "คุณลุงพิชัย" ไกด์ประจำพื้นที่ ซึ่งจะคอยดูแลความสะอาดและความเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ส่วนบนสุด คุณลุงเป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรีที่ดีมาก คอยแนะนำและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในสวนรุกขชาติแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี และบางทีคุณลุงก็ช่วยเป็นช่างภาพหามุมเก๋ไก๋ ให้เราได้มีรูปสวยๆ ไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ความสงบสุขในเส้นทางธรรมชาติที่คุณก็สามารถสัมผัสได้บนพื้นที่ 250 ไร่ ค่าธรรมเนียมเข้าชมท่านละ 50 บาท เปิดทุกวัน เวลา 8.00 น. - 17.00 น.

สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนดอยช้างมูบ ริมถนนสายพระธาตุดอยตุง ผาหมี ห่างจากทางแยกวัดน้อยดอยตุงประมาณ 4 กม.

หอแห่งแรงบันดาลใจ, พระตำหนักดอยตุง, สวนแม่ฟ้าหลวง

ทั้ง 3 จุดนี้ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ก่อนอื่นต้องรำลึกถึง "แม่ฟ้าหลวง" ณ หอพระราชประวัติ (หอแห่งแรงบันดาลใจ) เรียนรู้ปรัชญาในการดำรงพระชนม์ชีพ ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้ทรงให้ชีวิตใหม่แก่ดอยตุง จากนั้นเดินต่อขึ้นไปชม "พระตำหนักดอยตุง" เรือนไม้ 2 ชั้นบนเนินต่างระดับ สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างบ้านปีกไม้ ศิลปะล้านนา กับชาเลต์แบบสวิส สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เทือกเขาสลับซับซ้อนกัน กลางห้องเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อผู้มาเยือนได้สักการะ โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำ เพดานห้องโถงเป็นเพดานดาวซึ่งเป็นภาพระบบสุริยะและกลุ่มดวงดาว อยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่เคยปรากฏ ณ วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2443 วันพระราชสมภพ รอบพระตำหนักประดับด้วยไม้ดอกนานาพันธุ์ สามารถชมห้องบรรทมและห้องทรงงานที่สะท้อนพระราชจริยวัตรอันงดงามและเรียบง่าย รื่นรมย์ชมไม้เมืองหนาวต่อ ณ "สวนแม่ฟ้าหลวง" ละลานตาด้วยแปลงไม้ดอก และไม้พุ่มจากทุกมุมโลก หมุนเวียนกันเบ่งบานตลอดปี สวยสดราวผืนพรมธรรมชาติที่แปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ชมสวนกล้วยไม้ สวนหิน สวนน้ำพุ น้ำผุด ที่จะปรับเปลี่ยนไปในช่วงงานห่มหนาว ราวเดือนตุลาคมถึงเมษายนของทุกปี

Tips

- หอแห่งแรงบันดาลใจ เปิดเวลา 8.00 น. - 17.00 น. อัตราค่าบำรุงสถานที่คนละ 50 บาท (นักเรียน, นักศึกษา ฟรี!)
- พระตำหนักดอยตุง เปิดเวลา 7.00 น. - 17.30 น. อัตราค่าบำรุงสถานที่คนละ 70 บาท (นักเรียน, นักศึกษา 35 บาท)
- สวนแม่ฟ้าหลวง เปิดบริการ 6.30 น. - 18.00 น. อัตราค่าบำรุงสถานที่คนละ 80 บาท (นักเรียน, นักศึกษา 40 บาท)

วัดพระธาตุเจดีย์หลวง

เป็นวัดที่เก่าแก่ในอำเภอเชียงแสน ซึ่งเป็นอำเภอเล็กๆ อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 60 กิโลเมตร ตั้งอยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสนด้านทิศตะวันออก สร้างโดยพระเจ้าแสนภู เมื่อประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 19 โบราณสถานประกอบด้วย เจดีย์ประธานทรงระฆังแบบล้านนา สูง 88 เมตร ฐานกว้าง 24 เมตร เป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดในเชียงแสน นอกจากนี้ยังมีพระวิหารซึ่งเก่าแก่มาก และพังทลายเกือบหมดแล้วทิ้งไว้ให้เห็นเพียงบางส่วนเท่านั้น และเจดีย์ราย แบบต่างๆ 4 องค์ บรรยากาศโดยรอบสะอาดสวยงามตามศิลปะแบบล้านนา แต่ที่สะดุดตาเป็นพิเศษคือ ภายในบริเวณวัดนี้มีร้านกาแฟสวยเก๋ชื่อ "Heaven on Earth" และร้านสังฆภัณฑ์ในสไตล์เดียวกันชื่อ "บุญอุทิศ" ซึ่งพอได้คุยกับเจ้าของร้านแล้ว ต้องขออนุโมทนาบุญกับเขาด้วยจริงๆ เพราะของในร้านสังฆภัณฑ์ทั้งหมดนั้นจำหน่ายแล้วไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งนำรายได้ถวายวัดหมดเลย ส่วนร้านกาแฟก็นำรายได้บางส่วนถวายวัดเช่นกัน ถ้าคุณๆ ท่านใดมีโอกาสได้ผ่านไปแถวนั้น ก็อย่าลืมแวะไปอุดหนุนกันบ้างนะ

วนอุทยานภูชี้ฟ้า

ภูชี้ฟ้า เป็นหน้าผาหินที่มีลักษณะโดดเด่น คือ คล้ายนิ้วชี้ที่ชี้ตรงออกไปยังทิศตะวันออก อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,628 เมตร จากระดับน้ำทะเล หน้าผาหินเป็นทางลาดชัน ปกคลุมด้วยหญ้า ไม้พุ่ม และโขดหิน ไม่มีไม้ใหญ่ขึ้นเลย สามารถเดินลัดเลาะไปจนถึงสุดปลายของหน้าผาที่ยื่นออกไปได้ แต่จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพพร้อมชมทะเลหมอกคือ หมู่หินใหญ่ริมหน้าผาก่อนถึงปลายสุดของภูชี้ฟ้าประมาณ 300 เมตร สามารถมองเห็นหมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขา ในเขต ต.เชียงตอง ฝั่งลาว และเทือกเขาสลับซับซ้อนไกลออกไปลิบๆ คือแม่น้ำโขง ที่ไหลขนานไปกับเทือกดอยผาหม่น ในช่วงเช้าตรู่หุบเขาเบื้องล่างจะปกคลุมด้วยสายหมอก ทิวทัศน์จะยิ่งงดงามเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ซึ่งภูชี้ฟ้าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ได้รับความนิยมมาก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะออกจากที่พักและเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวตั้งแต่เวลา 04.00 น. เพื่อไปจับจองพื้นที่เตรียมดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่กว่าพระอาทิตย์จะขึ้นก็ต้องใช้ความอดทนกับอากาศที่หนาวเย็นและลมแรงมากพอสมควร มีรถรับ-ส่งขึ้นภูจอดบริการอยู่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

สำหรับสถานที่พักนอกจากจะกางเต็นท์นอนแล้ว ยังมีบริการบ้านพักให้เลือกหลายแบบหลากหลายราคาตามแต่งบประมาณที่ตั้งไว้ และที่แปลกไปกว่านั้นคือบนยอดดอยสูงขนาดนี้ ยังมีตลาดนัดถนนคนเดิน ให้เราได้ช้อปปิ้งหาซื้อของเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นยอดภูกันอีกด้วย ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่ต้องเป็นห่วงมีให้เลือกมากมายหลายแบบ โดยเฉพาะที่ "ร้านอลิดอย" ไก่ย่าง ส้มตำ และอาหารตามสั่งอร่อยทุกอย่าง ร้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มองหาไม่ยาก

ไม่ว่าต้องใช้ความอดทนมากสักเท่าไหร่...แต่เมื่อได้เห็นไออุ่นแรกของดวงตะวัน ก็นับว่าช่างคุ้มค่ามากสำหรับการรอคอย

TIPS

ข้อมูลการเดินทาง

+ รถยนต์ส่วนตัว สามารถเดินทางเป็นวงรอบได้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 11 จากอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ผ่านตากฟ้า-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 103 ไปอำเภองาว แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านพะเยาไปจังหวัดเชียงราย ระยะทาง 785 กิโลเมตร ขากลับใช้เส้นทางเชียงราย-เชียงใหม่ ผ่านอำเภอแม่สรวย-เวียงป่าเป้า-แม่กระจาน-ดอยสะเก็ด ทิวทัศน์สองข้างทางเป็นป่าเขาสวยงาม เมื่อเดินทางมาถึงเชียงใหม่แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำพูน ลำปาง บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ

+ รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ บริษัท ขนส่ง จำกัด ออกเดินรถจากสถานีขนส่งจตุจักร (หมอชิต 2) ไปเชียงรายทุกวัน สอบถามรายละเอียด โทร.1490 หรือ www.transport.co.th

+ การเดินทางระหว่างจังหวัดเชียงรายไปอำเภออื่นๆ จากสถานีขนส่งเชียงรายมีรถโดยสารประจำทาง บริการเดินรถไปยังอำเภอต่างๆ ในจังหวัดเชียงรายทุกวัน

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ ส่งท้ายหนาวนี้ที่ "เชียงราย"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook