The Anna Restaurant & Art Gallery

The Anna Restaurant & Art Gallery

The Anna Restaurant & Art Gallery
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ได้เวลาไปอร่อยกับหัวพุดเดิ้ลอีกแล้วค่ะ...หลังจากที่ห่างหายจากการนำเสนอร้านอร่อยไปกันพักใหญ่ ก็ถึงเวลาที่หัวพุดเดิ้ลจะพาเพื่อนๆ ชาวสนุก!ท่องเที่ยว ออกไปเติมพลังให้กับชีวิตกันเสียหน่อย ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เสริมสวย เสริมหล่อกันให้พร้อม แล้วพาสองเท้าก้าวออกจากสถานที่ทำงาน เพื่อมุ่งหน้าไปยัง..."The Anna Restaurant & Art Gallery"...

ดิ แอนนา ร้านอาหารที่ซ่อนตัวอยู่ในใจกลางเมืองใหญ่ ในซอยพิพัฒน์ ถนนสีลม สามารถเข้าออกได้ถึง 2 ทาง ทั้งจากสีลมในซอยพิพัฒน์ และ ถนนสาทร ซอยข้างโรงแรมเอเวอร์กรีน ลอเรล ตัวตึกดัดแปลงจากเรือนไม้โบราณสไตล์โคโรเนียลที่มีอายุกว่า 100 ปี ของพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (โชติกเสถียร) นำมาตกแต่งภายในใหม่ในสไตล์นีโอคลาสสิค ตัวเรือนทาด้วยสีเขียวดูสบายตา พร้อมลานจอดรถด้านหน้าที่สามารถรองรับรถได้ถึง 50 คัน และเมื่อเปิดประตูร้านเข้าไป ก็จะพบกับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ และแบ่งโซนนั่งรับประทานอาหารไว้อย่างเป็นสัดส่วน โดยบริเวณด้านหน้าติดกับประตูทางเข้า เป็นโซนของรีเซฟชั่น มีเก้าอี้ไม้ พร้อมเบาะรองนั่งลายดอกไม้สุดคลาสสิค ให้ลูกค้าสามารถนั่งรอเพื่อน หรือจะสั่งเครื่องดื่ม อาหารว่าง มานั่งรับประทานตรงนี้ก็ดูเก๋ไก๋ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

ถัดจากบริเวณรีเซฟชั่นไปทางด้านซ้าย จะเป็นพื้นที่ของเคาน์เตอร์เบเกอรี่ และบาร์เครื่องดื่ม ซึ่งระหว่างทางเดินไปก็จะมีตู้หนังสือและเก้าอี้ให้เลือกนั่งชิลล์กันได้ตามใจชอบ หากเดินเลี้ยวซ้ายไปอีกนิด ก็จะพบโซนนั่งรับประทานอาหารที่ตกแต่งผนังด้วยสีเหลืองอ่อน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังทำเก๋ด้วยการติดวอลเปเปอร์ลายดอกไม้ ความสนุกอยู่ตรงนี้ค่ะ หากมองเข้าไปในดอกไม้ จะพบความงามที่แอบซ่อนอยู่ในดอกไม้แต่ละกลีบ แต่จะเป็นอะไรนั้น งานนี้ต้องไปพิสูจน์กันเอาเองค่ะ (ขอบอกว่า.. หัวพุดเดิ้ลพิสูจน์มาแล้วด้วยความตะลึง!)

ส่วนบริเวณโถงทางเดินด้านขวาจากประตูทางเข้า เป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้สีเย็นตา พร้อมเบาะรองนั่งลายดอกไม้สวยเก๋ ตั้งอยู่ติดกับริมหน้าต่างซึ่งทำเป็นกระจกรอบ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้ ถัดเข้ามาโซนด้านในเป็นห้องรับประทานอาหารที่ตกแต่งสีเหลืองอ่อนหนึ่งห้อง และสีชมพูอีกหนึ่งห้อง ซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น่ารักๆ อย่างแจกันดอกไม้ ภาพวาด ที่ประดับประดาอยู่บนผนัง และให้ความเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการมากินกับครอบครัวใหญ่ หรือเพื่อนๆ กลุ่มใหญ่ค่ะ ที่ ดิ แอนนา เติมสีสันในแต่ละโซนให้ดูสดใสด้วยวอลเปเปอร์สีต่างๆ กันทั้ง ชมพู เหลือง ฟ้า มีลวดลายเป็นดอกไม้ อ่อนช้อย สวยงามบนกำแพง นอกจากนี้ยังขับกล่อมลูกค้าด้วยการเปิดเพลงในยุค 60's - 70's ให้ฟังเพลินกันอีกด้วย

ทางด้านชั้น 2 ของ ดิ แอนนา ถูกจัดให้เป็นแกลลอรี่ เพื่อจัดแสดงผลงานศิลปะประเภทต่างๆ โดยนำผลงานของศิลปินทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติมาจัดแสดงให้ชมหมุนเวียนกันไปทุก 2 เดือน เรียกได้ว่า นอกจากจะได้สัมผัสกับอาหารอร่อยๆ บรรยากาศดีๆ แล้วยังได้เสพงานศิลป์ ส่วนใครที่มีทรัพย์ติดตัวมาเยอะหน่อย ก็อาจจะได้ผลงานศิลปะสวยๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปอีกด้วย

ดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยๆ แล้ว มาดูไฮไลท์ของวันนี้กันค่ะ ที่ ดิ แอนนา มีอาหารสไตล์ฟิวชั่นให้เลือกอร่อยกันกว่า 70 เมนู และทุกๆ สองอาทิตย์ทางร้านจะจัดเมนูสุดพิเศษมาเสิร์ฟ เพียงวันละ 20 จานเท่านั้น! ที่สำคัญผู้บริหารร้านอย่าง คุณวิชิต ชาญอนุเดช หรือที่รู้จักกันดีในนามของ "เชฟชาลี" ยังชอบทำเซอร์ไพรส์นำเค้กมาให้รับประทานฟรีๆ อีกด้วย...ว๊าววว แล้ววันนี้ หัวพุดเดิ้ล จะได้เป็นผู้โชคดีไหมนะ!!! เดินสำรวจร้านจนทั่วแล้ว หัวพุดเดิ้ล ก็เลือกที่จะนั่งชิลล์ที่โต๊ะริมหน้าต่าง กินไป ชมวิวไป ได้บรรยากาศสุดๆ ว่าแล้วก็เปิดเมนูสั่งอาหารกันเลยดีกว่า...

รองท้องกันที่จานแรก The Anna salad (200 บาท) สลัดหน้าตาเก๋ ที่เสิร์ฟในชามใบโต พร้อมผักร็อกเก็ต ไข่ต้ม แฮม กุ้งตัวอวบๆ และเนื้อไก่ฉีกเป็นชิ้นๆ ราดด้วยน้ำสลัดสูตรเด็ดของทางร้าน ที่รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ อร่อยกำลังดี โรยหน้าด้วยไข่กุ้ง คนรักสุขภาพ ไม่ควรพลาดเมนูนี้

อร่อยกันต่อด้วย เมนูแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครอย่าง ขาหมูผัดกระเพราชายรอง (180 บาท) ขาหมูพะโล้ หั่นชิ้นใหญ่จุใจ ทั้งเนื้อและหนังปนกัน ผัดกับใบกระเพราหอมกรุ่น ใส่ถั่วฝักยาว และเพิ่มรสชาติด้วยพริกชี้ฟ้า โรยหน้าอีกทีด้วยใบกะเพราะทอดกรอบ กินคู่กับสวยร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว ส่วนสาวๆ ที่ไม่ชอบทานหนัง ก็สามารถสั่งแต่เนื้อได้ตามใจชอบเลยค่ะ...ซึ่งหัวพุดเดิ้ลมีเรื่องเล่าของเมนูนี้ค่ะ เมนูนี้นี่มีที่มาจากหุ้นส่วนร้าน ที่ชื่อว่าคุณชายรอง ได้เดินทางไปยังต่างประเทศ แล้วเกิดอยากทานอาหารรสจัดจ้านแบบบ้านเรา เลยเดินไปสั่งผัดกระเพราที่ร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง แต่ปรากฎว่า ร้านนี้มีแต่ขาหมู ด้วยความที่อยากทานอาหารไทยมาก จึงออกปากไปว่า ให้เอาขาหมูนั่นแหละ มาทำผัดกระเพราให้หน่อย เจ้าของร้านก็ใจดีแสนดี ยอมเอาขาหมูไปทำผัดกระเพราออกมาให้ ทันทีที่ได้สัมผัสรสชาติ คุณชายรองก็ติดใจ จนนำมาเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่ร้าน ดิ แอนนา แห่งนี้ เพื่อกระจายความอร่อยให้กับลูกค้าด้วย

หันมาที่เมนูเส้นกันบ้าง ก๋วยเตี๋ยวปีนัง (140 บาท) ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ผัดใส่กุนเชียงเนื้อหมูล้วนๆ ไม่มีความมัน ความเลี่ยนมากวนใจ กุ้งตัวโต หอยเเครง ลูกชิ้นปลา และถั่วงอก เสริ์ฟพร้อมซอสพริก จานนี้หน้าตาคล้ายๆ ผัดซีอิ๊ว ส่วนรสชาติเหมือนกินผัดซีอิ๊วปนกับหอยทอด...สำหรับจานนี้ขอแนะนำให้ชิมก่อน ราดซอสพริกค่ะ เพราะรสชาตินั้นอร่อยกลมกล่อมดีอยู่แล้ว แต่ถ้าใครชอบความเข้มข้นจี๊ดจ๊าดก็สามารถเติมซอสพริกได้ตามชอบเลยค่ะ

เมนูอร่อยจานถัดมา ฉูฉี่ปลาไร้ก้าง (160 บาท) ปลาดอลลี่เนื้อนุ่มนำไปทอดจนเหลือง จากนั้นก็คลุกเคล้ากับเครื่องแกงฉู่ฉี่ รสชาติกำลังพอดี ไม่เผ็ดมากจนเกินไป ราดด้วยน้ำกะทิ พร้อมตกแต่งด้วยพริกหยวกและใบมะกรูดซอย เมื่อกัดเข้าไปคำแรกจะรู้สึกได้ถึงความหอมกรุ่มของเครื่องแกง ส่วนเนื้อปลาดอลลี่ก็นู๊ม นุ่ม แทบจะไม่ต้องเคี้ยวกันเลยทีเดียวเชียว ส่วนรสชาติก็อร่อยกำลังพอดีเลยค่ะ

อาหารจานต่อมา หัวพุดเดิ้ลขอ Recommend สำหรับคนที่หลงใหลกลิ่นและรสชาติของเครื่องเทศ ต้องจานนี้เลย เนื้อแกะคาซาบลังกา (280 บาท) เนื้อแกะมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เนื้อเหนียวเคี้ยวพอหนุบหนับ คลุกเคล้ากับเครื่องแกงกะหรี่ มีรสออกเผ็ดนิดๆ ตักเข้าปากทีไร ก็จะได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศกรุ่นอยู่ในปาก เพิ่มสีสันด้วยพริกหวาน และหอมใหญ่ ราดด้วยโยเกิร์ต ทานคู่กับแป้งโรตี อร่อยจัดจ้านทีเดียวค่ะ อาหารอาหรับจานนี้ เดิมทีใช้เนื้ออูฐเป็นวัตถุดิบ ปรุงรสด้วยนมอูฐและเครื่องเทศ แต่ทางร้านเห็นว่าถ้าใช้เนื้ออูฐคงจะไม่เหมาะกับเมืองไทยแน่ เลยได้ปรับสูตรใช้เนื้อแกะแทนเนื้ออูฐ แล้วเติมความกลมกล่อมด้วยนมเปรี้ยวแทนนมอูฐค่ะ

ที่ ดิ แอนนา ไม่เพียงแต่ทำอาหารคาวอร่อยเท่านั้น ของหวานของที่นี่ก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน อย่างเมนู A'mour Cake (130 บาท) เค้กช็อกโกแลตที่นำความอร่อยของช็อกโกแลตและวิปครีม มาผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยการราดสลับกันกว่า 20 ชั้น พร้อมแอบซ่อนความเปรี้ยวนิดๆ หอมกลิ่นไวน์หน่อยๆ ของลูกเบอร์รี่แช่ไวน์ที่ถูกแทรกไว้ตรงใจกลางของเค้ก รสชาติไม่หวานหรือเลี่ยนจนเกินไป

ของหวานจานต่อมา Strawberry Crepe Cake (120 บาท) เป็นการผสานความหอมอร่อยของเครปและเค้กรสวนิลาเข้าไว้ด้วยกัน โดยการราดสลับกันเป็นชั้น เสิร์ฟพร้อมวิปครีม ลูกสตรอเบอร์รี่สดหั่นครึ่ง และสตรอเบอร์รี่ซอส เวลาทานให้นำสตรอเบอร์รี่ซอสราดลงไปบนเนื้อเครปเค้ก ก็จะได้รสชาติที่ออกหวานนิด เปรี้ยวหน่อย จานนี้แนะนำให้ค่อยๆ ละเลียดกิน ซึมซับกลิ่นหอมวนิลาในปาก รับรองได้ว่า ถ้าใครได้ชิม เป็นต้องติดใจค่ะ

ปิดท้ายกันที่เครื่องดื่มสุดคูลอย่าง Freshy Smoothies (110 บาท) ที่นำน้ำส้ม น้ำมะนาว และแครอท มาปั่นรวมกัน ได้รสชาติเปรี้ยว หวาน จิบทีไรชื่นใจทุกที หรือถ้าใครอยากบำรุงสายตาก็เลือก Mix Berry Smoothies (ราคา 110 บาท) ที่รวมผลไม้ตระกูลเบอร์อย่าง บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ มาปั่นรวมกัน รสชาติออกเปรี้ยว ดื่มแล้วได้ความสดชื่น แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย

พิเศษ!!! สำหรับชาวสนุก!ท่องเที่ยว ที่ไปลิ้มลองความอร่อยของรสชาติอาหารที่ "The Anna Restaurant & Art Gallery" ทางร้านจะมีเซอร์ไพรส์มอบให้ แต่จะเป็นอะไรนั้น งานนี้ต้องพิสูจน์เอาเองค่ะ...^^

The Anna Restaurant & Art Gallery
ที่ตั้ง : 27 ซอยพิพัฒน์ ถนนสาทรเหนือ สีลม บางรัก กรุงเทพ 10500
เว็บไซต์ : www.theannarestaurant.com
โทร : 0-2237-2788-9
เปิดบริการ : 11.00 - 22.00 น. ทุกวัน
ราคาต่อท่าน (โดยประมาณ) : 200 บาทขึ้นไป

 

เรื่องโดย : หัวพุดเดิ้ล

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

อัลบั้มภาพ 28 ภาพ

อัลบั้มภาพ 28 ภาพ ของ The Anna Restaurant & Art Gallery

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook