10 อันดับเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก

10 อันดับเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก

10 อันดับเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อันดับที่ 10 Chiang Mai

มาเริ่มที่อันดับ 10 ครับ เชียงใหม่นั้นเอง ติดอันดับกับเค้าด้วยนะเนี่ย !!!! สุโค่ยยยยยยยย ชาวเชียงใหม่เฮกันหน่อยยยย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งใน 75 จังหวัดของไทย ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 20,107 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ และมีจำนวนประชากรประมาณ 1.63 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ แบ่งการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ (โดยที่อำเภอกัลยาณิวัฒนาเป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัด และลำดับที่ 878 ของประเทศ) จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาในระดับสูง มีศักยภาพในการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการลงทุน จนเป็นเมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากกรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมมากมาย มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรล้านนาในสมัยโบราณ มีภาษาล้านนา (คำเมือง) เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกับจังหวัดอื่น ๆ ทั้งด้านประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม

อันดับที่ 9 Newcastle


อันดับ 9 ตกเป็นของ เมือง Newcastle ในประเทศอังกฤษ

อันดับที่ 8 Delhi


เดลี หรือในชื่อท้องถิ่นว่า ดิลลี ชื่อเต็มคือ National Capital Territory of Delhi (NCT) เป็นมหานครที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของอินเดียและมีประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ เดลีเก่า และเดลีใหม่ (นิวเดลี) ซึ่งเป็นเมืองหลวงปัจจุบันของอินเดีย

อันดับที่ 7 Ghent

เกนต์ เยนท์ หรือ ก็อง เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดอีสต์ฟลานเดอส์ในบริเวณเฟลมมิชในประเทศเบลเยียมในประเทศเบลเยียม เดิมตัวเมืองเริ่มจากการตั้งถิ่นฐานที่ปากแม่น้ำสเกลต์และแม่น้ำลูส ในยุคกลางเกนต์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมั่งคั่งที่สุดในตอนเหนือของยุโรป ในปัจจุบันเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเกนต์ เกนต์เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นลำดับสองของประเทศเบลเยียมโดยจำนวนประชาชน บริเวณตัวเมืองและปริมณฑลมีเนื้อที่ 1,205 ตารางกิโลเมตรและมีประชากรทั้งหมด 594,582 คน (1 มกราคม 2008) ทุกปีเป็นเวลาสิบวัน เกนต์จะเป็นที่จัดงาน "เทศกาลเกนต์" ที่มีผู้เข้าร่วมงานราวสองล้านคน

อันดับที่ 6 Iquitos


อันดับ 6 ตกเป็น ของ Iquitos ในประเทศเปรู

อันดับที่ 5 Valencia


บาเลนเซีย เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาเลนเซียและจังหวัดบาเลนเซีย เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสเปนและเป็นย่านอุตสาหกรรมใหญ่ริมชายฝั่งโกสตาเดลอาซาอาร์ ในปี พ.ศ. 2549 เฉพาะเมืองนี้มีจำนวนประชากรคือ 807,396 คน ส่วนประชากรในเขตมหานคร (เขตเมืองรวมกับเมืองบริวาร) มีจำนวน 1,807,396 คน นายกเทศมนตรีของเมืองปัจจุบันคือ นางรีตา บาร์เบรา โนยา เมืองบาเลนเซียมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน มีฤดูร้อนที่แห้งอบอุ่นและอากาศหนาวที่ไม่รุนแรง มีสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงคือ สโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย

อันดับที่ 4 Wellington


เวลลิงตัน เป็นเมืองหลวงของประเทศนิวซีแลนด์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ "เวลลิงตัน เมืองแห่งสายลม" เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีสายลมพัดผ่านมากที่สุดของนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ปลายสุดของเกาะเหนือ ระหว่างช่องแคบคุกกับ Rimutaka Range ชื่อของเมืองหลวงแห่งนี้มาจากชื่อที่ตั้งเป็นเกียรติแด่ อาร์เธอร์ เวลเลสลีย์ มีประชากรทั้งสิ้น 430,000 คน นับเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 รองจากโอ๊คแลนด์ เวลลิงตันเป็นที่ตั้งของรัฐสภา สถานทูต และกงสุลต่างๆ เป็นศูนย์กลางของศิลปะวัฒนธรรมและความมีชีวิตชีวา ในเมืองจะเต็มไปด้วยร้านอาหารรสเลิศ ร้านกาแฟ และกิจกรรมยามค่ำคืน นอกจากการเป็นเมืองหลวงแล้ว เวลลิงตันยังมีความสำคัญ คือเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ที่ใช้สัญจรผ่านไปสู่เกาะใต้ ตามแนวเขาลาดชันชายฝั่ง จะเห็นสิ่งปลูกสร้างไม้สไตล์วิคตอเรียขึ้นอยู่เป็นทิวแถว อุณหภูมิอบอุ่นกำลังดีระหว่าง 9-13 องศาเซลเซียสในหน้าหนาว ส่วนหน้าร้อนประมาณ 17-22 องศาเซลเซียส

อันดับที่ 3 Tel Aviv


เทลอาวีฟ-ยาโฟ หรือมักหมายถึง เทลอาวีฟ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศอิสราเอล มีประชากรราว 393,900 คน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยพื้นที่ 51.8 ตร.กม. เทลอาวีฟก่อตั้งในปี ค.ศ. 1909 บนเขตพื้นที่รอบนอกของเมืองท่าโบราณจัฟฟา ความเจริญของเทลอาวีฟได้ก้าวไปไกลกว่าเมืองจัฟฟาที่ในตอนนั้นเป็นของอาหรับอยู่ จนเทลอาวีฟและจัฟฟาถูกรวมเป็นเมืองเดียวกันในปี ค.ศ. 1950 สองปีหลังจากการก่อตั้งรัฐอิสราเอล นครสีขาวแห่งเทลอาวีฟได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกในปี 2003 ถือเป็นการรวมกลุ่มอาคารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทลอาวีฟเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญและเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในอิสราเอล เป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นเทลอาวีฟและสำนักงานและศูนย์กลางการพัฒนาและวิจัยหลายแห่ง การที่เมืองมีชายหาด บาร์ คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านค้าราคาแพง ภูมิอากาศที่ดีและชีวิตคนเมือง ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังได้ฉายาว่า "เมืองที่ไม่เคยหลับ" อีกด้วย และยังเป็นเมืองหลวงการเงินของประเทศ และเป็นศูนย์กลางด้านศิลปะการแสดงและศูนย์กลางการค้า เขตเมืองของเทลอาวีฟยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของตะวันออกกลางด้านเศรษฐกิจ และเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในโลกในอันดับที่ 17

อันดับที่ 2 Tangier


อันดับ 2 ตกเป็นของ แทนเจียร์ ใน โมร๊อคโค

อันดับที่ 1 New York


มหานครนิวยอร์ก หรือที่นิยมเรียกกันว่า นิวยอร์กซิตี้ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นมหานครเอกของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ที่สำคัญที่สุดของโลก เป็นเมืองที่มี ตึกระฟ้า ตึกสูงมากที่สุดในโลก ตลอดระยะเวลา 150 ปี และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ อีกด้วย นิวยอร์กตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย 5 เขตปกครองที่เรียกว่า โบโรฮ์ (Borough) คือ เดอะบรองซ์ บรูคลิน แมนแฮตตัน ควีนส์ และสแตตัน ไอส์แลนด์ ประชากรรวมทั้งหมดประมาณ 8,274,527 คน ภายในพื้นที่ 790 ตร.กม. (305 ตร.ไมล์) นอกจากจะเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดแล้ว สัดส่วนพื้นที่ต่อประชากรยังถือว่าหนาแน่นที่สุดในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ลักษณะเฉพาะของนิวยอร์กที่แตกต่างไปจากเมืองแห่งอื่นของสหรัฐอเมริกา มีให้เห็นหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ระบบขนส่งที่มีโครงข่ายขนาดใหญ่ ความเหมือนและความแตกต่างกันของประชากร ในปี 2005 มีภาษาประมาณ 170 ภาษาที่ใช้กันในเมืองแห่งนี้ และ 36% ของประชากรไม่ได้เกิดและโตในสหรัฐอเมริกา ระบบรถไฟใต้ดินนครนิวยอร์กที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง บวกกับการจราจรและผู้คนที่พลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา จึงมีคำเปรียบเปรยถึงนิวยอร์กว่าเป็น "เมืองที่ไม่เคยหลับไหล"

ขณะเดียวกันเมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเล่นอื่นๆ อีกด้วยอย่าง "กอร์ทเทม" และ "บิ๊กแอปเปิล" ชาวดัชต์ถือเป็นผู้คนกลุ่มแรกที่เข้ามาเริ่มปักหลักทำการค้าในปี 1624 ซึ่งนั้นได้ทำให้เมืองแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 1785 จนกระทั่งปี 1790 และเคยเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1790 เทพีเสรีภาพ ได้ให้การต้อนรับผู้มาเยือนหลายล้านคน ที่เดินทางมายังสหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 20 วอลล์สตรีท ที่ตั้งอยู่ในแมนแฮตตันตอนใต้ ก็ถือเป็นศูนย์กลางที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินของโลกมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ในปัจจุบัน นิวยอร์กมีสถานที่แห่งสำคัญที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของโลกอีกมากมาย รวมทั้งตึกที่เคยสูงที่สุดในโลกอย่างตึกเอ็มไพร์สเตท อีกด้วย นิวยอร์กยังเป็นบ้านเกิดของวัฒนธรรมที่หลากหลายๆ ไม่ว่าจะเป็นงานวรรณกรรมและทัศนศิลป์ที่เรียกว่า ฮาเล็ม เรอเนสซองค์ งานภาพเขียนที่เรียกว่าศิลปะกึ่งนามธรรม หรือที่รู้จักกันว่า "นิวยอร์กสคูล" วัฒนธรรมทางดนตรีอย่าง ฮิปฮอป พังค์ ซัลซ่า และดิสโก้ รวมทั้งยังเป็นบ้านเกิดของละครบรอดเวย์อีกด้วย

 

ขอขอบคุณข้อมูล/ภาพประกอบจาก : toptenthailand.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook