David Noton ช่างภาพธรรมชาติและท่องเที่ยว

David Noton ช่างภาพธรรมชาติและท่องเที่ยว

David Noton ช่างภาพธรรมชาติและท่องเที่ยว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

David Noton ช่างภาพธรรมชาติและท่องเที่ยว

ด้วยประสบการณ์เกือบ 25 ปีในฐานะมือโปรด้านการถ่ายภาพท่องเที่ยวและทิวทัศน์ David Noton มีคำแนะนำและเคล็ดลับมากมายมาให้ Geoff Harris จะพาคุณมาพบกับชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้

Gunung Anung Bali
"นี่ถือเป็นแบบฝึกหัดสำหรับความไม่ย่อท้อ เนื่องจากในหน้าฝนมันจะทำให้บดบังวิวของภูเขาไฟไปหมดจนกระทั่งวันสุดท้ายของผม"
ถ่ายที่ 1/50 วินาที ที่ f/8

----------------------

David Noton

Profile

- David Noton เกิดที่ Bedfordshire ในปี 1957 และเติบโตขึ้นมาที่แคนาดา เขาเดินทางไปกับเรือสินค้าด้วย
- เขาเทิร์นโปรในปี 1985 หลังกลับเข้ามาเรียนด้านการถ่ายภาพ
- Noton ชนะรางวัล BBC Wildlife Photographer of the Year 3 ครั้ง และปัจจุบันเป็นนักเขียนและผู้ฝึกสอนที่ผลิตงานออกมาอย่างมากมาย หนังสือเล่มล่าสุดของเขาก็คือ Waiting for the Light (David and Charles)

Noton กล่าวถึงการทำให้ภาพทิวทัศน์มีอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ

"สิ่งสำคัญก็คือ ถ่ายภาพสถานที่ให้มันแตกต่าง ถ่ายภาพให้ดีกว่าคนอื่นๆ มองหามุมใหม่ๆ

มันเป็นเรื่องของการมีไอเดียเริ่มต้นและความสามารถในการทำให้ไอเดียออกมาเป็นจริงได้"

ความท้าทายหลักๆ อย่างหนึ่งในการถ่ายภาพทิวทัศน์และท่องเที่ยวนั้นก็คือ มองสิ่งต่างๆ ในแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ ถ่ายภาพใหม่ๆ ของผู้คน สถานที่ และตึกราม ซึ่งถูกถ่ายภาพมาแล้วนับเป็นล้านๆ ครั้ง ใครก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปยัง Havana หรือว่า Ho Chi Minh City ได้ทั้งนั้น แต่การกลับมาพร้อมกับภาพอันเป็นเอกลักษณ์นั้นถือเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า

David Noton รู้ดีถึงวิธีที่จัดการกับสิ่งท้าทายดังกล่าวดีกว่าคนส่วนใหญ่ เนื่องจากเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัยหนุ่มเดินทางท่องทั่วโลกมาแล้ว เริ่มต้นโดยการทำงานกับเรือสินค้า จากนั้นก็ในฐานะช่างภาพมือโปร เขากล่าวว่าได้เดินทางมาแล้วทั่วทุกแห่ง นอกเสียจาก Antarctica (มันอยู่ในรายชื่อเหมือนกัน) แล้วเขาทำอย่างไรที่จะมองสิ่งต่างๆ ในแบบใหม่ๆ ล่ะ? "คุณจำเป็นต้องละเลยว่าก่อนหน้านั้นมีการทำอะไรไปบ้างและมองสิ่งต่างๆ นั้นด้วยสายตาของคุณเองก่อน" เขากล่าว "จัดการกับตัวแบบ ให้เวลากับสิ่งนั้น และเตรียมพร้อมในการทำงานกับเรื่องสถานที่"

อาชีพของ Noton นั้นมีสีสันเป็นอย่างยิ่ง เขาเกิดในสหราชอาณาจักร แต่วัยเด็กของเขานั้นอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือ เนื่องจากพ่อของเขานั้นทำงานอยู่ใน NASA Space Programme เขาได้รับกล้องตัวแรกที่เป็น Kodak Instamatic ในวันเกิดอายุครบ 13 ปีของเขา และจากนั้นก็ได้เข้าร่วมกับกองเรือสินค้า ระหว่างที่เขาผจญภัยอยู่ในกองเรือนั้น Noton ได้เดินทางไปทั่วโลกโดยผ่านทางออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และคลองปานามา แม้ว่าความสนใจของเขาในเรื่องการถ่ายภาพนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ยุ่งเกินกว่าที่จะมาเอาจริงกับมัน

หลังจากที่กล้องของเขาถูกขโมยไป เขาก็ตัดสินใจที่จะซื้อกล้อง SLR เมื่อกลับไปที่สหราชอาณาจักร ละจากงานตามท้องทะเลไป และลงเรียนการถ่ายภาพอย่างจริงจัง "ผมตระหนักได้ว่ามันไม่มีโอกาสครั้งที่สองหรอก และผมก็จริงจังมากกับการเรียน มันยากจริงๆ แต่ผมก็คิดว่าชีวิตในท้องทะเลนั้นทำให้ผมสามารถจัดการกับมันได้อย่างดี และแล้วความฝันก็กลายเป็นจริง"

ดังที่ Noton ได้อธิบายไว้ ในปี 1980 เขาเป็นอดีตกลาสีเรือสินค้าที่เคว้งคว้างไม่รู้อะไร ทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างเช่นในโรงงานผลิตกาว "การถ่ายภาพได้กลายเป็นเรื่องของความหลงใหล ผมอยากจะเป็นโปรมาก แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันต้องทำอย่างไร และตอนนี้ 27 ปีผ่านไปจากการทำความสะอาดหน้าต่างที่ Watford ผมก็ได้ตีพิมพ์หนังสือเล่มแรกของผมเอง ดังนั้น ก็เป็นที่ชัดเจนว่ามันสามารถเป็นจริงได้"

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับแรงบันดาลใจสมัยต้นๆ Noton ได้กล่าวว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากภาพมากกว่าติดตามจากชื่อของใครเป็นพิเศษ "ผมได้อ่านจากนิตยสารซึ่งตอนนี้เลิกไปแล้ว ชื่อว่า Camera ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 และได้เป็นการปูทางเข้าไปจากพอร์ทโฟลิโอจาก Himalayas, Chile และสถานที่แปลกใหม่อื่นๆ แต่ผมก็รัก ช่างภาพข่าวในช่วงทศวรรษที่ 1940 ถึง 1950 และยังรวมถึง Henri Cartier-Bresson ด้วย

----------------------

Portrait of Girl, Laos
"ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปยังสถานที่นี้ แต่สภาพแสงก็ดูมัวๆ เกินไปที่จะได้ภาพทิวทัศน์แจ่มๆ ออกมา ดังนั้น ผมจึงดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเด็กคนนี้ปรากฏตัวให้เห็น ผมถ่ายภาพเธอด้วยเลนส์ไวแสงสูงขนาด 24 มม. ที่ f/1.4 เพื่อที่จะทำให้ฉากหลังเบลอ และใช้ฟิลเตอร์ ND ครึ่งซีกขนาด 0.6 เพื่อที่จะดึงท้องฟ้าออกไป"

----------------------

ทักษะของผู้คน

ทักษะของ Noton นั้นอยู่ที่การกลับมาจากสถานที่ที่เหมาะกับการถ่ายภาพอย่างเช่น Cuba หรือว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมกับภาพถ่ายแบบใหม่ๆ และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เขายังถือเป็นปรมาจารย์ทางด้านการถ่ายภาพทิวทัศน์ด้วย จากประวัติการทำงานของเขา เขาไม่เกี่ยงที่จะใช้เวลาอยู่ในสถานที่นั้นๆ หรือที่เขาเรียกว่า "ทำงานกับตัวแบบ" นั่นเอง แต่ทว่ามือสมัครเล่นซึ่งอยู่ในช่วงพักผ่อนจะมาหาเวลาสำหรับวิธีที่เขาสนใจอยู่ได้อย่างไร?

"แน่นอน คุณจำเป็นต้องปรับแต่งมัน อย่าถ่ายภาพดาษๆ ทั่วไปหลายร้อยภาพ แต่ภาพที่ดีๆ เพียงแค่ไม่กี่ภาพก็ดีแล้ว กล้องดิจิทัลทำให้เราถ่ายภาพได้อย่างง่ายดาย แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะได้ภาพยอดเยี่ยมออกมาสักภาพ ทักษะของคนนั้นถือเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับการถ่ายภาพท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน คุณจำเป็นต้องมีเมตตากับคนทั่วไป และเข้าใจไอเดียของตัวเอง ช่างภาพทั้งหมดจำเป็นต้องทำให้ภาพทั้งหลายเข้ามาหาตัวเขา คุณไม่สามารถจะยืนรออยู่พร้อมกับเลนส์ตัวยาวได้หรอก"

Noton ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความเข้าใจในแง่มุมที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการถ่ายภาพเวลาที่คุณต้องเดินทางด้วย "ผมรู้สึกผิดหวังเวลาที่คนปฏิเสธที่จะถูกถ่ายรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ยังมีความลังเลทางวัฒนธรรมอยู่ แต่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับมัน นี่ถือเป็นปัญหาตรงกันข้ามเลยกับประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนที่นั้นยินดีมากที่จะถูกถ่ายภาพ และไม่ยอมหยุดโพสท่าเอาเลย!"

แล้ว Noton เคยตกอยู่ท่ามกลางอันตรายจริงๆ เวลาที่เขาเดินทางหรือไม่? "เอาล่ะ ผมเคยขี่จักรยานเข้าไปในแม่น้ำที่เวียดนาม และเกือบจะจมน้ำตายที่ Tahiti แต่ผมไม่ใช่ช่างภาพข่าวแต่อย่างใด ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องอันตรายเท่าไรนักหรอก ข้อเสียที่หนักสุดก็คือ คุณกำลังชื่นชมกับทิวทัศน์อยู่ และลืมที่จะหันหลังไปมองว่ามีอะไร"

----------------------

Yoho National Park, British Columbia, Canada
"ภาพนี้ผมถ่ายเมื่อเดือน พฤศจิกายนที่แล้ว นี่เป็นตัวอย่างที่ดี ที่จะดูว่าเราจะทำงานกับสถานที่ได้อย่างไร และทำให้เห็นภาพออกมาก่อนได้อย่างไร ตัวซากไม้นั้นถือเป็นอุปกรณ์ที่มาเป็นองค์ประกอบได้เป็นอย่างดี และทั้งหมดมันก็มาอยู่ด้วยกันในตอนเย็นวันที่สาม พระอาทิตย์และตัวทะเลสาบนั้นก็สมบูรณ์แบบมาก"

----------------------

ถ่ายเก็บไว้

Noton นั้นใจกว้างมากในเรื่องการให้คำปรึกษาทางเว็บไซต์ของเขาแก่บรรดาผู้ที่อยากจะเป็นมือโปรทั้งหลาย ซึ่งเขาได้กล่าวเกี่ยวกับความสำคัญของการขายงานของตัวเองไปให้กับห้องสมุดภาพเพื่อที่จะได้รับเงินค่าจ้างอย่างมั่นคง แต่นี่ถือว่าเป็นหนทางที่ทำได้อยู่อีกหรือไม่ เนื่องมาจากการแข่งขันที่ดุดันขึ้น รวมถึงอัตรารายได้ที่ลดลง? "เป็นเรื่องหนักสำหรับผู้ที่อยากจะเป็นโปร และวิธีในแบบ ‘มีเต็มไปหมดเลย ถ้างั้นก็ขายถูกๆ ละกัน' แบบนี้สำหรับห้องสมุดภาพใหญ่ๆ นั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย การเริ่มต้นสำหรับผมนั้นก็หนักเอาการ และมันก็ไม่ได้ง่ายขึ้นแต่อย่างใด ไม่มีใครหรอกที่จะให้วิธีแก้ปัญหาในแบบง่ายๆ สำหรับคุณ ผมคิดว่าคุณจำเป็นต้องหาตลาดเฉพาะ คุณจำเป็นต้องมีไอเดีย ตอนนี้มันมีโอกาสอยู่เต็มไปหมดที่จะทำให้งานของคุณปรากฏออกมา ดังนั้น คุณจำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ถ้าคุณมีดีพอ คุณก็จะเริ่มต้นดึงดูดความสนใจเข้ามาแล้ว"

แต่สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นช่างภาพท่องเที่ยวล่ะ สถานที่ที่น่าสนใจต่างๆ ในโลกนี้ไม่ได้ถูกถ่ายภาพเสียพรุนไปแล้วเหรอ? คำตอบของ Noton นั้นให้กำลังใจเป็นอย่างยิ่ง "ใครๆ ต่างก็พูดแบบเดียวกันนี้กับผมตอนที่ผมเริ่มต้น! สิ่งสำคัญก็คือ ถ่ายภาพสถานที่ให้มันแตกต่าง ถ่ายภาพให้ดีกว่าคนอื่นๆ มองหามุมใหม่ๆ มันเป็นเรื่องของการมีไอเดียเริ่มต้น และความสามารถในการทำให้ไอเดียออกมาเป็นจริงได้"

และเพื่อเป็นตัวอย่าง Noton ได้อธิบายว่าเขาจับพลัดจับผลูเข้ามาถ่ายภาพเมือง Hanoi ของเวียดนามได้อย่างไร "ผมไปถึงที่นั่นแล้วคิดว่า ‘ฮานอยมันเป็นยังไงล่ะ อะไรที่ถือเป็นเอกลักษณ์?' มันวุ่นวายและมีการเคลื่อนไหวอย่างคงที่ แล้วผมจะแสดงมันออกมาอย่างไรล่ะ? วิธีหนึ่งก็คือทดลองด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำ อย่างเช่น แพนภาพไปช้าๆเพื่อให้ตัวแบบนั้นคมชัด แต่ฉากหลังที่มีการเคลื่อนที่นั้นเบลอ ช่วยให้ความรู้สึกถึงความวุ่นวายของสถานที่นั้น" Noton เชื่อว่าวิธีแบบเดียวกันนี้ใช้การได้กับทิวทัศน์ที่อยู่นิ่งด้วยเช่นกัน "คุณจำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับว่าอะไรที่มันเป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ - ยกตัวอย่างเช่น กำแพงศิลาใน Yorkshire Dales เป็นต้น จงจำไว้ว่า การหาสไตล์ของคุณเองนั้นมาพร้อมกับเวลาที่ใช้ และประสบการณ์การถ่ายภาพ"

ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องแสงนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับ Noton และไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาตั้งชื่อหนังสือว่า Waiting for the Light และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้ระบุถึงชีวิตอันยากลำบากในการฝึกหัดการถ่ายภาพว่าเป็นตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาในที่นี้ "ถ้าหากคุณสามารถทำอะไรได้จากโกดังที่หันหน้าไปทางเหนือซึ่งอยู่ที่ท่าเรือ Bristol ในเช้าอันมืดหม่นของเดือนกุมภาพันธ์ได้แล้วล่ะก็ การถ่ายภาพทัชมาฮาลในยามรุ่งสางก็ถือเป็นเรื่องกล้วยๆ ไปเลย!"

----------------------

Barber in His Shop, Morocco
"ผมถูกปฏิเสธ มากมายตอนอยู่ที่ Morocco แต่ช่างตัดผมคนนี้ยินยอมที่จะกลายเป็นแบบให้ถ่ายรูป สภาพแสงนั้นสวยงามมาก ผมใช้เลนส์ Fast f/1.2, 85 มม. ซึ่งเยี่ยมยอดมากสำหรับภาพถ่ายในสถานที่แคบและสภาพแสงต่ำ"

----------------------

ความรู้จากการทำงาน

หลังจากที่ได้ใช้ระบบของ Olympus และ Nikon มา Noton ก็ได้เปลี่ยนไปเป็น Canon ในปี 2005 Noton รู้สึกแฮปปี้มากกับกล้องตัวปัจจุบัน แต่ก็ยังชี้จุดที่น่าสนใจบางอย่างเกี่ยวกับ ISO "ผู้ผลิตกล้องในปัจจุบันต่างพยายามที่จะเอาชนะคู่แข่งในเรื่องของ ISO Sensitivity สูงๆ เพื่อเราจะได้ถ่ายรูปได้โดยไม่ต้องใช้แฟลช แต่พวกเราก็ยังอยากจะได้ความสามารถที่จะถ่ายด้วยความไวต่ำๆ ด้วย เพื่อที่จะได้สามารถเลือกค่า ISO ที่ต่ำๆ ได้ บางครั้งผมก็สงสัยอยู่ว่าบรรดาบริษัทผู้ผลิตกล้องในญี่ปุ่นนั้นเข้าใจบ้างหรือเปล่าว่ามันเป็นอย่างไรเวลาที่ออกไปอยู่ริมชายฝั่ง และมีลมแรง ในขณะที่มันก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ"

สิ่งอื่นที่อยู่ในลิสต์สิ่งที่อยากได้เกี่ยวกับเทคโนโลยี SLR ของ Noton ก็ยังรวมถึงค่าไดนามิคเรนจ์ที่สูงขึ้น และความสามารถที่จะตั้งโฟกัสแบบ Hyperfocal ได้ "เหล่านี้น่าจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผม มากกว่าการมีจำนวนเมกะพิกเซลมากๆ เสียอีกยังไงก็ดี ผมคิดว่าอะไรที่มันเกิน 20 ล้านพิกเซลไปแล้วก็ไม่น่าจะมีประโยชน์มากนักหรอก"

เมื่อพูดถึง Photoshop แล้ว Noton ก็จะยังคงการปรับแต่งภาพให้น้อยที่สุด "คุณควรจะถ่ายภาพเริ่มต้นให้ดีเสียเลย ตั้งแต่การเลือกเปิดรับแสงให้ถูกต้อง มี Noise ต่ำ และใช้ขาตั้งกล้องหรือว่าล็อกกระจกสะท้อนภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงการสั่นของกล้อง จากนั้น ผมก็จะปรับโทนสีของภาพโดยละเอียดโดยใช้ Levels and Curves และบางทีก็อาจจะเลือกท้องฟ้าเพื่อที่จะดึงเอารายละเอียดออกมา ถ้าหากกรณีที่ข้อมูลของภาพทุกอย่างอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว เนื่องจากคุณถ่ายภาพมาถูกต้องในตอนนั้น คุณก็จะสามารถที่จะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในภาพของคุณออกมาได้ใน Photoshop แต่ดังที่ผมได้บอกนักเรียนของผมในเวิร์กช็อปอยู่เสมอว่า คุณจำเป็นต้องฉลาด"

สำหรับอนาคตนั้น Noton บอกว่าเขากำลังจะบินไป Bolivia เพื่อที่จะทำงานของเขาในหนังสือเล่มหน้า "ผมจะต้องเดินทางประมาณ 10 ครั้ง 10 เมืองจุดหมาย และ 10 ความท้าทายทางด้านการถ่ายภาพที่แตกต่างกัน ถ้าคุณอยากจะพัฒนาการเป็นช่างภาพของคุณขึ้นไปเรื่อยๆ คุณจำเป็นต้องผลักดันตัวเองให้ไปข้างหน้า หนังสือของผม การจัดเวิร์กช็อป และโรดโชว์ของผมก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ผมยังต้องออกไปข้างนอกเพื่อที่จะทำอะไรของผมเองอยู่!"

----------------------

The Valnerina, Umbria, Italy
"นี่ดูเหมือนเป็นวิวจากอังกฤษแบบคลาสสิก แต่จริงๆ แล้วมันอยู่ที่อิตาลี ผมถ่ายภาพนี้ในแบบอินฟราเรด และชอบมันมาก เนื่องจากเอฟเฟ็คท์ ของอินฟราเรดนั้นไม่ได้ดูชัดแจ้งเกินไป ภาพนี้มันยังมีแถบแสงสลับกันไปอย่างสวยงามด้วย"

----------------------

เคล็ดลับของ David Noton

- ตามความฝันของคุณไป คุณจะทำได้ดีที่สุดเวลาที่ถ่ายภาพสิ่งที่คุณรัก และผมก็เห็นสิ่งนี้จากนักเรียนของผมมาแล้ว
- เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของคุณ นำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาใช้ กลับไปยังสถานที่ใดๆ แล้วก็ทำให้มันถูกต้องเสีย
- ถ้าหากภาพที่ออกมายังไม่ค่อยได้เรื่อง ให้คิดอย่างหนักว่าทำไมมันจึงเกิดขึ้น การถ่ายภาพนี้อีกครั้งหนึ่งในสภาวะที่แตกต่างกันก็อาจจะช่วยได้
- จงอย่าหยุดเรียนรู้เกี่ยวกับรายละเอียดของแสงที่ไม่มีวันจบ

 

เบื้องหลังภาพถ่าย Street Scene, Hanoi


แพนกล้องช้าๆ

"ผมอยากจะแสดงถึงความวุ่นวายของ Hanoi ดังนั้น การแพนกล้องแบบช้าๆ ก็เป็นวิธีที่จะเลือกใช้ เช่นเดียวกับความไวชัตเตอร์ที่ต่ำด้วย การทำให้ฉากหลังออกมาอย่างถูกต้องถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการใช้เทคนิคนี้

ชัตเตอร์และเลนส์

"ผมใช้เวลาทั้งบ่ายเพื่อพยายามที่จะได้ภาพนี้ออกมา ผมได้นั่งยองๆ อยู่ข้างถนน และจัดองค์ประกอบภาพไปเรื่อย ผมถ่ายภาพนี้ที่ 1/8 วินาที โดยใช้เลนส์ Canon 70-200 มม. ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานประเภทนี้

ตัวแบบ

"ในเวลาเดียวกัน ผมก็พยายามที่จะจัดให้ตัวแบบมีความคมชัดดี ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มักจะไม่ถือสาอะไรถ้าหากถูกถ่ายรูป แม้ว่าคุณอาจจะได้รับการมองด้วยสายตาที่ตั้งคำถามแบบแปลกๆ ก็ตาม

ในกระเป๋าของเขา
Noton ใช้กล้อง EOS-1Ds Mark III และ EOS 5D พร้อมกับเลนส์ประเภทต่างๆ อีกมากตั้งแต่เลนส์ ฟิชอาย ไปจนถึง เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ (สำหรับงานถ่ายภาพท่องเที่ยว Noton ถือเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Canon 85 มม. f/1.2L) เขาชอบใช้ค่า ISO สูงๆ มากกว่าที่จะใช้แฟลช และยังเป็นสาวกของฟิลเตอร์ Lee อีกด้วย

ชมภาพ ธรรมชาติและท่องเที่ยว อีกมากมายของ David Noton ได้ที่ www. davidnoton.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook