เปิดไร่องุ่นกรานต์มอนเต้ (Granmonte') กับ นิคกี้-วิสุตา โลหิตนาวี

เปิดไร่องุ่นกรานต์มอนเต้ (Granmonte') กับ นิคกี้-วิสุตา โลหิตนาวี

เปิดไร่องุ่นกรานต์มอนเต้ (Granmonte') กับ นิคกี้-วิสุตา โลหิตนาวี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พูดถึงการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สำหรับเราแล้วดูจะห่างไกลเรื่องราวพวกนี้อยู่มาก การมาที่ ไร่กรานต์มอนเต้ มวกเหล็ก - เขาใหญ่ ครั้งนี้ จึงเหมือนเป็นการเปิดโลกอีกด้านหนึ่งของการท่องเที่ยวของเรา เพราะป็นการเยี่ยมไร่องุ่นและโรงงานทำไวน์ครั้งแรกของเรา

วันนี้เรามีนัด ‘คุณนิคกี้-วิสุตา โลหิตนาวี' ลูกสาวคนเก่งของวิสุทธิ์-กุณา โลหิตนาวี เจ้าของไร่กรานมอนเต้ เธอรับอาสาพาเราชมไร่องุ่นพื้นที่กว่า 100 ไร่และ GranMote' Winery โรงบ่มไวน์ของที่นี่ สำหรับคุณนิคกี้เธอเพิ่งจบการศึกษาด้านการปลูกองุ่นและทำไวน์จากมหาวิทยาลัย Adelaide-South Australia สาขา Viticulture and Winery ซึ่งไม่เคยมีคนไทย เรียนมาก่อน

ความยิ่งใหญ่ของไร่กรานมอนเต้เริ่มต้นเมื่อ 10 ปีก่อน ที่คุณวิสุทธิ์+สกุณา โลหิตนาวี มีความสนใจอยากจะทำไร่องุ่น และอยากจะชุบชีวิตพื้นที่รกร้างแห่งนี้กว่า 100 ไร่ให้มีชีวิตอีกครั้ง จากวันนั้นถึงวันนี้อาณาจักรกรานมอนเต้จึงเต็มไปด้วยต้นองุ่นที่พร้อมจะให้ผลผลิตกับผู้เป็นเจ้าของในทุกๆปี ผลผลิตส่วนใหญ่ของที่นี่จะถูกส่งออกเพื่อผลิตไวน์ ซึ่งเดิมที่จะส่งไปยังผู้รับซื้อองุ่นเพื่อบ่มไวน์อีกทอดหนึ่ง

สำหรับต้นองุ่นที่ทำไวน์แดงสายพันธุ์ Shiraz/Syrah, Cabernet Sauvignon, Tempranillo ส่วนองุ่นพันธุ์ทำไวน์ขาว เช่น Chenin Blanc, Verdelho/Brazil ก็ให้เติบโตตลอดทั้งปี คุณนิคกี้บอกกับเราว่า การชมไร่องุ่นช่วงที่เหมาะที่สุดคือฤดูหนาว เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่ต้นองุ่นกำลังออกผลผลิต และอากาศกำลังสบาย

สำหรับ GranMote Winery โรงงานบ่มไวน์ของแกรนมอนเต้ ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นปี 53 ที่ผ่านมา ที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งท้าทายและเวทีประลองวิชาของคุณนิคกี้ เพราะเธอต้องลงมาควบคุมการผลิตไวน์ด้วยตัวเอง คุณนิคกี้ บอกกับเราว่า ไวน์ที่ดีต้องผลิตจากผลองุ่นชั้นเลิศที่เจ้าของเอาใจใส่ตั้งแต่คัด พันธุ์-ปลูกเลี้ยง จดจำเรื่องของสภาพอากาศในปีนั้นๆ เพราะการปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์จะทำได้แค่ปีละครั้ง ซึ่งในแต่ละปีรสชาติขององุ่นก็จะไม่เหมือนกัน แม้จะมาจากสายพันธุ์เดียวกับก็ตาม

ภายในโรงงานไวน์ที่ต้องควบคุมห้องเก็บถังไวน์ไว้ที่ 17 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันไวน์ระเหย ขั้นตอนการหมักองุ่นในถังสแตนเลสหรือในถังไม้โอ๊กที่จะทำปฏิกิริยาทำให้ ไวน์นุ่มนวล สีสดและมีรสชาติดี มีความละเอียดอ่อนและใช้ความอดทนมาก เพราะกว่าจะได้ไวน์ 1 ขวด จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 7 เดือน และไวน์ขวดแรกในแบรนด์ของแกรนมอนเต้ คือ 2009 Sakuna Rose Syrah (สกุณาโรเซ่ ซึ่งนำชื่อคุณแม่มาตั้งชื่อ)

มาถึงแหล่งทำไวน์ขนาดนี้ หากไม่ได้ชิมไวน์ก็คงจะมาไม่ถึง เราได้ลองชิมไวน์แดง Heritage จะบอกว่ารสเลิศก็คงไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่เซียนไวน์ แต่เขาว่าไวน์ที่ดีเมื่อได้จิบไปแล้วจะทำให้เราทานอาหารอร่อยขึ้น คุณนิคกี้บอกกับเราไวน์ของกรานต์มอนเต้จะผลิตในลักษณะของบูติคไวน์ รสชาติของไวน์ในแต่ละขวดและในแต่ละปีอาจจะไม่เหมือนกันซะที่เดียว เพราะในแต่ละองุ่นที่ให้ผลผลิตมานั้นอาจจะมีค่าความหวานและความเปรี้ยวที่ต่างการ การจะผสมผสานไวน์ให้มีรสชาติเหมืนกันทุกรุ่นจึงทำได้อยาก แต่นี่น่าจะเป็นสเน่ห์ของบูติคไวน์มากกว่า

วันนี้ของไร่กรานมอนเต้ (Granmote') จัดเป็นไร่องุ่นที่ทำธุรกิจที่ครบวงจรแล้ว ธุรกิจหลักของที่นี่คือปลูกองุ่น เพื่อผลิตไวน์ น้ำองุ่นสด และผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ จากองุ่น นอกจากนี้ยังเปิดไร่ให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และมีห้องพักระดับหรูให้สำหรับผู้ที่สนใจเข้าพัก และยังมีร้านอาหารสไตล์อิตาลี ให้คุณได้ทานสเต็คละชิมไวน์ควบคู่ไปด้วย (สำหรับใครที่สนใจจะเยี่ยมชมโรงงานบ่มไวน์ กรุณาโทรสอบถามข้อมูลได้ที่ เบอร์โทร. 08-1900-8282

การเดินทางจากกรุงเทพมหานครมาไร่กรานต์มอนเต้ มาได้สะดวกมาก เพราะหาไม่ยาก (แต่เราก็ยังเลยจนได้) อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 160 กม.เท่านั้น เพียงขับรถมาเส้นสระบุรี -เขาใหญ่ เลยมวกเหล็กมานิดเดียวให้สักเกตุฝั่งขวามือ จะมีร้านแดรี่โฮม ให้เลี้ยวเข้าซอยแดรี่โฮม ขับตรงไปตามถนน 12 กม. แล้วสังเกตป้ายชื่อไร่กรานมอนเต้ทางขวามือ ตรงเข้าไปอีก 1 กม. ถึงแล้ว

วันนี้เรายังไม่จบกิจกรรมที่ไร่กรานมอนเต้ เพราะรีวิวหน้าเราจะไปทานอาหารและชิมไวน์ที่ VinCotto Restaurant และร้าน Montino Shop ของกรานมอนเต้ ในสัปดาห์หน้า

 

 

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ ของ เปิดไร่องุ่นกรานต์มอนเต้ (Granmonte') กับ นิคกี้-วิสุตา โลหิตนาวี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook