ภูผาป่าสักและผากล่อมไพร

ภูผาป่าสักและผากล่อมไพร

ภูผาป่าสักและผากล่อมไพร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

งดงามกลางปรอยฝน...


   หลายคนอาจมองว่าการเที่ยวป่าหน้าฝนดูจะเฉอะแฉะ เลอะเทอะ และไม่ค่อยจะเหมาะ กับการเดินทางสักเท่าไหร่นัก แต่นั่นหมายถึงว่าเราเลือกจะเดินทางไปที่ไหน ปลอดภัยหรือไม่? ...อย่างไร? มากกว่า ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ รอคอยผู้มาเยือนที่หลงรักและชื่นชมอย่างแท้จริง

เราได้พบกับสถานที่แห่งหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ ภายใต้การแนะนำของรุ่นพี่ซึ่งคุ้นชินกันเป็นอย่างดีกับเจ้าของสถานที่ ภูผาป่าสัก อยู่ตำบลมวกเหล็ก จ.สระบุรี ขับรถจากกรุงเทพฯ แค่ชั่วโมงกว่า

สำหรับผู้ที่วาดฝันว่าจะพบกับรีสอร์ทหรูหราระดับมากดาวล่ะก็ที่นี่ไม่ใช่แน่นอน แต่หากคุณต้องการค้นพบความหมายของชีวิต สัมผัสกับประสบการณ์ของความสุขความเงียบสงบที่แท้จริง ที่นี่ตอบโจทย์นั้นได้ ภูผาป่าสักเป็นรีสอร์ทเล็กๆ ท่ามกลางขุนเขา

 ด้านหน้าติดลำน้ำป่าสัก ด้านหลังติดชิดอิงภูผา นั่นคือที่มาของชื่อที่น่ารักแห่งนี้ ภูผาป่าสัก เป็นที่พักในแบบซาฟารีสไตล์ ดีไซน์โดยชาวฝรั่งเศสเพื่อนสนิทของ คุณไก่ วิจารณ์ จุลปะ เจ้าของรีสอร์ท เพลย์บอยหนุ่มที่ผันตัวเองสู่วิถีที่แปรเปลี่ยน

คุณไก่ วิจารณ์ จุลปะ เล่าให้ฟังในช่วงบ่ายคล้อยของวันฝนปรอยว่า ที่บ้านชอบซื้อที่เก็บเอาไว้มีอยู่ประมาณสองพันไร่ ที่ตรงนี้เดิมชาวบ้านเขาจะมาเลี้ยงวัวเพราะเป็นที่โล่งมีแม่น้ำ สมัยก่อนบริเวณนี้เป็นหมู่บ้านเก่า คนยังสัญจรทางน้ำ แต่สมัยนี้ใช้รถไฟรถยนต์แทนกันหมดแล้ว 

ตอนแรกมาก็ไม่ได้คิดอะไร จนเริ่มอยากเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ก็มองว่า บริเวณนี้ เหมาะสำหรับทำรีสอร์ท เพราะด้านหน้าติดแม่น้ำป่าสัก ส่วนด้านหลังติดเขา เนื้อที่รีสอร์ททั้งหมด 200 ไร่ ความจริงผมอยากมีที่สำหรับตัวเอง และอยากให้เพื่อนๆ

และคนที่ชื่นชอบธรรมชาติคล้ายกับเราได้สัมผัสกับสถานที่แห่งนี้เท่านั้นเอง”ห้องพักจึงมีแค่ 5 หลัง มีแคมปิ้งสูท 4 หลัง เป็นกระโจมสีขาว บ้านพักแต่ละหลังจะเว้นระยะห่างกัน เพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัด


 ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีโอกาสได้นั่งห้อยขาริมระเบียง…นั่งมองฝูงนกตัวจ้อยส่งเสียงหยอกล้อหากันเหนือโค้งน้ำแบบนี้ฝนเม็ดท้ายสุดลาร้างไปแล้ว แต่กลิ่นไอดินยังไม่จางหาย กิ่งใบก้านไม้ยังคงเริงร่า ต้นหญ้าเอนไหวตามแรงลม แสงจ้ายามบ่ายเข้าล้อเล่นยอดภู ทำเอาหลงรักจนแทบไม่อยากเดินจากมา

ส่วนอีกแห่งหนึ่ง เราจะพาไปที่รีสอร์ทเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ ผากล่อมไพร ถึงแม้ว่าจะเปิดมานานจนบางส่วนอาจดูเก่าล้าไปบ้าง แต่หลายผู้หลากคนที่เคยมาเยือนมักจะกลับมาซึมซับกับบรรยากาศที่ตนเองเคยโหยหามาแล้วบ่อยครั้ง

ผากล่อมไพร เป็นที่พักซึ่งต้องขับขึ้นไปทางอำเภอศรีสวัสดิ์ จากแยกเอราวัณ เข้ามา 16 กิโล เลาะขึ้นเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ บนเนื้อที่ 45 ไร่ มีบ้านพักบนเนินเขาให้เลือก 6 หลัง หรือจะเลือกนอนแพ ก็ยังคงรอต้อนรับอยู่อย่างภักดี มีทั้งแพหลังใหญ่ขนาด 15-20 คนหรือหลังเล็กลงมาหน่อยก็ 8-12 คน

คุณซา เจ้าของผากล่อมไพร หนุ่มใหญ่ที่เดินทางเข้าป่าเข้าดงมากมายจนมาหลงรักสถานที่แห่งนี้ เกือบยี่สิบปีของการแผ้วถางทาง ไม้แต่ละท่อน ต้นไม้แต่ต้น เขาและภรรยาช่วยกันปลูกฝักมากับมือแม้ก่อนหน้านี้เขาจะทำรีสอร์ทแห่งนี้ด้วยเพราะความรัก แต่ยามนี้อาจจะอ่อนล้าโรยแรงลงบ้างเนื่องเพราะเศรษฐกิจ แต่เขายังคงเดินตามรอยความฝันของตัวเอง

เราเดินทางในช่วงหน้าฝน ห้วงเวลาที่ใครหลายคนไม่ปลาบปลื้ม แต่สำหรับเรา ผากล่อมไพร เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ให้ความรู้สึกที่งดงามยามฝนพรำทีเดียว เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ วงสนทนายังคงดำเนินไปอย่างช้าๆ

ไม่นานเท่าใดนัก เมฆฝนดำครึ้มก็ตั้งเค้าปกคลุม น้ำฝนหยดแหมะ ตามราง เสียงเพลงเบาบางกล่อมให้ใครบางคนในผากล่อมไพร ใจกระเจิง เฮ้อ...แว่วมาว่า....

ที่นี่นอกจากจะมีบริการล่องเรือ ล่องแพแล้วยังมีการพานักท่องเที่ยวนั่งเรือไปจอดค้างที่ริมป่าห้วยขาแข้งให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติได้ใกล้ชิดมากขึ้นอีกด้วย เรียกว่านอนอยู่บนเรือก็เห็นกวางข้ามน้ำเข้ามาให้ได้เห็นกันเลยทีเดียว

คุณซา เล่าต่อว่า “หรือหากจะมากันเป็นครอบครัว ทางนี้ก็สามารถจัดโปรแกรมพาเข้าป่าเป็นเบสิคแคมป์ก็ได้ที่อุทยานแห่งชาติลำเขางูก็ได้ หรือจะไปพิชิตลำน้ำแรกของน้ำตกแม่ขมิ้น ก็จัดเป็นโปรแกรมให้”

หลังจากอิ่มเอมกับความเย็นยะเยือกของคุ้งเขื่อน เราขับรถลงมาหากิจกรรมสนุกๆ ทำกันต่อ ที่แคมป์ช้างทวีชัย ห่างจากตัวรีสอร์ทไม่กี่กิโล คุณหนู - พัชรินทร์ หลงสกุล เจ้าของแคมป์ที่มากด้วยอัธยาศัยไมตรีรอต้อนรับ 

ความที่คุ้นชินกันเป็นอย่างดี แทบไม่ต้องคุยอะไรกันมาก ไม่นาน เราก็มานั่งเอาเท้าแช่น้ำอยู่บนแพไม้ไผ่ขนาดเขื่องพร้อมกับเพื่อนร่วมทาง

วันนี้.....เราถือโอกาสล่องแพตามนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียกลุ่มใหญ่ที่ยังคงชื่นชอบกับการโดดน้ำลอยตัวตามกระแสเช่นเคย

 

 เสื้อชูชีพสีสดลอยเท้งเต้งเต็มผืนน้ำ เสียงหนุ่มสาวส่งภาษาฟังไม่ได้สรรพ แพแบมบูที่จุได้นับสิบคน พาเราล่องเอื่อยไปตามลำน้ำแควใหญ่ ถ้าเป็นช่วงเขื่อนปล่อยน้ำมาการล่องก็จะเร็วขึ้น น้ำจะแรงมากขึ้น การล่องแพจึงไม่สามารถทำได้ทั้งวัน

 …ยามใดที่อ่อนล้า ลองเปลี่ยนวิถีให้ชีวิต เปิดโอกาสให้ใจแทรกรับความสุขที่แท้จริงบ้าง แม้เพียงบางเวลา เราว่าบางทีนะ...แค่ได้นั่ง หลับตาพอให้สายลมปะทะใบหน้า

 สูดลมหายใจลึกๆ กับบรรยากาศของฟ้าวันฉ่ำฝน วันนั้นอาจจะเป็นวันที่บอกกับตัวเองได้ว่า “ณ ที่โมงยามไม่มีความหมาย” ไม่ได้อยู่ไกลจนเกินคว้า


 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook