เที่ยวสบายสไตล์คันทรี่

เที่ยวสบายสไตล์คันทรี่

เที่ยวสบายสไตล์คันทรี่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

  การเดินทางทำให้เราค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตเสมอแม้กับบางแห่งจะพร่ำบอกว่าเคยไปสัมผัสมาแล้ว  แต่ลายเส้นของแผ่นฟ้าสีสันของขอบภูแต่ละกาลไม่เคยเหมือนกันสักครั้งเดียว เราเชื่อเหลือเกินว่าการเดินทาง....การท่องเที่ยวของแต่ละผู้คนแปลกแตกต่างกันออกไป

 

 บ้างก็ยิ้มรับกับความสมบุกสมบันลุยป่าฝ่าดงทาก บ้างก็เป็นปลื้มกับการทอดขาเหยียดยาวริมหาดทรายเม็ดขาว บ้างก็พบกับความสุข       เพียงแค่นั่งหลังพวงมาลัย แล้วพาเจ้าสี่ล้อหมุนเล่นไปตามถนนชานเมือง กับการท่องเที่ยวสไตล์คันทรี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งบริบทของการเติมเต็มความอิ่มเอมหัวใจของเราได้เช่นกัน

นั่นทำให้เราแทบไม่ต้องถามตัวเองมากมายว่า เหตุใด เมื่อมีเวลาผนวกกับโอกาสอันเหมาะเจาะ เราจึงเลือกที่จะเดินทาง และครั้งนี้เราเลือกมุ่งหน้าสู่ อำเภอวังน้ำเขียว และอำเภอปากช่อง

เพื่อสัมผัสกับ 3 แหล่งที่พักที่พร้อมสรรพไปด้วยแอคทิวิตี้สำหรับผู้ที่มีใจรื่นรมย์กับดินแดนที่ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองคาวบอย

เพียงแค่สามชั่วโมงจากกรุงเทพฯ เลาะเลียบไปตามแถบถนนรังสิต-องครักษ์ นครนายกและเข้าสู่กบินทร์บุรี ขับเรื่อยไปจนถึงป้ายเลี้ยวซ้ายทางไปปักธงชัย สังเกตตลาด 79

แล้วมองหาโรงเรียนบุไผ่อยู่ฝั่งขวามือ ก็เตรียมยูเทิร์นรถเข้าสู่ซอยไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จะเห็นป้ายชื่อ อิม ภู ฮิลล์ รีสอร์ท

 

อิม ภู ฮิลล์ รีสอร์ท หลากสีอยู่ท่ามกลางขุนเขา “อากาศและบรรยากาศของวังน้ำเขียวพี่ว่าบริสุทธิ์กว่าเชียงใหม่ตอนนี้แล้ว”ดูจะเป็นสิ่งยืนยันถึงคำกล่าวของคุณปาลิดา เนียมใจวงษ์ จีเอ็มของที่นี่ได้เป็นอย่างดี

 

บนเนื้อที่กว้างขวางกว่า 55 ไร่ ประกอบไปด้วยบ้านพักหลายสไตล์ ทั้งแบบอินเดียน่า 2 ที่ตกแต่งด้วยปีกไม้ ให้สีของผนังด้วยสีส้มสดตั้งขนาบกับอินเดียน่า 1 ที่เจ้าของทาทับสีขาวบนปูนที่ถูกฉาบแบบหยาบๆ แต่ตั้งใจอยู่ในที มุมนี้ดูจะเป็นมุมโปรดของหลายต่อหลายคนที่มาพักกันเลยทีเดียวก็แหมนอกจากจะได้วิวทิวเขาลิบๆ ด้านหลังแล้ว อากาศเย็นบริสุทธิ์สุดๆ

ถัดเลยเข้าสู่ด้านหลังคลับเฮ้าส์ ริมลำน้ำจะพบบ้านพักแบบบ้านดินทาทาบด้วยสีฟ้าอ่อนบ้าง สีเหลืองอ่อนบ้าง สีส้มใน  อีกหลังเคียงข้างกันบ้าง ริมรั้วไม้พาดพันด้วยก้านเลื้อยของไม้ดอกพองาม และหากมากันแบบแฟมิลี่ บ้านเรือนไทย บ้านล้านนา บ้านสไตล์โมเดิร์นหลังมหึมาก็เตรียมรองรับพลพรรคเอาไว้แบบไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

 

“เรามีรถลากเอาไว้ให้คนที่สนใจขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่อุทยานแห่งชาติทับลาน บนลานภูผาเก็บตะวันด้วยคระ” พี่สาวคนเดิมเอ่ยขึ้นราวครึ่งชั่วโมง ภูผาเก็บตะวันก็เผยโฉม แม้แสงจ้าของตะวันจะใกล้ลับเหลี่ยมแต่วันนี้โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเจอเมฆหมอกทะมึนขโมยความงามไป แต่ก็ได้เห็นรอยยิ้มที่อิ่มเอมของนักท่องเที่ยวบางคนอยู่

ค่ำนี้.... ด้านหน้าบ้านพักอินเดียน่า เก้าอี้ไม้สีเข้มมีโอกาสรองรับอารมณ์ของเราและทีมงาน ไม่น่าเชื่อว่า ต้นเดือนพฤษภาคมอย่างนี้ ยิ่งดึกอากาศยิ่งเย็นลง เย็นลง ....ไม่นานอารมณ์ละเมียดก็เปลี่ยนเป็นเวลาของการผล็อยหลับไปของใครบางคน

 

 “ทานข้าวเสร็จแล้วไปเล่น GO-CART กับATV มั๊ยคะ” พี่สาวคนเดิมเชื้อชวนหลังอาหารเช้าของวันใหม่
 “เดี๋ยวจะไปเตรียมรถให้นะคะ”

คุณรส ผู้จัดการทั่วไปกล่าวสมทบ ก่อนจะเดินจากไป และช่วงของแอคทิวิตี้ก็มาถึง คุณรสขับนำ มีทีมงานของเรานั่งเคียงข้างสองมือเกาะแบบไม่คิดชีวิต  

ก็แหม..... จะเล่นทั้งทีเราเลยแอบกระซิบขอแบบทิ้งโค้งให้ฝุ่นตลบตูดสะบัดกันไปข้างนึงเลย โชว์หน่ะพี่ ...นิ๊ดนึง... ซึ่งแกก็จัดให้ เอาเป็นว่าถ้าใครอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศความสนุกสนานแบบนี้ ต้องมาเอง

 หลังกล่าวลาพร้อมคำมั่นว่าจะกลับมาอีกครั้งในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่อิม ภู ฮิลล์ เราก็เดินทางกันเพื่อไปสัมผัสกับบรรยากาศแบบคาวบอยกันที่ทองสมบูรณ์คลับ ไร่ทองสมบูรณ์ นครราชสีมา

สัญลักษณ์บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของสถานที่ที่เน้นเป็นเมืองคาวบอยเริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้า พนักงานสวมเสื้อลายสก็อต สวมกางเกงยีนส์ ยิ้มรับรอท่า

“เชิญเลยครับ ท่านใดพร้อมแล้ว ขึ้นขี่ม้าได้เลย” เสียงเจ้าพนักงานในแบบฟอร์มมาดเข้มตะโกนบอกหลังเตรียมม้าให้สมดุลกับน้ำหนักของ  จ็อกกี้สมัครเล่น เสียงม้าย่องดัง กุกกัก กุกกัก ไกลออกไปทุกที เราเริ่มเดินสำรวจ ที่นี่มีที่พักหลายแบบ เรียกว่าดีไซน์กันอย่างโดดเด่นไม่มีใครยอมใครทีเดียว

 

อย่างกระโจมอินเดี้ยนด้านนอกเขียนลายสีสันได้สะใจแล้ว ด้านในยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ติดแอร์ทุกหลัง เพื่อให้สมกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า ปากช่องดินแดนคาวบอยและอินเดี้ยน เรียงรายบนทุ่งหญ้าสีเขียวขจีโอบล้อมด้วยขุนเขาบนเนื้อที่กว่า 300 ไร่

ส่วนเราเลือกพักที่เมืองคาวบอย ก็แหมจะหันไปถ่ายภาพมุมไหนก็ให้แตกต่างด้วยสีสันจริงๆ ทั้งประตู หน้าต่าง นี่ถ้ามีชุดคาวบอยใส่คงเข้ากับบรรยากาศสุดๆ โดยเฉพาะหมวกปลายขนนกหรือจะเป็นรองเท้าบูทหนังกลับสูงเท่าข้อเข่า

เพื่อไม่ให้เสียเวลา ย่องเงียบไปดูคาราวานเกวียนบ้าง ที่ต้องเงียบเพราะคนพักเพียบ เดี๋ยวจะว่ามาส่องดูอะไรชั้นยะ ลักษณะคาราวานเกวียนเหมาะสำหรับคนที่ชอบแคมป์ปิ้ง

เน้นการผจญภัย จะแยกห้องน้ำคนละส่วนกับที่พัก เรียกว่าเข้าไปนอนแล้วคล้ายเต๊นท์แต่สะดวกกว่า สูง โปร่ง โล่ง แม้จะเป็นแบบพัดลมทั้งหมด แต่ก็ถูกเลือกให้ขึ้นมาอยู่บนที่สูงทำให้อากาศถ่ายเท นอนกลิ้งเกลือกได้สบายไม่ต้องปาดเหงื่อ 

 แล้วก็มาถึงแอคทิวิตี้เพื่อตอกย้ำความมันส์กันบ้าง เริ่มกันที่ GO-CART เหมาะสำหรับคนที่อยากจะลองฝึกขับรถในสนามเรียบ ภายในเวลาที่กำหนดประมาณ 6-7 นาที หรือถ้าชอบทางน้ำก็นี่เลย BUMPER BOAT มีปืนฉีดน้ำอยู่ในเรือไล่ยิงใส่เพื่อนได้เต็มที่ แต่ถ้ามาคนเดียวแล้วไปยิงคนอื่นอันนี้ก็ต้องดูตาม้าตาเรือหน่อย ถ้าเห็นเขายิ้มให้ก็ยิงต่อเหอะ น่าจะปลอดภัยเน๊อะ

 

แหม..แต่ที่เราชอบจริงจริ๊งเห็นจะเป็นสกีบก LUGE ดูแล้วคล้ายกับรถไม้ของชาวเขาเผ่านึงนะ ไม่รู้ว่าคุณเคยเห็นมั๊ย เขาแข่งกันปล่อยลงมาจากเขาน่ะ แต่อันนี้ตกแต่งให้ดูดีหน่อยเห็นบอกว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน นำมาประยุกต์

ถือเป็นรถที่ไม่มีเครื่องยนต์ วิ่งโดยใช้แรงโน้มถ่วงของโลก ปล่อยให้วิ่งตามแนวลาดของภูเขา ระยะทางก็ราว 650 เมตร ควบคุมความเร็วโดยการใช้เบรกทั้งสองพร้อมกัน แล้วกลับขึ้นมาบนเขาด้วยกระเช้าไฟฟ้า

หรือถ้ายังไม่เสียวพอ นี่เลย Flying Fox สวมชุดฮาเน็ตพร้อมสรรพ โรยตัวลงมาด้วยสลิง เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้ลั่นเขาไม่แพ้เจ้าโรดิโอจักรกล ขึ้นไปทดลองพลังกันบนวัวพยศ แต่ขอเตือนว่า อย่ากินให้อิ่มมากล่ะเดี๋ยวคุณวัวจะเลอะเทอะ 

อืมมม...... กว่าจะเล่นกิจกรรมจนครบ เวลาก็ล่วงเลยมาจนเย็นย่ำ ค่ำนี้พอก่อนละกัน เพราะพรุ่งนี้เราจะไปกันต่อที่ ฟาร์มโชคชัย เพื่อสัมผัสกับ Boutique Camp ที่ให้เราหวนกลับคืนสู่ธรรมชาติแบบเรียบง่ายภายใต้คอนเซ็ปต์ ที่ว่า “Back to Basic, Touching the Nature”

แทบจะไม่ต้องเอ่ยกันมากมาย สำหรับสถานที่แห่งนี้ ฟาร์มโชคชัยแคมป์ ที่กิโลเมตรที่ 159-160 อ.ปากช่อง ด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบาย มองเห็นท้องทุ่งเขียวสุดลูกหูลูกตา
“ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสและรับรู้ถึงฟาร์มโคนมระดับมาตรฐานขนาดใหญ่” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกกับเรา  อืมม.... เราพยักหน้าเห็นด้วย

ก็แหม ...ตั้งแต่แรกเข้า สิ่งที่สัมผัสได้คือ ความตั้งใจจริงในการจัดการ ทั้งงานดีไซน์แคมป์ สถานที่พักอ้างแรมของผู้มาเยือน สิ่งอำนวยความสะดวกและแอคทิวิตี้ต่างๆ ที่นอกจากจะทำให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลิน ส่งเสียงวี๊ดว๊ายกันแล้ว ยังทำให้ได้เรียนรู้กับประสบการณ์ที่แทบจะหายากสำหรับคนเมืองทีเดียว

 “พี่วัวตัวใหญ่มากเลย รีดนมตัวนี้เลยเหรอคะ” น้องคนเล็กลูกสาว นักผจญภัยคนหนึ่ง ส่งเสียงเจื้อยแจ้วถามคนนำชมเมื่อถึงสถานที่รีดนมวัว ภายในฟาร์มโชคชัย ไม่ได้เปิดกว้างให้สัมผัสกับธุรกิจฟาร์มโคนมที่ได้มาตรฐานอย่างการรีดนมวัวหรือการป้อนนมลูกวัวด้วยตัวเองเท่านั้น

 ยังมีการแสดงวิถีคาวบอย มีการนำชมลีลาของสุนัขต้อนแกะ เหมือนกับที่เราเคยเห็นในนิวซีแลนด์ เรียกว่าไม่ต้องไปไหนไกลหรอกที่นี่ก็เรียนรู้ได้ เยี่ยมจริงๆ

 ส่วนที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่เป็นปลื้มเห็นจะเป็น ไอศกรีมนมสด อืมม.... อร่อยแฮะ มิน่า เอ่อ...ขออีกได้มั๊ยอ้ะ 

และเมื่อถามถึงที่มาของฟาร์มโชคชัยแคมป์ คุณราตรี ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของฟาร์มเล่าว่า  Farm Chokchai Boutique Camping & Seminar Package มาจากคอนเซ็ปต์ที่ว่า เป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติ

 

 

เรียนรู้ที่จะปรับวิถีและใช้ชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติ นั่นทำให้เราได้พบมุมมองใหม่ๆ กับบางเวลาที่เรามองข้ามผ่านเลยเนื่องเพราะไลฟ์สไตล์ของความเป็นคนเมือง

  การมาเยือนที่นี่จึงไม่ได้หมายถึงการให้เราได้สัมผัสกับป่าที่ถูกดีไซน์เอาไว้อย่างปลอดภัยและสมดุล แต่ยังหมายรวมถึงการให้เราได้รู้จักที่จะเรียนรู้ถึงความสำคัญของธรรมชาติที่ผูกพันกับชีวิตมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วคุณล่ะหลงลืมที่จะเติบเต็มความรู้สึกเช่นนี้ไปนานหรือยัง เพราะการเดินทางทำให้ทุกก้าวย่างมีความหมาย โชคชัยฟาร์มแคมป์ ถือเป็นหนึ่งในสาระที่หมายความอย่างนั้นเช่นกัน  


 ขอขอบคุณ
 อิม ภู ฮิลล์  http://www.impoohill.com
 ไร่ทองสมบูรณ์  http://www.thongsomboon-club.com
 ฟาร์มโชคชัย  http://www.farmchokchai.com
 
 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook