เสน่หา จำปาสัก ตอนจบ : คอนพะเพ็ไนแองการ่าเอเชีย

เสน่หา จำปาสัก ตอนจบ : คอนพะเพ็ไนแองการ่าเอเชีย

เสน่หา จำปาสัก ตอนจบ : คอนพะเพ็ไนแองการ่าเอเชีย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เสน่หา จำปาสัก (จบ) ตอน : คอนพะเพ็ง ไนแองการ่าเอเชีย

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 สิงหาคม 2547 15:05 น.

หลังจากที่เพลิดเพลินกับความงาม และต้องมนต์ดวงจำปาที่ ปราสาทวัดภูมรดกโลกศิลปะขอมอันยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในสปป.ลาว ดังปรากฏในตอน ต้องมนต์จำปา ที่ปราสาทวัดภู ผู้จัดการท่องเที่ยว ก็ยังคงตะลอนทัวร์อยู่ในแขวงจำปาสัก เพราะยังติดภารกิจสำคัญอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ การเดินทางไปยัง มหานที สี่พันดอน ที่มีน้ำตกใหญ่ คอนพะเพ็ง หรือ ไนแองการ่าแห่งเอเชีย เป็นไฮไลท์
สำหรับการเดินทางสู่ น้ำตกคอนพะเพ็ง นั้นต่างจากเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วมาก เพราะเส้นทางหมายเลข 13 สู่ดินแดนลาวใต้ได้ลาดยางมานานแล้ว การเดินทางจากปากเซสู่น้ำตกคอนพะเพ็งจึงสะดวกสบายขึ้นเยอะ รถงี้วิ่งกันฉิวเพราะถนนโล่ง รถน้อย แต่ประธานโทษ รถที่วิ่งกันนี่ รถใหม่ๆรถดีๆทั้งนั้น(ฮะ แฮ่ม!!! เพื่อนชาวลาวบางคนเขาบอกมาว่า รถพวกนี้ส่วนใหญ่มาจากเมืองไทยนะ แต่จะมาทางไหนนี่เขาให้เราเดาเอาเอง)

ขอพูดถึง ถนนหมายเลข 13 ต่ออีกนิดว่า ถนนสายนี้สร้างขึ้นมาร้อยกว่าปีแล้วในสมัยที่ฝรั่งเศสปกครองลาวเป็นเมืองขึ้น ครั้นพอมาในยุคสงครามอินโดจีนถนนสายนี้ก็เละ และมาในยุคที่พ่อค้าไม้ชาวไทยใช้ถนนสายนี้เป็นเส้นทางลำเลียงไม้จากเขมร ถนนหมายเลข 13 ก็ยิ่งเละตุ้มเป๊ะยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว หากใครที่มาใช้บริการในถนนสายนี้ ถ้ามาในหน้าแล้งถนนจะเต็มไปด้วยฝุ่น หลุม บ่อ คลื่น ลอน ดังโลกพระจันทร์ เวลานั่งรถจะหัวสั่นหัวคลอน ตัวกระดอนกระเด้ง เครื่องในแดนซ์กระจาย ส่วนใครมาในหน้าฝนนี่หากโชคร้าย เจอขบวนรถขนไม้ ติดหล่ม ตกหล่ม ก็ให้ร้องเพลง รอ ของวง Slot Machine ไปสัก 100-200 จบ บางทีอาจจะได้เดินทางต่อ


แต่นั่นมันคือเรื่องราวของอดีตที่หากจะไปน้ำตกคอนพะเพ็งจากปากเซ ที่ในสภาวะปกติไม่เกิดเหตุการณ์อะไรก็ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง แต่ถ้าดวงแตกเกิดแอ๊คซิเดนซ์ บางทีก็อาจจะได้ค้างคืนในบรรยากาศทุ่งนาฟ้ากว้าง อาบน้ำตามลำห้วยหรือตามท้องนา มีดาวและเดือน รวมถึงยุงเป็นเพื่อนยามหลับนอน แต่ว่ามาสมัยนี้ถนนหนทางดี จากปากเซใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมง ก็ได้นั่งกระดก เบียร์ลาว หรือ เบยลาวชมความยิ่งใหญ่ของไนแองการ่าเอเชียที่ศาลาชมวิวแล้ว

และถึงแม้ว่าถนนสู่คอนพะเพ็งจะเปลี่ยนไป แต่กับกับสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนระหว่างทาง ก็ยังคงอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งเมืองไทยย้อนยุคประมาณ 40-50 ปีที่แล้ว เช่นเดียวกับสายน้ำแห่งคอนพะเพ็ง ที่ยังคงความยิ่งใหญ่สวยงามอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นสายน้ำที่กราดเกรี้ยวดุดัน คลื่นน้ำที่ขาวฟูฟ่อง แก่งหินที่ใหญ่โตและแหลมคม เสียงขอน้ำตกที่ดังเซ็งแซ่อื้ออึง รวมไปถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านบางส่วนที่ยังคงตกปลา เหวี่ยงแห ท่ามกลางสายน้ำที่เชี่ยวกรากแห่งคอนพะเพ็ง (ซึ่งเราดูจากสายน้ำที่ดุดันไม่น่าเชื่อว่าปลาจะอยู่ได้ แต่ประทานโทษ มีปลาอยู่เป็นจำนวนมาก และชาวบ้านก็จับขึ้นมาขายให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวคอนพะเพ็งกันแทบทุกวัน)
สำหรับลักษณะพิเศษของน้ำตกคอนพะเพ็งที่ต่างออกไปจากบ้านเราก็คือ น้ำตกบ้านเราส่วนมากเกิดจากตาน้ำหลายสายไหลมารวมกันแล้วตกผ่านภูผา เทือกเขา แต่ว่าน้ำตกคอนพะเพ็งนี่เกิดจากการไหลบ่าอย่างเชี่ยวกรากของแม่น้ำโขง หรือ แม่น้ำของ ในภาษาลาว ที่เมื่อไหลมาจนถึงยังคอนพะเพ็งซึ่งเป็นคอนหินมหึมา สายน้ำก็จะไหลหักลงอย่างรุนแรงตามระนาบดิ่งของแก่งหินเกิดเป็นน้ำตกใหญ่นามคอนพะเพ็งขึ้นมา

ซึ่งในขณะที่ชาวต่างชาติยกให้เป็นไนแองการ่าแห่งเอเชีย แต่หากแปลชื่อคอนพะเพ็งตามภาษาลาว ก็จะเห็นว่าน้ำตกนี้ชื่อน่ารักไม่ใช่น้อย เพราะจากที่ ผู้จัดการท่องเที่ยว สอบถามผู้รู้ชาวลาวก็ได้รู้ว่า คำ คอนภาษาไทยก็คือ แก่ง ส่วน พะเพ็ง คำไทยก็คือ พระจันทร์วันเพ็ญ คอนพะเพ่ๆ ก็คือ แก่งจันทร์เพ็ญ แหมชื่อช่างดูโรแมนติกตรงข้ามกับสายน้ำอันยิ่งใหญ่เหลือเกิน

นอกจากความงามและความยิ่งใหญ่ของน้ำตกคอนพะเพ็งแล้ว คอนพะเพ็งยังถือเป็นคอนที่สวยงามที่สุดในพื้นที่แม่น้ำโขงใต้สุดใน สปป.ลาว ที่ได้รับการขนานนามว่า มหานที สี่พันดอน เนื่องจากว่าบริเวณแถบนี้เต็มไปด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่มากมายนับไม่ถ้วน เมื่อแม่น้ำโขงไหลมาก็ทำให้เกิดดอนขึ้นมากมายนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน ชื่อสี่พันดอนจึงเกิดขึ้นมาด้วยประการฉะนี้
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมองคอนพะเพ็งยิ่งใหญ่สวยงาม ดังฉายาไนแองการ่าแห่งเอเชียเหมือนกันหมดเสียเมื่อไหร่ เพราะในยุคล่าอาณานิยมที่ฝรั่งเศสปกครองลาวอยู่นั้น ได้มองคอนพะเพ็งเป็นอุปสรรคต่อการขนถ่ายทรัพยากรออกจากลาว เพราะชัยภูมิและลักษณะทางกายภาพของคอนพะเพ็งถือเป็นจุดสกัดที่ ทำให้การเดินเรือในแม่น้ำโขงไม่ต่อเนื่อง

...เมื่อคอนพะเพ็งเป็นอุปสรรค ก็ระเบิดมันทิ้งซะเลย... นั่นคือความคิดของฝรั่งเศสในสมัยนั้น แต่ว่าระเบิดในกาลครั้งนั้นไม่ทำงาน ซึ่งก็ทำให้ฝรั่งเศสปฏิบัติภารกิจระเบิดคอนพะเพ็งไม่สำเร็จ ส่งผลให้การขนส่งทางเรือไม่สามารถทำได้ ฝรั่งเศสจึงหันไปสร้างทางรถไฟสายสั้นๆ ขึ้นบนดอนคอนแทน โดยวันนี้ทางรถไฟสายนั้นก็ยังคงอยู่แต่ว่าเก่าคร่ำมากใช้การไม่ได้

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมระเบิดไม่ทำงาน ณ วันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวลาวเชื่อว่า เกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในคอนพะเพ็ง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะระเบิดไม่ได้ แต่ยังมีเสียงร่ำลือกันว่าที่แก่งคอนพะเพ็งมีแรงดึงดูดบางอย่าง ที่ทำให้เครื่องบินตกได้ เพราะเคยมีเครื่องบินไปตกในบริเวณนั้น
เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรคงพิสูจน์ไม่ได้ แต่ที่พิสูจน์ได้จากการที่ระเบิดไม่ทำงานก็คือ ณ วันนี้คอนพะเพ็งยังคงเป็นน้ำตกใหญ่ที่ยิ่งใหญ่สวยงาม เป็นน้ำตกที่มีคนแวะเวียนมาเที่ยวไม่ได้ขาด ส่งผลให้บริเวณรอบๆตัวน้ำตกมีคนนำของไปขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของที่ระลึก ของพื้นบ้าน ซีดี เสื้อผ้า มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าหากว่าในวันนั้นระเบิดทำงาน ชื่อของ น้ำตกคอนพะเพ็ง-ไนแองการ่าเอเชีย อาจจะกลายเป็นเพียงตำนานบทหนึ่งของจำปาสัก และของชาวลาวที่มีไว้ให้กล่าวถึงก็เป็นได้

ขอขอบคุณข้อมูล จาก https://mgronline.com/travel/

เรื่องที่เกี่ยวข้อง เสน่หาจำปาสัก ตอนที่ 1 : ต้องมนต์จำปาสักที่ปราสาทวัดภู โดย...ผู้จัดการ สบายดีหลี่ผีแห่งลาวใต้ โดย ...นุ บางบ่อ
เที่ยวต่างแดน

ส่งเรื่องท่องเที่ยวของคุณมาออนไลน์ได้ที่ Email : nubangbo@th.mweb.com

น้ำตกคอนพะเพ็ง หรือไนแองการ่าเอเชีย สามารถไปจากเมืองไทยได้โดย ข้ามชายแดนไปสปป.ลาว ที่จ.อุบลฯ ด่านช่องเม็ก-วังเต่า จากนั้นเดินทางสู่เมืองปากเซประมาณ 50 กม.(ทางหมายเลข 13 ใต้) หากนั่งรถโดยสารค่ารถคนละ 5,000 กีบ( 1 บาท ประมาณ 250 กีบ) จากปากเซไปอีกประมาณ 100 กม.

สำหรับแขวงจำปาสัก นั้นมีเมืองปากเซเป็นเมืองที่ใหญ่และเจริญทางวัตถุที่สุด ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ต้องการความพร้อมด้านสิ่งอำนวยความสะดวกนิยมไปพักกันในเมืองนี้ แต่ว่าในแขวงจำปาสักยังมีที่พักที่เรียบง่ายในวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านลาวและธรรมชาติอีกที่ เมืองเก่าจำปาสัก(จากปากเซต้องข้ามบั๊กหรือแพขนานยนต์ไป) เมืองดอนเดช ซึ่งเป็นดอนขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขงแห่งสี่พันดอน

และนอกเหนือไปจากน้ำตกคอนพะเพ็งและปราสาทวัดภูแล้ว แขวงจำปาสักก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง น้ำตกหลี่ผี ดอนคอน(เป็นเกาะมีน้ำโขงล้อมรอบ น้ำตกตาดฟาน ผาส้วม

ทั้งนี้สามารถติดต่อขอวีซ่าเข้าสปป.ลาวได้ที่สถานทูตลาว โดยต้องกรอกใบสมัครพร้อมติดรูป 2 ใบ ยื่นพร้อมกับหนังสือเดินทาง และต้องยื่นเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น หากไม่ทำวีซ่าก็สามารถไปทำบอร์เดอร์พาสที่ด่านชายแดนได้ แต่จะอยู่ในลาวได้เพียง 3 วัน 2 คืน สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานทูตลาว 0-2539-6667-8, 0-2539-7341 และสอบถามรายละเอียดการเดินทางจากอุบลฯเข้าลาวได้ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในจำปาสักได้ที่ ททท. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 โทร.0-4524-3770

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook