เมื่อสาวไทยถูกจี้ที่ฮังการีบูดาเปสต์

เมื่อสาวไทยถูกจี้ที่ฮังการีบูดาเปสต์

เมื่อสาวไทยถูกจี้ที่ฮังการีบูดาเปสต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อสาวไทยถูกจี้ที่ฮังการีบูดาเปสต์ 

โดย..ป้าอ้น เจ้าเก่า 

     จะว่าไปแล้วมันก็มิใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องมาเจอะเจอกับโจรผู้ร้ายในชีวิต จำได้ว่าสมัยเรียนอยู่ชั้นประถมปลาย ( ที่สมัยก่อนเขาเรียกว่า ป.5 นี่แหละ - นานอักโขเหมือนกันนิ) ขณะที่ย่ากับฉันกำลังจะเดินไปลงเรือข้ามฟาก (ตรงไหนอย่าไปรู้เลย) ก็มีหนุ่ม 2 คน เดินสวนมา มองหน้าไม่ถนัด เพราะยังเช้ามืดอยู่ เราไม่ทันระวังตัว หนึ่งในสองก็กระชากกระเป๋าพลาสติกที่ย่าถืออยู่ไปด้วย  อารามตกใจฉันร้องเรียกคนให้ช่วยลั่นซอย แต่เปล๊า ! ไม่ยักมีพลเมืองดีมาช่วยสักคน ทั้งๆ ที่ก็มีคนขายของอยู่บริเวณนั้น สงสัยได้ยินจนชิน และคิดว่าธุระไม่ใช่ เพราะมีคนเล่าให้ฟังภายหลังว่า แถวนั้นเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อย ๆ และสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นคนละแวกนั้นนั่นแหละที่เป็นผู้ร้ายเสียเอง โชคดีครั้งนั้น ในกระเป๋าไม่มีของมีค่าเลย เพราะย่าระวังตัวอยู่เสมอ จึงถือกระเป๋าพลาสติกที่ว่าไว้หลอกๆ ส่วนกระเป๋าจริงที่เป็นกระเป๋าเงินน่ะ ย่าเก็บไว้อยู่ในตัว แหม ! ปล่อยให้หลานรักร้องซะเกือบแย่ คอเคอ แห้งหมด 

     ครั้นสาวขึ้นมาอีกหน่อย ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ขณะกลับจากไปหาเพื่อนแถวราชดำริ พอเห็นรถเมล์ที่จะโดยสารมาจอด อารามรีบวิ่งขึ้นรถ กระเป๋าสะพายจึงเหวี่ยงไปด้านหลัง แล้วก็รู้สึกตัวว่า ทำไม๊ ทำไม  จึงถูกเบียดแบบผิดปกติ แต่ก็ยังไม่ทันเอะใจ จนจะหยิบเงินมาจ่ายค่ารถนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่ากระเป๋าตังส์ถูกล้วงไปแล้ว แต่ก็โชคดีอีกนั่นแหละ วันนั้นยังไม่ทันไปเบิกเงิน จึงเหลือเงินติดกระเป๋าไม่ถึง 20 บาท ยังดี มีพอจ่ายค่ารถ แต่ก็ไม่กล้าไปแถวนั้นอีกนานพอควร มิใช่เพราะกลัวถูกล้วงกระเป๋าซ้ำซากหรอกค่ะ กลัวเจอมันจำได้ กลับมาตบ ฐานพกเงินน้อยไป ทำให้ล้วง (กระเป๋า อย่าคิดมาก) แล้วไม่คุ้ม 

    สำหรับในต่างประเทศ เมืองอิตาลีเมืองที่ขึ้นชื่อลือชาทั้งเรื่องแฟชั่น และ ยิปซี ฉันกับเพื่อนก็โดนมาแล้ว กลางถนนขณะกำลังข้ามไปดูศิลปะนี่แหละ คือ พอกำลังเดินข้ามถนน ซึ่งก็มีคนเดินข้ามด้วยไม่น้อย ก็มีสาวยิปซี หน้าตามอมแมมสองคนเดินสวนมา พอเดินผ่านเพื่อนฉันปุ๊บ มันก็กระตุกกระเป๋าสะพายของเพื่อนฉันทันที แต่ฮะโหย! สาวไทยใจกล้า(แต่ไม่หน้าด้าน) กลุ่มนี้ (ไปกันสาวๆ 8 คน) ระวังกันอยู่แล้ว เพราะเราไปแบบแบกเป้ทัวร์ เลยอ่านข้อมูลมาแยะ เรื่องกระชากกระเป๋าอะไรๆ เขาก็เตือนไว้ในหนังสือ(เที่ยวแบบช่วยตัวเอง เช่น Lonely planet) พวกเราเลยช่วยกันโวยลั่นถนน มันมาแค่ 2 เราตั้ง 8 สาว จะกลัวอะไร พอมันเห็นเราเอาจริง โวยวาย มันเลยจ้ำอ้าวหนีไป แต่ยังไม่วายหันมาทำฟอร์ม พูดเอะอะ ทำท่าไม่รู้เรื่อง เพื่อนฉันเลยตั้งการ์ด แล้วถามว่ารู้จัก THAI BOXING ไหม ? มันเลยเผ่น ฮึ่ม ! เกือบไปแล้วไหมล่ะ (ก็กระเป๋านะซี !) 

    ส่วนเรื่องถูกจี้ (ที่ไม่ได้ทำให้หัวเราะ) ที่บูดาเปสต์ นั้น พอขึ้นต้นประโยคบอกใคร ทุกคนก็จะร้อง ฮ้า! ด้วยความตกใจ แต่พอเล่าจบ แต่ละคนก็จะตบท้ายว่า "โธ่ ! มันโชคร้ายจังที่มาจี้พวกพี่" ทำไมนะเหรอ ก่อนจะเฉลย ขอเล่าให้ฟังสักนิดว่า ที่เมืองบูดาเปสต์นี้ เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ซึ่งอยุ่ในยุโรปตะวันออก เคยเป็นประเทศคอมมิวนิสต์มาก่อน ประชากรเลยค่อนข้างยากจน แต่เป็นเมืองที่สวยงามมาก เพราะยังอนุรักษ์ตึกรามบ้านช่องแบบโบราณไว้ได้เกือบหมด จนยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง ฉันกับเพื่อนมาเที่ยวโดยซื้อทัวร์ วันที่เจอเป็นช่วงเวลาว่างที่ทางทัวร์ปล่อยให้เที่ยวเอง แต่เขาเตือนนะว่าให้ระวังตัวด้วยเพราะโจรชุก (แม้แต่ในโรงแรมเขาเอง ยังเขียนเตือนนักท่องเที่ยวที่มาพักเลย มิใช่ว่าเรากล่าวหาเขานะจ้ะ) 

     ตอนที่เจ้าโจรผู้โชคร้ายมาเจอเรานั้น เราสองสาวน้อย (แก่ไม่มาก) กำลังเดินลอดอุโมงค์ข้ามถนน (แบบเดียวกับอุโมงค์หน้าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ แต่เข้าออกได้หลายทางกว่า) เพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับโรงแรมที่พัก  เพราะเที่ยวจนเย็นแล้ว ขณะกำลังเม้าท์อย่างเมามันว่า เมืองฮังการีนี้หาเงินได้ง่ายจัง แม้จะต้องตื่นเช้าหน่อย เพราะพระอาทิตย์ที่นี่ขยันมาก ตี 4 ก็ขึ้นจนสว่างจ้าแล้ว ทำให้นอนต่อไม่ไหว เพราะอากาศร้อนพอ ๆ กับกรุงเทพ แต่ตอนเราขึ้นรถเมล์ และหยอดเหรียญจ่ายเงินค่าตั๋ว (เขามีตู้ขายตั๋วในรถเมล์ให้หยอดเงินจ่ายเองเลย) ปรากฏว่าตู้จ่ายตั๋วเสีย เพื่อนฉัน จึงบอกกับคนขับว่า หยอดเหรียญแล้ว ตั๋วไม่ออก เขาเลยทำท่าว่าไม่เป็นไรให้ไปนั่งได้  ใจดีจัง ! เพื่อนฉันเลยกดปุ่ม CANCEL เพื่อยกเลิก ปรากฏว่าพอกดปุ๊บ ก็มีเงินเรา และเงินใครไม่รู้ก่อนหน้านั้นไหลพรวดมายังกับสล๊อตแมชชีน เราเลยกวาดมาหมด ได้มาหลายเหรียญ และเก็บไว้เป็นเหรียญนำโชค

     ครั้นลงรถเมล์แล้ว ฉันรู้สึกกระหายน้ำ เลยไปซื้อโค้กกระป๋อง (ได้สปอนเซอร์ไหมเนี่ย) ที่ร้านแผงลอยข้างถนน คนขายทอนเหรียญ 20 มาให้ ปรากฏว่าเงินทอนดันหล่นจากมือ กลิ้งหลุนๆไปอยู่ใต้แผง ด้วยความงก ฉันรีบก้มไปควานหา (เพราะเวลาอยู่ต่างประเทศเงินนิด ๆ หน่อย ๆ ก็มีค่าทั้งนั้น) ควานไป ควานมา ได้เหรียญ 100 ออกมาแทน ฉันก็เลยเลิกหาเหรียญ 20 (ก็กำไรแล้วนี่นา) 

     ด้วย 2 สาเหตุที่ได้เงินมานิดๆหน่อยๆ พอหอมหอมคอ แต่รู้สึกเองว่า เราโชคดีจังในวันนั้นนี่แหละ ที่ทำให้จ้อเพลินจนไม่ทันดูอะไรทั้งนั้น ครั้นเดินจะใกล้ปากทางออกอุโมงค์  ปรากฏว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากด้านข้างของอุโมงค์ แล้วมาพูดบางอย่างกับเพื่อนฉัน แต่เพราะเขายืนอยู่ห่างเราราว 1 ฟุต เพื่อนฉันจึงได้ยินไม่ถนัด และกำลังจะอ้าปากถามเขาว่าพูดอะไรน่ะ ขณะนั้นเอง ฉันซึ่งยืนคู่แบบเฉียง ๆ กับเพื่อน ก็เหลือบไปเห็นมีดพกที่เขาถืออยู่ในมือเพื่อจะขู่เอาเงิน (หรือจะกระซวกเราก็ไม่รู้) ด้วยความปากไวบวกสัญชาตญาณเอาตัวรอด ฉันจึงร้อง Help ! Help ! ๆ ๆ ๆๆ ลั่นอุโมงค์  (แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นจึงร้องเป็นภาษาอังกฤษได้โดยอัตโนมัติ เพราะปกติภาษาอังกฤษก็ไม่เข้มแข็ง ภาษาไทยก็ค่อนข้างอ่อนแอ) ด้วยพลังเสียงแปดหลอดมาแต่กำเนิด กรปรกับร้องในอุโมงค์  เสียงฉันจึงดังลั่นสะท้อนไปมา คุณเอ้ย ! อย่าว่าแต่ผู้คนที่เดินห่างออกไปทั้งหน้า และหลังเราจะหยุดมองเลย แม้แต่เจ้าโจรหนุ่มมันยังต๊กกะใจ ร้อง Help ! Help ! ตามฉัน (ไม่รู้จะร้องทำไม ก็มันกำลังจี้เราอยู่) 

     แล้วมันก็วิ่งหนีไป คุณคิดว่าเพื่อนฉันจะตกใจไหมตอนนั้น เปล่าเลย ! จนป่านนี้แม่เพื่อนรักของฉันยังไม่รู้เลยว่าเจ้าหนุ่มนั้นหยิบมีดออกมาจี้ เพราะมัวแต่จ้องหน้าเพื่อจะตอบคำถาม (ด้วยความเอื้อเฟื้อแบบคนไทยไง) เลยไม่ได้ก้มไปดูระดับพุงตัวเองเลยขณะนั้น และก็โชคดีที่มันไม่ได้ยืนประชิดตัว และอาจจะยังมือใหม่หัดจี้ (ฮิ ฮิ) มิฉะนั้น ไขมันหน้าท้องคุณเธออาจจะออกมากองนอกพุงสักก้อนสองก้อน (เธอหนักราว ๆ 70 กว่ากิโลเอง) ตอนที่มันกำลังวิ่งหนี ฉันคิดได้ว่าน่าจะต้องร้องเรียกตำรวจ เลยร้องใหม่ว่า Police ! Police ! คุณเธอเพื่อนรักฉันบอกพอแล้ว ๆ มันเปิดไปแล้ว มีผู้หญิงแม่ลูกที่เดินอยู่ข้างหน้าเราราว ๆ 100 เมตร หันมาบอกให้เราไปแจ้งตำรวจ แต่จะแจ้งไปทำไมมี ในเมื่อเราไม่สูญเสียอะไร นอกจากเสียงแหบไปบ้าง เราจึงไม่อยากยุ่งยากและเมื่อยมือ โดยไม่จำเป็น (ก็โธ่ ! ภาษาอังกฤษเราแข็งแรงจะแย่)

     ถ้าจะถามว่าตอนนั้นตกใจไหม ในรายแม่เพื่อนซี้ของฉัน คงบอกได้เลยว่าไม่ทันได้ตกใจเพราะไม่เห็นมีด (พุงมันบัง) จนวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่ามีดที่จี้มันหน้าตาเป็นอย่างไร แต่มันบอกว่ารู้แล้วหล่ะว่าโจรมันพูดว่าอะไรตอนนั้น มันบอกว่า Give me Money ! ซึ่งจังหวะที่โจรพูด ฉันก็เห็นมีด และแหกปากพอดี แล้วโจรก็วิ่งหนีไป ดังนั้น เพื่อนฉันจะไปทันตกใจได้ไง ส่วนฉันมาย้อนนึกดูก็น่าระทึกใจเหมือนกัน แต่ตอนนั้นความรู้สึกช้ามาก ไม่กลัว ไม่ตกใจ แต่ปากไวร้องไปแล้ว พอเล่าจบ ทุกคนก็สรุปว่าสงสารเจ้าโจรจังเลย มันโชคร้ายจริง ๆ ที่มาเจอเรา 2 คน เงินก็ไม่ได้ ดีไม่ดีป่านนี้มันอาจจะยังต้องรักษาหูเพราะเสียงฉันอยู่ก็ได้

    อ่านแล้วอย่าเพิ่งกลัวจนไม่กล้าไปเที่ยวไหนนะ เพราะเรื่องแบบนี้ ดวงใครก็ดวงมัน อีกอย่างประสบการณ์แบบนี้ใช่ว่าจะเจอกันง่าย ๆ แต่คุณว่ามันโชคร้าย หรือเพราะพวกฉันโชคดีล่ะ?

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook