บ่อมบ๊อมตะลอน หลวงพระบา ตอนที่ 2

บ่อมบ๊อมตะลอน หลวงพระบา ตอนที่ 2

บ่อมบ๊อมตะลอน หลวงพระบา ตอนที่ 2
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

    หลังจากออกจากวังเวียง เมืองกุ้ยหลิน แห่งลาว ก็เริ่มขึ้นเขา สลับซับซ้อน ใครที่เคยนั่งรถหรือขับรถไปแม่ฮ่องสอนที่คิดว่าโค้งเยอะ เขาแยะ ให้ลืมไปได้เลย ที่นี่ประมาณ 3 เท่า ไม่มีโอกาสได้จับพวงมาลัยตรงๆ เลย ยิ่งขับยิ่งขึ้นสูง ดูจาก GPS (น้องเหมียว) เห็นว่า ความสูงที่รถไต่ระดับสูงที่สุดอยู่ที่ 1900 กว่าเมตร ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลค่อนข้างมาก สำหรับเรื่องวิวข้างทางไม่ต้องบรรยาย สวยงามมากๆ ภูเขา ป่า ดูแล้วยังอุดมสมบูรณ์กว่าบ้านเราเยอะ

   ผ่านไปสี่ชั่วโมงวิ่งได้ 150 กม. คิดในใจ (อีกที) ตรูเชื่อก็ได้ฟะ ว่า 200 กม. 6 ชม. อากาศเริ่มเย็น ฟ้าเริ่มมืด ถนนไม่มีรถสวนแม้แต่คันเดียว เพื่อนๆ ผู้หญิงที่ไปด้วยสองคนก็เริ่มหวั่นๆ เหมือนกัน ลองนึกถึงขับรถเข้าไปในถ้ำ ถ้ำมืดยังไงถนนที่ขับก็มืดแบบนั้น ทำให้คิดว่า ถ้าอยู่ดีๆ มีใครอยู่กลางถนนคงต้องขออโหสิแล้วต้องชนไปเลย ... แต่ยังไงก็กลัวแก๊งค์ขว้างหินมากกว่า โชคดีที่ว่า พฤติกรรมอุบาทว์พวกนี้ยังไม่เข้าไปถึงในประเทศลาว

    ออกจาก กทม. สี่ทุ่ม ถึงที่พักในหลวงพระบางสามทุ่ม โอ้ว..แม่เจ้า โอ้ววว.. มายก็อด 23 ชม. สำหรับการขับรถไป ชมวิวไป เพลินไป ถ้าไม่เพลิดเพลินคงได้ถึงตั้งแต่หัวค่ำแล้ว เอาล่ะ..มาถึงแล้ว โย่ว... ก่อนอื่นคงต้องกล่าวคำว่า สะบายดี หลวงพระบาง

    ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน แต่ทุกนาทีก็มีค่ามากสำหรับพวกเรา หลังจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย พวกเราเริ่มตะลุยราตรี ออกหาข้าวกินกัน ขับรถไปจนถึงกลางเมืองหลวงพระบาง โอ้โห..สมจริงๆ กับที่เค้ายกย่องว่าเป็น มรดกโลก บ้านเรือน วัดวาอารามต่างๆ ยังอยู่ในสภาพเดิมๆ ไม่มีตึกใหญ่โตมโหระทึก ทุกอย่างคงเดิมเกือบหมด จริงๆ อย่างที่เค้าว่า ถ้าอยากเห็นกรุงเทพฯ สมัยเมื่อ 50 60 ปีที่แล้ว ที่หลวงพระบางนี่แหละ.. ใช่เลย

   มื้อแรกของพวกเรา ไม่ใช่สิต้องเรียกว่า ออเดิร์ฟของพวกเราคือ แซนวิช ที่เป็นขนมปัง French Bread ส่วนจะใส่ไส้อะไรนั้นก็เลือกกันตามความพอใจ ไปทางไหนก็เห็นแต่ French Bread ทั้งนั้น เนื่องจากประเทศลาวได้รับวัฒนธรรมมาจากฝรั่งเศส จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมอาหารการกินบางอย่างถึงเหมือนกับที่ชาวฝรั่งเศสเค้ากินกัน สำหรับราคาแล้วอันละ 1 หมื่นกีบ (ประมาณ 36 บาท) ไปไหนมาไหนกันทีพกเงินกันทีเป็นล้าน เฮ้อ....เป็นเงินบาทก็ดีเนอะ

    เมื่อท้องอิ่มตาปรือจากความเหนื่อยเหน็ด ก็เข้าที่พักอาบน้ำอาบท่า ตัวใครตัวมัน สำหรับที่พักที่พวกเราได้เค้าเรียกว่า เฮือนพัก เป็นเหมือนห้องแถวที่เค้าปลูกไว้ให้สำหรับนักท่องเที่ยวมาอยู่ เป็นที่พักที่เพิ่งสร้างใหม่ สะอาด มีแอร์น้ำอุ่นพร้อม ส่วนโรงแรมไม่ต้องเสาะแสวงหา เต็มหมดทุกโรงแรม

ตอนเช้าใครอยากตื่นก็ตื่นนะ ไม่ต้องมาปลุก ขอนอนให้เต็มที่หน่อย หมดเสียงก็ผลอยหลับไป ....

   ตื่นมา 9 โมงเช้า อะไรฟะ ป่านนี้ไม่ตื่นกันอีก รถก็ไม่ได้ขับยังจะตื่นสาย บ่อมบ๊อมเริ่มกริ้ว ... ตื่นๆๆๆ ได้แล้ว จะได้ไปเที่ยวกัน

   หลังจากตื่นขึ้นมา อาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็คิดโปรแกรมกันว่าจะไปไหนบ้าง พระธาตุภูสี วัดมหาธาตุ น้ำตก (จำชื่อบ่ได้) พิพิธภัณฑ์ โรงละคร แค่นี้ก็จะหมดวันกันอยู่แล้ว คิดโปรแกรมได้เสร็จก็หาอาหารเช้ากินกัน นอกจากแซนวิชแล้วที่นี่ก็ยังมี เฝอ ต้นตำหรับไว้ให้ลองชิมกัน ราคาประมาณ 15,000 กีบ

   เห็นผู้คน พ่อค้า แม่ค้าที่นี่แล้วอดประทับใจไม่ได้ คำพูดของเค้าฟังดูแล้วช่างหน้าหลงไหลยิ่งนัก หวาน..น.. หยดย้อยเสียเหลือเกิน

    วันนี้นักท่องเที่ยวยังไม่มากเท่าไหร่ แต่คิดว่าพรุ่งนี้คนคงเยอะแน่ๆ พวกเราเริ่มตระเวนเที่ยวตามโบราณสถานต่างๆ กันก่อน วัดวาอารามที่นี่สวยมากทั้งในเรื่องของรูปทรง ลวดลายตามเสา ตามผนัง รวมถึงสีที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดงตัดทอง ยิ่งดูยิ่งงาม ทำให้คิดอีกทีว่า สมแล้วที่เป็นเมืองมรดกโลก

     นอกจากวัดแล้วยังมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นสถานที่สะสมของต่างๆ รวมถึงเป็นโรงละครที่มีนักแสดงไว้แสดงให้นักท่องเที่ยวเข้าชมกัน แต่จะเปิดเป็นรอบโดยจะมีรอบเช้า กับ รอบบ่าย

    แต่เสียดายที่เราเข้าไปรอบเช้าไม่ทัน และรอบบ่ายก็ไม่สามารถเข้าได้อีกเนื่องจากพวกเราต้องเดินทางไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ

   สถานที่ต่อไปคือ พระธาตุภูสี ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขา นักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปนมัสการจะต้องเดินไต่บันไดขึ้นไป ค่อนข้างสูงพอสมควร ตรงบันไดจะมีเขียนไว้ว่าทั้งหมดกี่ขั้นแต่บ่อมบ๊อมจำบ่ได้ก๊า... เมื่อขึ้นไปด้านบนจะเป็นจุดชมวิวที่อีกจุดหนึ่งที่สามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางได้ทั้งเมือง เห็นความงามของแม่น้ำซองที่กำลังไหลไปบรรจบกับ แม่น้ำโขงที่ฝั่งไทย

     เมืองหลวงพระบางเป็นเมืองที่เพรียบพร้อมไปด้วยความงามของธรรมชาติ ความงามของคน รวมถึงความงามของโบราณสถานต่างๆ ที่สมควรเก็บรักษาไว้ให้เป็นความงามแบบนี้สืบทอดชั่วลูกชั่วหลาน

    ย้อนกลับไปก่อนที่จะขึ้นพระธาตุภูสี จะมีเด็กผู้หญิงขายของที่ระลึกพวกตุ๊กตาพวงกุญแจ ซึ่งดูๆ แล้วเค้าก็ทำจากวัสดุค่อนข้างดี ซึ่งถ้าซื้อในบ้านเราน่าจะหลายตังค์ มารู้ที่หลังว่าเด็กหญิงคนนี้ชื่อ น้อย ทำไมถึงสนใจมาก .. มันมีที่มาที่ไป

   พี่ๆ กินอะไรมาคะ หล่อจัง (ออกสำเนียงภาษาลาวนิด) กล้งชมให้ซื้อของ พี่ช่วยซื้อตุ๊กตาหน่อยนะ สามตัวร้อย เราก็สงสารเด็ก ได้ๆๆ เดี๋ยวพี่ช่วยซื้อ แต่ตอนลงนะ ขี้เกียจถือ พอขึ้นไปก็เจอเด็กอีกกลุ่มนึงขายตุ๊กตาพวงกุญแจเหมือนกัน ก็มารบเร้าให้ช่วยซื้อโดยตัดราคาจาก น้อย สี่ตัวร้อยเอาไปเลยพี่ 

    เมื่อได้ยินว่าสี่ตัวร้อยก็อดทำตาวาวไม่ได้ เลยต้องรีบซื้อและก็เลยไม่ได้อุดหนุนเจ้าน้อยเลย จนลงมาถึงข้างล่างน้อยก็บอกว่า พี่ทำไมไม่ซื้อหนูล่ะ สัญญาว่าจะซื้อก็ไม่ซื้อ เอาล่ะสิตรู ทำไงดีหว่า ก็พยายามเดินเพื่อที่จะไปขึ้นรถ แต่ก็ต้องฝ่าด่านนักขายตัวจิ๋วหลายต่อหลายคน ในที่สุดน้อยก็บอกว่า ห้าตัวร้อยเอาไปเลยพี่ เวงกำ...อะไรกันนี่!! หกตัวร้อยเอาไปเลยพี่ เจ้าเด็กผู้ชายเริ่มตัดราคา จนในที่สุดราคาก็โดดไปที่ สิบตัวร้อยเลยพี่ เอาไปเลย !!!... อูย...แล้วสี่ตัวร้อยที่บ่อมบ๊อมซื้อมาล่ะจะเอาไปขว้างหัวเด็กคนไหนดี...

    จนในที่สุดเจ้าน้อยก็ทนไม่ไหว พี่สุดหล่อ สิบสองตัวร้อย พี่เอาไปเลย ใจก็คิดว่าถ้าซื้อก็อยากจะกระจายรายได้ให้ทั่วถึง ถ้าคนอื่นๆ ให้สิบสองตัวร้อยก็จะแบ่งซื้อคนละหกตัว แต่ที่ไหนได้เด็กคนอื่นไม่ยอมที่จะแบ่งขาย ถ้าจะซื้อให้ซื้อสิบสองตัว

    สุดท้าย สรุปแล้วคือไม่ซื้อของใครเลยเนื่องจากว่ามันเหมือนกับเราโดนเด็กหลอกตั้งแต่แรก ใจอยากจะช่วยซื้ออยากช่วยกระจายรายได้ให้ทุกคน แต่ในเมื่อแต่ละคนไม่ยอมที่จะแบ่งขายเราก็คงต้องตัดปัญหาด้วยการไม่ซื้อเลย เรื่องของ น้อย ยังไม่จบเท่านี้ อ่านไปเรื่อยๆ เดี๋ยวคงได้เจออีก

    ออกจากพระธาตุภูสี ขับรถย้อนเข้าไปในเมืองเพื่อหาอาหารกลางวันกินกัน เฝอ เป็นอาหารกลางวันของพวกเรา ที่นี่จะมีทั้งเฝอเนื้อ หมู มีข้าวซอย แซนด์วิช

    ใครปรารถนาอยากลิ้มอาหารประเภทไหนมีให้ชิมกันครบ สำหรับข้าวจ้าวต้องเป็นร้านอาหารจริงๆ ถึงจะมี เพราะร้านส่วนใหญ่มีบริการแต่ข้าวเหนียวครับ

     ท้องตึง หนังตาห้ามหย่อน .. สถานที่ต่อไปที่พวกเราไปคือ วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นโบราณสถานเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของหลวงพระบาง ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปองค์โต บานประตู เสา หลังคา ผนัง เป็นลายแดงสลับทองสวยงามมาก เมื่อถ่ายรูปเสร็จกำลังจะเดินกลับไปที่รถได้สะดุดตาบ้านหลังหนึ่ง อาจจะเป็นกุฏิพระก็ได้ มีโคมดาวแขวนอยู่บริเวรบ้านหลายดวงสวยงามจนอดถ่ายภาพไม่ไหว ซึ่งเวลานั้นได้ทั้งแสงของดวงอาทิตย์ สีของโคมดาว รวมถึงสภาพแวดล้อมในตอนนั้นทำให้นึกถึงบ้านโบราณสมัยก่อนที่แขวนโคมต่างๆ ไว้หน้าบ้านเพื่อประดับความสวยงามให้แก่ตัวบ้านนั้นๆ

    สถานที่ต่อไปหลังจากเที่ยวในเมืองหลวงพระบาง เจ้า Rider ก็พาพวกเราขับออกไปนอกเมืองประมาณ 30 กว่ากิโล จนไปถึง น้ำตกตาดกวงซี ซึ่งเป็นน้ำตกที่ได้มาจากแร่ธรรมชาติมีความใส ความเย็นจนอดไม่ไหวที่จะลงไปเล่น

    จากกระโดดน้ำเล่นจนชื่นฉ่ำใจ พวกเราก็กลับที่พักเพื่อไปอาบน้ำอาบท่าหาอาหารเย็นกินกัน ซึ่งคืนนี้เรามีนัดไปเที่ยวดิสโก้เธคในหลวงพระบาง เพียงเพราะอยากรู้ว่าดิสโก้เธคในเมืองหลวงพระบางนั้นเป็นยังไงมั่ง

     เมื่อกินอาหารเย็นกันเสร็จ ก่อนที่จะไปโชว์สเต็ปบนฟลอร์ พวกเราไปเดินช้อปปิ้งกันที่ตลาดมืด ซึ่งของในนั้นมีมากมายหลายชนิด พกเงินไปเป็นล้านก็หมด (หมดจริงๆ เด้อ) ส่วนใหญ่จะเป็นของที่ทำจากมือ เป็นงานผลิต เป็นของพื้นเมือง สวยงามและน่าซื้อมาก

    ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆ พอได้ของครบกันตามต้องการพวกเราก็กำลังหันหลังจะเดินทางกลับไปยังที่พัก ยังไม่ทันหันก็ได้ยินเสียงพูดทำนองบ่น ใครนะที่บอกว่าจะซื้อตุ๊กตาของหนูแล้วก็ไม่ซื้อ เจ้าน้อยนี่เอง เด็กที่ขายตุ๊กตาที่พระธาตุภูสี สามทุ่มแล้วยังอุตส่าห์จะเจออีก

    พวกเราก็กระเซ้าเย้าแหย่ จนในที่สุดเพื่อนๆ ก็ต้องซื้อตุ๊กตาของน้อยอีกร้อยบาท คราวนี้น้อยให้มาสิบตัวพวกเราก็ดีใจได้จำนวนเยอะกว่าเมื่อตอนกลางวัน แต่พอจะเดินกลับเพิ่งมานึกได้ว่า ตอนกลางวันจำได้ว่าน้อยบอกเราว่าสิบสองตัวร้อยนี่หว่า เฮ้อ..โดนเด็กปล้นอีกแล้ว

    หลังจากเรียบร้อยตรงตลาดมืดพวกเราก็เอาของไปเก็บยังที่พัก และแล้วเวลาโชว์สเต็ปเทพก็มาถึง เมื่อเข้าไปในดิสโก้เธคที่มีชื่อว่า ดาวฟ้าบันเทิง ซึ่งเป็นที่ที่ใหญ่ที่สุดในหลวงพระบาง ทำให้บ่อมบ๊อมนึกถึงดิสโก้เธคบ้านเราเมื่อสมัยสิบกว่าปีที่แล้ว ที่ในดิสโก้เธคจะมีฟลอร์ด้านหน้า เวลาใครจะเต้นก็ออกมาเต้นกันไม่มีใครยืนเต้นที่โต๊ะกันซักคน

    แต่ด้วยความน่ารักอีกอย่างที่เห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ก็คือ การแต่งกายของสาววัยรุ่น จะมีที่ใส่ชุดแบบบ้านเราแทบจะนับคนได้ ที่ว่าน่ารักนั้นจะมีสาววัยรุ่นบางคนใส่ผ้าซิ่น (ผ้าถุง) และใส่เสื้อไหมแบบที่บ้านเราใส่ไปทำบุญ และรองเท้าส้นสูง ออกมาเต้นกันที่ฟลอร์ เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ทำให้เห็นว่าคนของเค้าถึงแม้ว่าจะมีสถานที่แบบนี้เค้าก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมในการแต่งกายของเค้าโดยถือเป็นเรื่องปกติ

    คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของพวกเราในหลวงพระบาง พรุ่งนี้เราตั้งใจว่าจะปลุกเพื่อนๆ ตื่นไปใส่บาตร ซึ่งที่หลวงพระบางจะเป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งคือ การตักบาตรข้าวเหนียว จะมีพระภิกษุเป็นร้อยๆ รูปเดินเข้าแถวบิณฑบาตกันอย่างเรียบร้อย

โปรดติดตามอ่าน บ่อมบ๊อมตะลอน หลวงพระบาง ตอนจบ ได้ที่นี่เร็วๆ นี้ครับ

บ่อมบ๊อม...เรื่อง / ภาพ ออนไลน์วันที่ 21 มกราคม 2551

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ขอขอบคุณการอำนวยความสะดวก และโปรแกรมท่องเที่ยวแบบสุดยอดใน สปป. ลาว โดย  บริษัท สบายเดย์ แทรเวล จำกัด โทร. 08 7678 0566 , 0 2661 7429  www.sabuyday.com และ ทุกมิตรภาพ - รอยยิ้มบริสุทธิ์ ของชาว เวียงจันทน์ , วังเวียง , หลวงพระบาง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง บ่อมบ๊อมตะลอน หลวงพระบาง ตอนที่ 1

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook