ตะลุยเดี่ยวเที่ยวไทยทริปท่องเหนือ...น้องเมย์ เชียงของ

ตะลุยเดี่ยวเที่ยวไทยทริปท่องเหนือ...น้องเมย์ เชียงของ

ตะลุยเดี่ยวเที่ยวไทยทริปท่องเหนือ...น้องเมย์ เชียงของ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

เรื่องภาพ โดย : เมย์ เชียงของ 15 กันยายน 2003

ความเบื่อและเซ็งชีวิตของฉันได้รับการปลดปล่อยและ บรรเทาด้วยวิธีการต่างๆที่แตกต่างกันไป ในแต่ละครั้ง แต่สำหรับคราวนี้ ฉันเลือกที่จะเก็บเสื้อผ้าลงเป้ เพื่อที่จะออกเดินทาง โดยในครั้งนี้ฉันมีจุดหมายที่จ.เชียงราย

ศุกร์ปลายเดือนสิงหา ฉันเริ่มต้นออกเดินทาง ไปพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ซึ่งมีที่มาแตกต่างกัน แต่3วัน2คืนนับจากนี้เราจะร่วมเดินทางไปด้วยกัน ในการท่องเที่ยวชนเผ่าซึ่งจัดโดย กลุ่มกระจกเงา NGOที่ทำงานเกี่ยวกับชาวเขาในพื้นที่จ.เชียงราย จุดเด่นของทัวร์ครั้งนี้คือพิธีโล้ชิงช้า อันเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลปีใหม่ของชาวอาข่า(อีก้อ) ที่บ้านอาผ่าเราได้สัมผัสบรรยากาศ ประเพณีโล้ชิงช้าของสาวอาข่าในยามเย็น และการเต้นรำกระบอกไม้ไผ่ในยามค่ำคืน เราได้มีโอกาสเข้าร่วมเต้นรำรอบกองไฟ ไปกับชาวอาข่าทั้งหญิงชายอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง

วันรุ่งขึ้น เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวอาข่า พวกเขาจะดื่มฉลองกันโดยมี ชาวเขาเผ่าอื่นๆที่อยู่ละแวกใกล้เคียง มาร่วมฉลองด้วย แม้เราจะไม่ค่อยเข้าใจในภาษาที่เค้าใช้ แต่เราก็ได้รับมิตรภาพอันดีจากพวกเขา เป็นเหล้าดีกรีหนักที่ทำให้พวกเราบางคน ลุกไม่ขึ้น ส่วนพวกเราที่เหลือก็ต้องพิสูจน์ความแข็งแรง ของร่างกายกันต่อด้วยการเดินเขา5ก.ม. ต่อจากเมื่อวานที่เดินไปแล้วราว9ก.ม. มาถึงบ้านยะฟู อันเป็นชุมชนของชาวลาหู่(มูเซอ) ในค่ำคืนนี้เราได้ชมการเต้นรำของเยาวชนชาวลาหู่ และเหมือนเป็นธรรมเนียมที่พวกเราพลาดไม่ได้ ที่จะเข้าร่วมวงเต้นรำไปพร้อมๆกับพวกเขาด้วย

เช้าตรู่ของวันใหม่เราเดินเขาขึ้นไปเพื่อชื่นชม ทะเลหมอกอันสวยงาม พร้อมๆกับจิบกาแฟและ นั่งพักผ่อนพูดคุยกันอย่างรื่นรมย์ จากนั้นเราไปศูนย์เด็กบ้านยะฟูเพื่อพูดคุยกับ ผู้นำชุมชนก่อนที่จะไปพักผ่อนหย่อนใจกันที่น้ำตกห้วยแม่ซ้าย เราเดินทางต่อไปยังศูนย์กระจกเงาเพื่อสรุปการเดินทาง ที่ผ่านมาก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเพื่อใช้ชีวิตประจำวัน ตามเดิมของแต่ละคน

แต่สำหรับเรา การบินเดี่ยวของฉันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ช่วงเช้าฉันใช้เวลาในตัวเมืองเชียงราย ไหว้อนุสาวรีย์พ่อขุนมังรายฯ แล้วไปชมโบสถ์และ ภาพเขียนอันสวยงามที่วัดร่องขุ่น.... ดูเหมือนว่าฉันพยายามจะทำให้ตัวเองอุ่นใจ สงบและมีสติกับการเดินทางในอีก3-4วัน ต่อจากนี้ ซึ่งฉันวางแผน ไว้ว่าจะไป อ.เชียงของและ อ.เชียงแสน

บ่ายวันเดียวกันนั้นเองฉันได้พาตัวเองมาถึงเชียงของ ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆอันสงบ ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่าย บังกะโลที่ฉันเข้าพักไม่มีนักท่องเที่ยวเลย นอกจากฉัน ยามเย็นมันเงียบและเหงาเกินไป แม้จะหาจักรยานไปปั่นเล่นทั่วเมืองแล้ว ก็ไม่ทำให้ความรู้สึกนี้หมดไปได้ ฉันจึงหากาแฟรสนุ่มมาดื่มตอนหัวค่ำ จิบกาแฟไปก็คุยกันไปกับครอบครัวของเจ้าของร้าน.... .แล้วความรู้สึกเหง็นความอุ่นใจ กับมิตรภาพในตอนหลัง

วันที่2ของฉันในเชียงของ ฉันติดต่อทำใบผ่านแดนชั่วคราว แล้วนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงไปบ่อแก้ว ประเทศลาว ดูเหมือนฟ้าฝนไม่เป็นใจกับฉัน ท้องฟ้าที่ดูครึ้มๆอยู่ๆฝนก็ตกลงมา ฉันเข้าไปหลบฝนในวัดแห่งหนึ่งในเมืองห้วยทราย ฉันกล่าวสบายดีกับหนุ่มลาวคนหนึ่งที่มองฉันด้วยความสงสัย จากนั้นการสนทนาของเราก็เริ่มต้นขึ้น

ไทยลาวก็พี่น้องกันทั้งนั้น... หนุ่มลาวกล่าวในช่วงหนึ่งของการสนทนาของเรา

ช่วงบ่ายฉันจะหารถไปเชียงแสน แต่รถที่มีอยู่วิ่งไม่ถึงเชียงแสน ถ้าไปจะต้องต่อรถกลางทางซึ่งเสี่ยงว่าจะไม่มีรถไป นี่เป็นอุบัติเหตุการเดินทางครั้งแรกซึ่งทำให้ฉันต้องเบน จุดหมายจากเชียงแสนเป็นดอยผาตั้ง การเดินทางกว่าจะถึงดอยผาตั้งนั้นทุลักทุเลพอสมควร เพราะรถสองแถวที่ฉันโดยสารไปจะผ่านแค่ตีนดอย ฉันจึงต้องลงรถและดักรอ คอยโบกรถเพื่อขึ้นดอย โชคดีที่รถคันที่สองที่ฉันโบกจะผ่านบ้านผาตั้ง ฉันจึงได้ติดรถเค้าไปด้วย บนท้ายรถกระบะฉันโดยสารไปกับผู้หญิง3คน เด็กอีก2คน ซึ่งได้รู้ตอนหลังว่าพวกเขาเป็นชาวม้ง(แม้ว).... ได้นั่งรถแม้วก็คราวนี้เอง

กว่าจะเข้าที่พักในผาตั้งก็เย็นมากแล้ว คำแนะนำที่ได้รับจากคน ในพื้นที่ทำให้ความคิดที่จะเดินทาง ต่อไปยังภูชี้ฟ้าของฉันเป็นหมันไป ฉันปลอบตัวเองว่าไม่เป็นไรพรุ่งนี้เช้าเดินดูวิวที่หมู่บ้าน บ่ายๆค่อยเดินทางกลับ แต่แล้วรุ่งขึ้นฝนก็ตกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง กว่าจะหยุดตกก็เกือบเที่ยงแทบจะไม่มีโอกาสเห็นวิวสวยๆเลย ฉันรู้สึกท้อและต่อว่าตัวเองในใจ ไม่มีใครมาเที่ยวดอยหน้าฝนกันหรอก ....ฉันอยู่ตัวคนเดียว ในหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ(ซึ่งไม่พูดภาษาไทยกัน) กับบรรยากาศฝนตกพรำๆ ไม่มีนักท่องเที่ยว ที่พักหลายแห่งกำลังปิดปรับปรุง....ฉันทั้งสมเพชและสงสารตัวเอง อยากจะลงจากดอยแต่ไม่มีรถโดยสาร(ฝนตก ถนนลื่น รถวิ่งบนดอย อันตรายมาก) ชาวบ้านบอกฉันว่าคงต้องค้างอีกคืน เพื่อรอรถในวันพรุ่งนี้ ฉันได้ฟังแล้ว หอบเป้กลับเข้าที่พัก ปิดประตู แล้วอยู่กับตัวเอง......

ตอนค่ำ ชาวบ้าน2-3คนซึ่งฉันพอจะคุ้นๆหน้า(คงจะสงสารฉัน) ชวนฉันไปนั่งดูดาวอังคารด้วยกันที่หน้าบ้าน พวกเรานั่งคุยกันไปพลาง จิบชาร้อนๆไปพลาง.....และแล้วฉันก็มีเพื่อนใหม่ที่ผาตั้งนี่เอง

ฉันเลื่อนวันเดินทางกลับออกไปอีกเพราะเพื่อนใหม่ของฉัน ขออาสาเป็นไกด์นำฉันเที่ยวชมชีวิตในหมู่บ้าน เริ่มจากพาฉันไปจุดชมวิว ซึ่งห่างออกไปอีก1.5ก.ม. ดูพืชไร่ต่างๆที่ชาวบ้านปลูกซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชเมืองหนาว บ่ายๆก็ชวนกันไปนั่งลุ้นการชนแมงกว่าง หัวค่ำไกด์อาสาฯพาไปดูบรรยากาศการเรียนการเล่นของเด็กๆ ในโรงเรียนจีนในหมู่บ้านชาวจีนฮ่อแห่งนี้ จากนั้นไปนั่งกันบริเวณสามแยกของหมู่บ้าน ที่เป็นเสมือนจุดนัดพบของคนในหมู่บ้าน... .แม้ฉันจะฟังภาษาจีนที่พวกเขาคุยกันไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ แต่ฉันก็รู้สึกสุขใจอย่างประหลาด

ฉันนั่งรถสองแถวออกจากบ้านผาตั้งเพื่อเข้าสู่เชียงของ โดยเย็นวันนี้ฉันจะโดยสารรถเชียงของ-กรุงเทพกลับ ช่วงเวลาเกือบวันที่ยังพอเหลืออยู่สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ฉันปล่อยเวลากับตัวเอง นั่งนึกถึงเรื่องราว ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันมานี้ แล้วพบ่าการเดินทางของชีวิตในครั้งนี้เป็น ประสบการณ์อันยิ่งใหญ่และเปี่ยมสุข ฉันจะคิดถึงทุกๆคนที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ และฉันจะกลับมาเชียงรายอีก เพราะความประทับใจที่มีต่อที่นี่มากมายเหลือเกิน

เมย์ เชียงของ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook