ทุ่งดอกไม้สุดปลายฟ้า.ภูสอยดาว

ทุ่งดอกไม้สุดปลายฟ้า.ภูสอยดาว

ทุ่งดอกไม้สุดปลายฟ้า.ภูสอยดาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุ่งดอกไม้สุดปลายฟ้า.ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ 

กันยายน 2547

พิศ  พังงา ... เรื่อง / ภาพ

     ย่างเข้าหน้าฝนทีไรความใฝ่ฝัน และคลั่งไคล้ที่จะได้ไปสัมผัสบรรยากาศอันสุดแสนโรแมนติก ของทุ่งดอกหงอนนาค และลานสนบนภูสอยดาว ก็เริ่มเข้ามาสู่ห้วงฝันอีกแล้ว...........ปีแล้วปีเล่าที่ตัดสินใจไม่ได้ว่า จะเสี่ยงภัยบุกบั่นเดินเท้าบนเส้นทางที่ค่อนข้างสูงชันไปตามความฝัน ท้าพิสูจน์เส้นทางเดินที่ใคร ๆ กล่าวถึงว่า โหด เหนือโหด โดยเฉพาะ "เนินมรณะ" เนินสุดท้ายที่เป็นทุ่งหญ้าโล่ง ๆ ไม่มีสิ่งยึดเกาะใด ๆ นอกจากต้นหญ้า 

     ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างเกิดความมั่นใจว่า ปีนี้แหละที่เราต้องขึ้นภูสอยดาวให้ได้ทั้ง ๆ ที่ยังกลัว ๆ กล้า ๆ แต่ก็เริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลการเดินทางจากเพื่อน ๆ ที่เคยไปมาแล้ว หลายคนบอกว่า ส.บ.ม.ย.ห......... อย่างเราไปได้แน่นอนไม่ต้องห่วง ........ หลังเลือกวันเดินทาง+เลือกเพื่อนร่วมทางจากหลาย ๆ กลุ่ม  ก็ลงตัวที่หัวหน้าแก๊งค์ ซึ่งเคยเดินทางถ่ายรูปดอกไม้บนภูหลวงด้วยกันมาแล้ว ด้วยมั่นใจเต็ม 100  ว่ายังไงเสียเขาคงไม่ทอดทิ้งเราแน่นอน..........และก็ไม่ผิดหวัง..........ตลอดการเดินทางได้รับความช่วยเหลืออย่างดีมาก ๆ .......... มากจนเราเองละอายใจที่เป็นต้นเหตุให้การเดินทางยาวนานกว่าปกติ......ขอขอบคุณน้ำใจของเธอคนนี้  " gypsy queen " นักถ่ายภาพธรรมชาติ 

     อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว แต่เดิมเป็นวนอุทยานภูสอยดาว จัดตั้งเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2533 ครอบคลุมพื้นที่ 48,962.5 ไร่ ในท้องที่อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อปี 2537 ได้ขยายครอบคลุมพื้นที่ 125,110 ไร่ หรือ 199 ตารางกิโลเมตร และประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์ประกอบด้วยป่าสนเขา ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปี ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน เป็นต้นน้ำของลำน้ำปาด 

สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว 1. น้ำตกภูสอยดาวมีความสูง 5 ชั้น น้ำไหลตลอดปีอยู่ติดกับทางหลวงหมายเลข 1268 ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 2. ลานสนสามใบภูสอยดาว เป็นพื้นที่ป่าสนธรรมชาติ บนเทือกเขาภูสอยดาวจากระดับน้ำทะเล 1,633 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 กว่าไร่ ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมจะมีพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (ประเภทเดียวกับหญ้า) ขึ้นอยู่มากมาย อาทิ หญ้าหงอนนาค ดอกกุง ดอกกระดุมเงิน ดอกหญ้าบัว ดอกกล้วยไม้ดิน กล้วยไม้ป่า ฤดูหนาวอุณหภูมิระหว่าง 3-10 องศาเซลเซียส การเดินทางใช้เดินเท้าเพียงอย่างเดียวระยะทาง 6.5 กิโลเมตร มีลูกหาบบริการหาบสัมภาระและเสบียงสำหรับปรุงอาหารเนื่องจากบนภูสอยดาวไม่มีอาหารและน้ำดื่มจำหน่าย มีเฉพาะเตาไฟที่ใช้ฟืนและฟืนขายให้กับนักท่องเที่ยวแต่ก็ไม่มากนัก มีผ้าห่มนวมและเต๊นส์ให้เช่า มีลำธารน้ำธรรมชาติสำหรับดื่มกินและอาบในช่วงปลายลำธาร มีห้องสุขาและห้องน้ำแต่ต้องไปตักน้ำที่ลำธารเอง เจ้าหน้าที่เตรียมถังสำหรับหิ้วน้ำไว้ให้หลายใบ 3. น้ำตกสายทิพย์ เป็นน้ำตกความสูง 7 ชั้นอยู่ใกล้ลานสนสามใบบนภูสอยดาว  มีน้ำไหลช่วงฤดูฝน 4. น้ำตกมอส เป็นแหล่งท่องเที่ยวฝั่งประเทศลาวที่ต้องเดินผ่านเข้าไปในเขตประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผ่านลานสนลัดเลาะลงไปยังน้ำตก เส้นทางลื่นและสูงชัน หลักเขตชายแดนอยู่ไม่ไกลจากลานเต๊นส์ทางด้านทิศใต้ 

บันทึกการเดินทาง

ท้าพิสูจน์ "เนินมรณะ" สู่ทุ่งดอกหงอนนาค+ลานสน บนภูสอยดาว วันแรก      จุดนัดพบที่เดิมแถวพหลโยธิน พร้อมสมาชิกทริปนี้รวม 7 ชีวิต ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพกันทุกคน........ ถึงตลาดชาติตระการ จ.พิษณุโลก ตอนตี 4  หยุดรถรอให้สว่างเพื่อเดินทางต่อไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตื่นเพื่อจะเข้าห้องน้ำ......... เดินลงจากรถรู้สึกได้ว่ารองเท้าผิดปกติ  ตอนแรกคิดว่าคงสวมรองเท้าไม่แน่นเพราะยืมของคนอื่นมาแต่ที่ไหนได้ มองอีกครั้งรองเท้าส่วนหน้าด้านซ้ายแหว่งไปครึ่งซีก สักพักเมื่อเดินเข้าห้องน้ำกลับมาถึงรถรองเท้าที่ตอนเดินทางมาไม่มีวี่แววว่า จะเสื่อมสภาพได้ไวขนาดนี้ เริ่มหลุดเป็นชิ้น ทำได้ ณ ตอนนั้นก็คือ บอกหัวหน้าทริปว่าคงต้องแยกตัวกลับกรุงเทพ ฯ คนเดียว  เพราะไม่ได้เอารองเท้าสำรองมาด้วย............ สอบถามชาวบ้านแถบนั้นก็บอกว่าร้านรองเท้าที่ตลาดชาติตระการเปิดสาย ๆ ตัวเราเองเริ่มสับสน ใจนึงก็คิดว่า ดีเหมือนกันจะได้ชิ่งกลับ กทม. ไม่ต้องเดินขึ้นภูสอยดาว หากกลับไปตอนนี้คงไม่เสียฟอร์มแน่ ที่เพื่อนร่วมทริปจะว่ากลัวไม่กล้าเสี่ยงเดินขึ้นไปเป็นแน่ แต่ก็ยังเสียดายนิด ๆ ที่ไม่ได้ไปแถมกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเช่ารถให้ไปส่งที่ตัวเมืองพิษณุโลกคงมากพอดู พวกเรานอนรอบนรถให้สว่าง  และก็เป็นเพราะความเอื้อเฟื้ออย่างมากของหัวหน้าแก๊งค์ที่เปลี่ยนแผนให้ผู้ร่วมเดินทางทานข้าวเช้าที่ตลาดแทนไปทานที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว  เพื่อรอให้เราหาซื้อรองเท้าสำหรับเดินป่าให้ได้ ก็ไม่ผิดหวังรอจนประมาณ 6 โมงกว่า ๆ แม่ค้าแถบนั้นบอกว่าร้านรองเท้าเปิดขายแล้ว  หัวหน้าทริปที่สุดแสนใจดีของพวกเราก็พาไปเลือกซื้อรองเท้ายางหล่อที่ชาวบ้าน+ลูกหาบใช้ใส่เดินขึ้นภู เพราะไม่ลื่น ราคาคู่นึงก็ 40.- บาท ตอนได้รองเท้าดีใจเป็นที่สุดจนลืมความกลัวการเดินทางไปเลย.....................และความคิดที่จะชิ่งกลับ กทม. ก็ไม่หวลกลับมาอีกเลย..........คิดแต่ว่าต้องเดินขึ้นภูสอยดาวให้ได้............... หลังกินอาหารเช้าก็ออกเดินทางไปสบทบกับกลุ่มนักท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว วันนั้นนักท่องเที่ยวไม่มากนักแต่ก็ไม่น้อยพออุ่นใจว่ามีเพื่อนร่วมทาง 

     หลังจัดแบ่งสัมภาระให้ลูกหาบเรียบร้อยเริ่มเดินเวลา 09.15 น. พวกเราเดินไปแวะถ่ายรูปดอกไม้ใบหญ้าไปเรื่อย ๆ เส้นทางช่วงแรกเดินเลียบน้ำตกร่มเย็นดี แต่ก็หวาดเสียวตรงที่ทางเลียบน้ำตกค่อนข้างแคบ  ถ้าเดินไม่ระวังอาจพลัดตกลงด้านล่างได้เหมือนกัน  น้ำตกริมทางเดินสวยมาก ๆ เพลินกับการถ่ายรูปธรรมชาติไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แวะทานข้าวกลางวันหลังเดินทางกว่า 3 ชม. ได้ระยะทางแค่ 1.5 กม. ผ่านเนินปราบเซียนช่วงแรกที่ค่อนข้างชันไต่ขึ้น ๆ เรื่อย ๆ ตามป่าไผ่ ดีที่ทางอุทยานทำไม้ไผ่เป็นราวยึดเกาะไว้ให้ เหลือเส้นทางอีก 5 กิโลเมตร ซึ่งค่อนข้างโหดขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับฝนที่เริ่มตกหนักมากพร้อมลมพายุ 

     หลังเดินผ่านเนินปราบเซียน ช่วงเริ่มเข้าเนินป่ากอขาเริ่มเป็นตะคิว ต้องเดิน ๆ หยุด ๆ โดยมีหัวหน้าทริปคอยช่วยเหลือ บีบนวดเท้า+ทายาให้หายจากการเป็นตะคิว สวนทางกับลูกหาบที่ขนสัมภาระขึ้นด้านบนภูเรียบร้อยแล้ว ณ ตอนนั้นรู้สึกท้อมาก ๆ คิดว่าคงเดินขึ้นไปไม่ถึงสันแปบนภูสอยดาวแน่นอน จะเดินกลับลงคนเดียวก็เกรงไม่ปลอดภัย เพราะที่ภูสอยดาวนักท่องเที่ยวไม่มากมายเหมือนภูกระดึง จำใจฝืนเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านเนินป่ากอรู้สึกท้อมาก ๆ  ถึงเนินเสือโคร่งต้องคลานขึ้นทีละนิดเพราะปวดขาจากอาการเป็นตะคิว และเส้นทางแคบ ๆ สูงคดเคี้ยว  จนถึงเนินสุดท้ายเนินมรณะที่ต้องไต่ภูเขาสูงชัน และลื่นเนื่องจากฝนตกหนัก เส้นทางเดินเลียบหน้าผาสูง ระหว่างเดินทางบนเส้นทางทีสูงชันทำได้อยู่ 2 อย่างคือ  บนบานสานกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือเจ้าป่าเจ้าเขาให้คุ้มครอง  บวกกับความพยายามของตัวเองเพราะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว  แต่ก็อุ่นใจที่มีหัวหน้าทริปคอยเดินเป็นเพื่อนตลอดทาง

      ยามที่ปวดขาจากการเป็นตะคิวจนก้าวขาแทบไม่ไหวจะถามตัวเองเสมอ........ทำไมต้องมาที่นี่........ดอกไม้ป่าที่อื่นก็มี.....มาทำไม.... และอีกหลายคำถาม........ ซึ่งตัวเองก็ตอบความคิดตัวเองอีกนั่นแหละว่า "ก็ทุ่งดอกหงอนนาค+ทิวสนเป็นสิ่งจุดประกายให้กล้าเดินทางมาครั้งนี้"  รู้แต่ว่าต้องพยายามตะกาย+คลานขึ้นไปให้ถึงสันแปบนภูสอยดาวให้ได้................ และแล้วเราก็ทำได้......... ดีใจสุด ๆ ความเหนื่อยความกลัวกับการเดินทางไม่เหลืออยู่เลย เมื่อได้เห็นต้นดอกลิลลี่ป่าต้นแรกเหมือนกับที่หลายคนบอก..........จุดสิ้นสุดหนทางสูงชันตรงดงดอกลิลลี่ป่านั่นเอง............. ผ่านดงต้นลิลลี่ป่าก็ถึงสันแปบนภูสอยดาว ที่เต็มไปด้วยสายหมอกหนาปกคลุมแนวต้นสน และทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงเหมือนแดนสวรรค์...........

      เรากับผู้นำทริปใช้เวลาเดิน 8 ชั่วโมง 15 นาที เป็นการทำสถิติเดินขึ้นภูสอยดาวที่ใช้เวลามากที่สุดก็เป็นได้ เพราะกลุ่มอื่นเค้าเดินกันแค่ 4-6 ชั่วโมง เดินไม่นานก็ถึงบ้านพักเจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ เพื่อนร่วมทริปอีก 5 คน ซึ่งเดินล่วงหน้าไปก่อนตะโกนเรียกให้ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกฝนบนบ้านพักเจ้าหน้าที่ ก็นับว่าโชคดีมาก ๆ ได้รับความเอื้อเฟื้อจากเจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ เวทนากลุ่มพวกเรา ซึ่งสัมภาระเปียกฝนไม่สามารถกางเต๊นส์นอนเหมือนนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ ได้ มีความรู้สึกว่าห้องนอนบนบ้านพักเป็นแค่เรือนไม้ธรรมดาพื้นไม้กระดานเย็นเฉียบด้วยละอองฝน แต่คุณค่า ณ ตอนนั้น มากมายกว่าห้องชุดหรูราคาแพงในโรงแรมใหญ่โตหลายเท่านัก 

วันที่ 2 ของการเดินทาง      ยามเช้าบรรยากาศโดยรอบแนวสนเต็มไปด้วยสายหมอกหนา ดอกหงอนนาค ก็ยังไม่บานเพราะเท่าที่รู้ดอกหงอนนาคจะบานหลังเที่ยงวันไปแล้ว  หลังทานอาหารเช้านัดแนะเจ้าหน้าที่อุทยานพาเดินไปจุดพรมแดนไทยลาวแอบเลาะข้ามไปฝั่งลาวเพื่อชม "น้ำตกมอส"  เส้นทางลงน้ำตกมอสค่อนข้างลื่นชันกว่าทางขึ้นภูสอยดาว รองเท้าซื้อใหม่ใช้งานได้ดีเกินคาด ไม่กัดเท้าแถมเดินยึดเกาะพื้นดีมาก  หลังลัดเลาะตามทางดิ่งก็ต้องเลาะข้างลำธารดิ่งลงไปอีกช่วงเพื่อลงสู่น้ำตกมอส วันนี้ไม่เป็นตะคิวอีกเดินแบบไม่ทรมาน เพียงแค่ต้องระมัดระวังเวลาย่างก้าว  ถึงน้ำตกมอสสิ่งที่ชอบมากสำหรับเราคงไม่ใช่น้ำตก แต่เป็นใบเมเปิลสีแดงที่เริ่มร่วงหล่นจากต้นบ้างแล้ว ส่วนน้ำตกเก็บภาพไม่มากนักเพราะรู้ตัวเองดีว่ายังถ่ายภาพน้ำตกไม่ดีเท่าที่ควร.......

     พวกเราแวะถ่ายรูปตามเส้นทางจนไม่รู้สึกหิวเพราะมีดอกไม้ป่ามากมายให้ถ่ายรูป อาทิ ดอกกระดุมเงิน ดอกหญ้าบัว ดอกไม้สีชมพูช่อยาวสีหวาน  แม้แต่ดอกว่านไก่แดงที่ขึ้นตามต้นไม้แถบเชิงผา หลังอาหารกลางวันที่ค่อนไปทางบ่ายเพราะมัวแต่ถ่ายรูปทุ่งดอกหงอนนาคที่เริ่มผลิบาน  เดินเลาะไปทางที่เดินผ่านมาวันแรกจุดหมายคือ "น้ำตกสายทิพย์" ที่ข่าวว่าเดินไม่ไกลเหมือนน้ำตกมอส เราไม่ได้เดินลงน้ำตกเพราะเกรงว่าวันรุ่งขึ้นจะเดินลงจากภูไม่ได้ 

วันที่ 3 ของการเดินทาง       ทุกคนรีบตื่นเช้าเก็บสัมภาระให้ลูกหาบที่ขึ้นมารอแล้ว และช่วยกันจัดเสบียงสำหรับมื้อกลางวัน วันนี้มีแสงแดดให้เห็นไม่มืดครี้มเหมือนสองวันก่อน  ไม่มีสายหมอกปกคลุม แต่พวกเราไม่ได้รอจนดอกหงอนนาคบานเพราะกลัวลงจากภูไม่ทันมืดค่ำ  แวะนานหน่อยที่ก้อนหินใหญ่บนเนินมรณะเพื่อถ่ายรูปทิวทัศน์เทือกเขาเขียวขจีฝั่งลาว  ช่วงเดินลงใช้เวลา 6 ชั่วโมง 15 นาที เร็วกว่าตอนเดินขึ้น และโชคดีมาก ๆ ที่เท้าไม่เป็นตะคิวอีกเลยคงเป็นเพราะฝนไม่ตกก็เป็นได้ ลงถึงที่ทำการประมาณบ่าย 3 โมง พวกเราคงเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ลงจากภูในวันนั้น  หลังอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินทางกลับ แวะทานข้าวเย็นที่พิษณุโลก ถึงกรุงเทพ ฯ ตี 1 

" พิศ พังงา "

      การเดินเท้าขึ้นภูสอยดาวไม่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยเดินป่าเลย แนะนำว่าควรจะเริ่มที่เส้นทางง่าย ๆ ก่อนเหมือนกับที่หลายคนเคยบอกเราตอนเดินขึ้นภูชี้ฟ้าว่าที่นั่นเป็นการเดินป่าขั้นอนุบาล ส่วนชั้นมัธยมต้องเป็นภูกระดึง และภูสอยดาวคงต้องเป็นระดับมหาวิทยาลัย เราก็ภูมิใจที่ได้ไปที่นั่นครั้งหนึ่งในชีวิตคิดว่าคุ้มค่ากับการเสี่ยงอันตรายและรอดชีวิตมาได้ด้วยดี................ สิ่งที่ได้รับจากการเดินทางทริปนี้ก็เหมือนกับทริปอื่น คือ เพื่อนร่วมทางให้ความช่วยเหลือกันตลอดการเดินทางและทริปนี้ชื่นชอบเป็นพิเศษตรงที่เพื่อนร่วมทริปทุกคนชอบถ่ายรูปเหมือนกัน 7 ชีวิตช่างภาพมือสมัครเล่น............เป็นความผูกพันที่แน่นเฟ้น......คิดว่าต้องมีทริปอื่น ๆ ตามมาอีกแน่นอนที่พวกเราจะท่องเที่ยวถ่ายภาพธรรมชาติด้วยกันอีก

 

 

การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว สามารถเลือกเดินทางได้ 2 เส้นทาง 1. จากจังหวัดพิษณุโลก - อำเภอวัดโบสถ์ - บ้านโป่งแค - อำเภอชาติตระการ - อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เส้นทางลาดยางตลอดระยะทางจากกรุงเทพ ฯ 177 กิโลเมตร 2. จากจังหวัดอุตรดิตถ์ - อำเภอน้ำปาด - อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เส้นทางลาดยางตลอดระยะทาง 133 กิโลเมตร แต่จะผ่านเทือกเขามากว่าเส้นทางที่ 1 

ข้อมูลเพิ่มเติม  อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ 53100  โทร. 0-5541-9234 ถึง 5  , 0-1964-8385

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook