จริงหรือ ที่เขาว่า พิจิตร นี้ไม่มีอะไร ?

จริงหรือ ที่เขาว่า พิจิตร นี้ไม่มีอะไร ?

จริงหรือ ที่เขาว่า พิจิตร นี้ไม่มีอะไร ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 จริงหรือ ที่เขาว่า พิจิตร นี้ไม่มีอะไร ?

10 มิถุนายน 2547

เรื่อง / ภาพ ... นุ บางบ่อ

จังหวัดที่หลายคนบอกว่า ไม่ค่อยมีอะไร เพียงแค่ผ่านเลยไปเพื่อที่จะขึ้นเหนือ วันนี้เรามาตีแผ่ขุดคุ้ยหาของดีออกมา ลบคำครหาที่ว่า จังหวัดนี้ไม่มีอะไร...

วันนี้เรามาท่องเที่ยวในจังหวัดที่หลายคนรวมทั้งผมเองด้วย ที่ได้เพียงแค่ผ่านไปผ่านมาอยู่หลายครั้งหลายคราว โดยไม่ได้แวะเที่ยวชมสักเท่าไร เพราะคิดว่า พิจิตร และกำแพงเพชร ไม่ค่อยมีอะไร เป็นเพียงเมืองเกษตรกรรมเงียบๆ เดี๋ยววันหน้าก็ผ่านมาอีก แล้วค่อยแวะเที่ยวคราวหน้าก็ได้

ความคิด และการกระทำ ที่ผ่านเลยดังกล่าว มันสะสมอยู่เกือบทุกครั้งที่เดินทางขึ้นเหนือ ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นจุดบอด ที่สองจังหวัดนี้ไม่ค่อยได้รับการประชาสัมพันธ์ ทั้งที่ทรัพยากรต่างๆ ภายในสองจังหวัดนี้มีอยู่อย่างพรั่งพร้อมเทียบเท่าจังหวัดอื่น ไปจนถึงมีบางอย่างที่จังหวัดอื่นไม่มีด้วยซ้ำไป เรามาเริ่มกันที่ จังหวัดพิจิตร กันก่อน จังหวัดที่เป็นจุดกำเนิดของวรรณคดีเก่าแก่เรื่องดัง ระหว่าง พญาจรเข้รูปงามนาม ชาลวัน และ หมอจระเข้หนุ่ม ไกรทอง จากเมืองนนท์ ผู้เก่งกาจกล้าหาญ

จังหวัดพิจิตร เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่ง มีความหมายของชื่อเมืองว่า เมืองงาม มีชื่อปรากฏ ในประวัติศาสตร์ มาเก่าแก่โบราณว่า เมืองสระหลวง หรือเมืองโอฆะบุรี อันเป็นเมืองพระราชสมภพ ของสมเด็จพระสรรเพชรญ ที่ 8 หรือที่ใคร ๆ เรียกว่า สมเด็จพระเจ้าเสือ แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ และถิ่นกำเนิดของวรรรณคดีเรื่องไกรทอง พระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 2 อันลือชื่อ

จังหวัดพิจิตร ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำตอนบน ของเขตที่ราบภาคกลาง ลักษณะพื้นที่จะสูงทางด้านทิศเหนือ และ ค่อยๆ ลาดลงไปทางทิศใต้ มีแม่น้ำยม และแม่น้ำน่านไหลผ่าน ประชาชนในจังหวัดได้ใช้น้ำจากแม่น้ำทั้งสองสายนี้ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม

อำเภอเมือง ผมขอเริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพิจิตร จากในตัวเมืองก่อน ตัวเมืองที่เงียบสงบสมกับเป็นเมืองพระ มีวัดวาอารามเก่าแก่เป็นที่เคารพนับถือกันมาช้านาน จนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วไป มีโบราณสถาน มีบึงน้ำขนาดใหญ่ เรามาทำความรู้จักกันทีละแห่งดีกว่า

วัดท่าหลวง (หลวงพ่อเพชร) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ทางฝั่งตะวันตก ใกล้ศาลากลางจังหวัด ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่สร้างขึ้นในสมัยเชียงแสน เมื่อประมาณ พ.ศ. 2388 มีนามว่า "หลวงพ่อเพชร" ซึ่งหล่อด้วยทองสำริด มีพุทธลักษณะงดงามมาก หน้าตักกว้าง 1.40 เมตร สูง 1.60 เมตร เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญ คู่เมืองพิจิตร เป็นที่เคารพสักการะ ของชาวพิจิตร และชาวบ้านในจังหวัดใกล้เคียง
อุทยานเมืองเก่าพิจิตร ตั้งอยู่บนเส้นทางสายพิจิตร - วังจิก ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเมืองโบราณ มีเนื้อที่ ประมาณ 400 ไร่เศษ ภายในประกอบด้วย กำแพงเมือง คูเมือง เจดีย์เก่า และสวนรุกชาติกาญจนกุมาร มีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น เชื่อกันว่า คือเมืองพิจิตรเก่า ปัจจุบันเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง
ถ้ำชาลวัน ภายในบริเวณอุทยานเมืองเก่าพิจิตร บริเวณใกล้ๆ กับพระปรางค์ วัดมหาธาตุ มีถ้ำชาลวัน ลักษณะถ้ำกว้าง 1 เมตร ยาว 1.50 เมตร ซึ่งเชื่อกันว่า ในอดีตเป็นที่อาศัยอยู่ของพญาชาลวัน ปากถ้ำมีรูปปั้น ตัวละครสำคัญๆ ในวรรณคดี เรื่องไกรทอง องค์พระปรางค์ ของวัดมหาธาตุ นี้เป็นสถานที่ขุดพบเครื่องปั้นดินเผา และพระพุทธรูปสมัยต่างๆ ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมแล้ว
ศาลหลักเมือง จะขาดเสียไม่ได้เลยครับ มาถึง จังหวัดพิจิตร แล้ว ต้องแวะเข้าไปสักการะศาลหลักเมือง ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับอุทยานเมืองเก่าพิจิตร ลักษณะศาลแบ่งออกเป็นสองชั้น ชั้นบนเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมือง ส่วนชั้นล่างเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้น ของพระยาโครตรบอง หรือที่ชาวพิจิตรทั่วไป เรียกว่า พ่อปู่ เป็นที่เคารพนับถือกราบไหว้ของประชาชนทั่วไป นับเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดชมอีกแห่งหนึ่ง
บึงสีไฟ บึงน้ำจืดแห่งนี้ เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย ในอดีตเคยมีพื้นที่มากถึง 12,000 ไร่ ปัจจุบันตื้นเขินขึ้นทำให้พื้นที่ของบึงสีไฟ ลดลงเหลือเพียงประมาณ 5,000 ไร่ มีรูปร่างคล้ายกะทะใบใหญ่ แต่ค่อนข้างรีไปทางทิศตะวันตกเล้กน้อย เมื่อปี พ.ศ. 2521 กรมประมงได้จัดตั้งสถานีประมงน้ำจืด เพื่อเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด และ จังหวัดพิจิตร ได้จัดสร้างศาลาใหญ่ขึ้นริมบึง เพื่อให้ประชาชนได้ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
ภายในบริเวณบึงสีไฟ ยังมีสถานที่น่าสนใจอีก เช่น สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ พิจิตร นับเป็นสวนสมเด็จฯ แห่งแรกของประเทศไทย สร้างโดย จังหวัดพิจิตรร่วมกับกรมการศึกษานอกโรงเรียน เมื่อ พ.ศ.2527 มีเนื้อที่ 170 ไร่ ลักษณะเป็นสวน ริมบึง สีไฟมีสะพานทอดลงน้ำสู่ศาลาใหญ่ ริมบึงจัดแต่งเป็นสวนหย่อม มีทั้งต้นไม้ใหญ่ และไม้ดอก รวมทั้งทางเดินรอบ ๆ บึงด้วย

นอกจากนี้ยังมีเวทีเนินดิน สำหรับใช้จัดกิจกรรมในวันหยุดสุดสัปดาห์ ใกล้กันมีน้ำพุที่สูงที่สุดในประเทศไทย เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ชมในช่วงเวลาเย็นๆ

ถัดมาเป็น รูปปั้นพญาชาลวัน ขนาดใหญ่ ซึ่งมีความยาวถึง 38 เมตร กว้าง 6 เมตร สูง 5 เมตร ภายในออกแบบให้ใช้เป็นห้องประชุมได้ รูปปั้นพญาชาลวันนี้ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันมาก ไหนๆ พูดถึง พญาชาลวัน แล้ว ก็ขอเล่าถึงที่มาของชื่อ ชาลวัน ไว้สักนิดหน่อย เพราะบางคนอาจจะสงสัยเกี่ยวกับที่มาชื่อนี้ คือมีตำนนานที่เล่าต่อกันมาว่า
ชาลวัน นี้เป็นจระเข้ใหญ่ ที่ชอบอาละวาทคร่าชีวิตคนไปเป็นจำนวนมาก เป็นที่หวาดกลัวของชาวพิจิตรในสมัยนั้น จนชาวบ้านขนานนามเรียก พญาจระเข้ใหญ่นี้ว่า ตายละวัน คือมีคนต้องตายเพราะเจ้าพญาจระเข้ตัวนี้อยู่ทุกวัน ภายหลังเรียกกันเพี้ยนมาเป็น ตาลวัน และ ชาละวัน และเขียนเป็น ชาลวัน ในที่สุด

โดยรวมแล้ว บึงสีไฟ หนองน้ำใหญ่ในเมืองพิจิตร แทบจะเรียกได้ว่า เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดก็ว่าได้

กิ่ง อำเภอดงเจริญ ได้ยินชื่ออำเภอนี้ หลายคนคงทำหน้างงๆ แล้วก็บ่นว่า ไม่ค่อยเคยได้ยิน แน่หละ..ตัวผมเอง ว่าเป็นคนที่เดินทางอยู่บ่อยๆ ก็ไม่ค่อยคุ้นหูเหมือนกัน แต่ถ้าบอกว่า ฟาร์นกกระจอกเทศ ของท่าน เสธฯ หนั่น แล้วละก็ คงต้องร้อง...อ๋อ.. กันแน่ ฟาร์มนกกระจอกเทศ นี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ขจรฟาร์ม หรือชื่อเต็มๆ ว่า บริษัท ฟาร์มพิจิตรไทยปศุสัตว์ จำกัด ตั้งอยู่ตำบลวังงิ้ว ห่างจากกิ่งอำเภอไปตามทางหลวงหมายเลข 1069 ประมาณ 14 กิโลเมตร มีป้ายบอกทางตลอด ไม่หลงแน่
ภายในฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศไว้ประมาณ 1,800 ตัว ซึ่งมีการนำพันธุ์มาจากแอฟริกาใต้ นกกระจอกเทศนี้สามารถนำเนื้อมาประกอบอาหารได้หลายรูปแบบ หนังใช้ทำกระเป๋า ขนใช้ทำเครื่องประดับ กระดูกใช้ทำลูกปัด ไขมันใช้ทำเครื่องสำอาง
นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ฟาร์ม ยังมีบ่อเลี้ยงจระเข้ และ นกยูง รวมทั้งมีร้านอาหารซึ่งเปิดให้บริการโดยมีอาหารจานเด็ดเช่น เนื้อนกกระจอกเทศ และไวน์ ชาโต้ เดอชาละวัน ฟาร์มฯ นี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. โทร. 0 5660 1004-5 โทรสาร 0 5660 1006
เกี่ยวกับ ไวน์ ชาโต้ เดอชาละวัน นี้มีระบบการผลิตอยู่ไม่ไกลจากขจรฟาร์ม มากนัก นักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นระบบการผลิตตั้งแต่การปลูกต้นองุ่น การคัดเลือกผล การหมัก บ่ม จนถึงการบรรจุ เสร็จสรรพทุกขั้นตอน หากเพื่อนๆ นักท่องเที่ยวมีโอกาสเดินทางไปเที่ยว ฟาร์มนกกระจอกเทศ ของขจรฟาร์ม แล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะเดินทางต่ออีกหน่อย เพื่อไปเที่ยวชมสวนองุ่น และการผลิตไวน์ โดยฝีมือคนไทย แต่รสชาติไม่แพ้ไวน์ดังๆ จากต่างประเทศ เลยทีเดียว

อำเภอวังทรายพูน เดินทางกันต่อครับ วันนี้ยังไม่ทันเหนื่อยเปิดหาข้อมูลไปมาของ อำเภอวังทรายพูน อำเภอทางทิศตะวันอก ของ จังหวัดพิจิตร ก็ไปสะดุดตาที่ เหมืองทองเขาพนมพา มีความเป็นมาที่น่าสนใจมากทีเดียว เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

หากยังจำกันได้ เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2542 มีข่าวว่า ประชาชนจำนวนมากได้แห่แหนกันเข้าไปขุดหิน และดินลูกรังที่เขาพนมพา แห่งนี้ ซึ่งเชื่อกันว่า ณ เขาลูกนี้มีแร่ทองทำปะปนอยู่ บ้างก็สมหวังบ้าง บ้างก็ผิดหวังไม่พบอะไร ซึ่งการกระทำดังกล่าวได้ก่อให้เกิดปัญหามวลชน ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ไปจนถึงปัญหาการบาดเจ็บล้มตายจากการถูกดินถล่มทับ

ต่อมาหน่วยงานต่างๆ ใน จังหวัดพิจิตร มีความเห็นร่วมกันว่า ควรให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เข้ามาดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ บริเวณเขาพนมพา เพื่อให้ราษฎรได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน และเป็นการลดปัญหาด้านมวลชนได้หมดไปในที่สุด

ปัจจุบัน เขาพนมพา แห่งตำบลหนองพระ อำเภอวังทรายพูน ยังมีประชาชนเข้าไปเสี่ยงโชคขุดหาแร่ทองคำกันอยู่ แต่ทั้งนี้ได้อยู่ภายใต้การดูแลของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร และกำลังลังถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดอีกด้วย
สำหรับการเดินทางไปเที่ยวชมเขาพนมพา ทริปนี้ผมได้มีโอกาสเห็นกรรมวิธีการร่อนดิน เพื่อหาแร่ทองคำของชาว บ้านตั้งแต่เริ่ม จนถึงกรรมวิธีสุดท้าย คือการเผาให้แร่ที่เจือปนออก ให้เหลือแต่ทองคำเพียงอย่างเดียว โดยมีนายทุนมาคอยรับซื้อกันถึงที่ ถือได้ว่าเขาพนมพา เป็นภูเขาทองที่ช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้ มีงานทำ หรือหากใครได้ไปเที่ยวชม แล้วอยากจะทดลองเสี่ยงโชคดูบ้าง ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย...
อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอสุดท้ายแล้วครับที่จะนำมาแนะนำกัน อำเภอนี้อยู่ทางด้านทิศใต้ของตัว จังหวัดพิจิตร เป็นที่ตั้งของศาสนสถานสำคัญแห่งหนึ่ง คือ วัดโพธิ์ประทับช้าง ที่สร้างขึ้นโดย พระเจ้าเสือ หรือ พระสรรเพชญ์ที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นที่ระลึกถึงมาตุภูมิของพระองค์ สภาพปัจจุบันเหลือให้เห็นเป็นซากโบราณสถาน มีพระวิหารสูงใหญ่ และกำแพงล้อมรอบสองชั้น ตามแบบศิลปะสมัยอยุธยา ภายในพระอุโบสถมีพระประธานชื่อ หลวงพ่อโต
ตามตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า แต่เดิม วัดโพธิ์ประทับช้าง เป็นวัดที่งดงาม มีศาลาการเปรียญ และกุฏิพระสงฆ์ มีอาณาเขตกว้างขวาง ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปีจึงแล้วเสร็จ ในสมัยนั้นวัดโพธิ์ประทับช้าง เป็นวัดที่สวยงามโดดเด่นที่สุดในเมืองโอฆบุรี แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ปัจจุบันได้กลายเป็นวัดร้างไปเสียหลายปี ทั้งนี้เพราะแม่น้ำแควพิจิตรเก่า ที่ไหลผ่านหน้าวัด ได้ตื้นเขินกันดารน้ำ ผู้คนจึงพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น วัดแห่งนี้จึงขาดผู้ปฏิสังขรณ์และทรุดโทรมเรื่อยมา

แต่เป็นที่น่ายินดีที่ปัจจุบันกรมศิลปากรได้เข้าไปสำรวจทำการบูรณะซ่อมแซมแล้ว และในปีนี้ วัดโพธิ์ประทับช้าง ได้ถูกจัดรวมอยู่ในโครงการ อันซีน อิน ไทยแลนด์ 2 ของ ททท. อีกหน่วยงานหนึ่งด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว คงไม่มีใครพูดว่า พิจิตร นี้ไม่มีอะไร และ หากเราลองมาพิจารณาดู จะเห็นว่า สถานที่ท่องเที่ยวในตัว จังหวัดพิจิตร นั้นจะเชื่อมโยงเข้ากับวรรณคดีต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องไกรทอง ได้อย่างกลมกลืนสอดคล้องกัน หลังจากที่ผมได้เดินทางกลับมาก็ได้นั่งๆ นอนๆ คิดอยู่หลายวันว่า เรื่องไกรทอง และ ชาลวัน นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หรือเปล่าหนอ ?

.................................................................................................................................

ขอขอบคุณ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ สำนักงาน ททท. ภาคเหนือ เขต 4 ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร สถานีตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร โรงแรมโอฆะนคร โรงแรมพิจิตรพลาซ่า ชาวเมืองพิจิตรที่น่ารักทุกๆ ท่าน

ข้อมูลเพิ่มเติม

แนะนำร้านอร่อย

ร้านสใบบาง ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางมูลนาก อาหารไทยที่เกี่ยวกับปลาหลากหลายชนิด บรรยากาศแบบชาวบ้านริมแม่น้ำน่าน รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง ผัดไทป้าวุ้น อยู่ใน อำเภอเมือง ควรไปก่อนบ่าย 2 โมง เพราะขายดีทุกวันอาจหมดก่อน ซาลาเปาหยวกเฮง อยู่ที่สถานีรถไฟจิตร เนื้อแป้งนุ่มอร่อย สดใหม่ทุกวัน

ของฝาก

ส้มโอท่าข่อย สวนลุงยงค์ จันทรมณี ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง และสวนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

ที่พัก

โรงแรมพิจิตรพลาซ่า โทร. 0 - 5661 3502 9 โรงแรมโอฆะนคร โทร. 0 5661 1206 , 0 5661 1654
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook