พระธาตุเขี้ยวแก้ว

พระธาตุเขี้ยวแก้ว

พระธาตุเขี้ยวแก้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
[dsc00014.jpg] พระธาตุเขี้ยวแก้ว สักการะพระเขี้ยวแก้ว ความสุขทางใจที่มาได้ครั้งเดียว ทั่วทั้งโลกมีแค่ที่เมืองจีนและที่ศรีลังกาเท่านั้น ไทยยืมจีนมาแค่ 76 วันครับ เมื่อเร็วๆนี้ เรามีโอกาสได้ไปกราบสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ที่หอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ พุทธมณฑล ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยพระเขี้ยวแก้วนี้จะอัญเชิญมาไว้ที่ประเทศไทยจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546 เรานั่งแท็กซี่ไปทางพุทธมณฑลสาย 4 จากจุดนัด จริงๆแล้วถ้าอยากประหยัดจะนั่งรถเมล์สาย 515 จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก็ได้เหมือนกัน (ถ้ามีรถมาเองก็จะสะดวกมาก) หลังจากเลี้ยวรถเข้ามาในพุทธมณฑลตามสัญญาณมือของตำรวจจราจรผู้แข็งขันอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง ก็เจอกับป้ายลูกศรบอกทางตรงไปยังหอสมุดฯ มีรถยนต์จอดอยู่กันหลายคัน หลายขนาดตามใต้ต้นไม้บริเวณลานกว้าง เหล่าชาวประชาชีทั้งหญิงชาย ทั้งแก่ทั้งสาว มากหน้าหลายตาต่างพากันเดินไปสู่ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วราวกับนัดกันไว้มาเป็นอย่างดี เราเดินถ่ายรูปรอบๆบริเวณพอหอมปากหอมคอ จนมาถึงหน้าหอสมุดฯ บริเวณนั้นมีเต๊นท์ตั้งอยู่มากมาย ทั้งเต๊นท์ฝากของ เต๊นท์ขายเครื่องสักการะบูชา เต๊นท์ปฐมพยาบาล และที่มองไปทุกครั้งก็ต้องเจอทุกครั้ง นอกจากคนเข้ามากราบไหว้และต้นไม้ใบหญ้าแล้ว ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารมายืน เดินเฝ้ารอบบริเวณดังกล่าวแทบทุกจุด เรียกว่า คุมกันตั้งแต่ทางเข้าเลยว่างั้นเถอะ เล่าให้ฟังถึงความหมาย ประวัติความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วกันหน่อยดีกว่าว่า พระบรมสารีริกธาตุนั้น หมายถึง พระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งพุทธศาสนิกชนจะสักการะเพื่อน้อมขอพระบารมีให้คุ้มครองตนเองจากภัยอันตรายทั้งปวง สำหรับพระธาตุเขี้ยวแก้วที่อัญเชิญมาประดิษฐานนี้ ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า เมื่อปี พ.ศ. 617 พระจักรพรรดิ์ในสมัยราชวงศ์ฮั่น ได้ส่งอุปราช หวาง ซุน และคณะไปอาราธนาพระสงฆ์อินเดีย 2 รูปจากประเทศดาโรชี (ปัจจุบันคือประเทศอัฟกานิสถาน) เข้ามายังประเทศจีน และอีก 4 ปีต่อมา วัดม้าขาว ซึ่งเป็นวัดพระพุทธศาสนาวัดแรกในประเทศจีนก็อุบัติ เชื่อกันว่า พระเขี้ยวแก้วนั้นมีอยู่ 2 องค์ องค์หนึ่งอยู่ที่แคนดี้ ประเทศศรีลังกา อีกองค์หนึ่งอยู่ที่ประเทศจีน ซึ่งถูกอัญเชิญมาเมื่อใดไม่ปรากฏชัด ทราบแต่ว่าพระอาจารย์จีนฟาเหียนได้อัญเชิญจากเมืองโคทาน (ในประเทศปากีสถาน) มาที่นานจิง และต่อมาในปี พ.ศ. 1614 ได้ถูกเก็บซ่อนไว้ในเจดีย์ เซาเฉียน เจดีย์ที่วัดหลิงกวง ซึ่งเป็นวัดใหญ่อยู่ที่เทือกเขาตะวันตกชานกรุงปักกิ่ง จนถึงปี พ.ศ.2453 เกิดสงครามกับกองทัพพันธมิตร 8 ประเทศ เจดีย์เซาเฉียนถูกทำลายพังลงจึงได้พบพระเขี้ยวแก้วปรากฏอีกครั้ง และทางการจึงได้สร้างเจดีย์ใหม่ไว้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นเจดีย์แปดเหลี่ยม 13 ชั้น สูง 51 เมตร อำนวยการสร้างโดยสมาคมพุทธศาสนาแห่งประเทศจีน ใช้เวลา 6 ปีเศษจึงแล้วเสร็จ และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 75 พรรษา คณะสงฆ์ รัฐบาลไทย และคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และ พัฒนาพุทธมณฑลจึงเห็นสมควรอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจาก ประเทศจีนมาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นเวลา 76 วัน เพื่อความเป็นสิริมงคลคุ้มครองในหลวง ของปวงชนชาวไทยและเหล่าพสกนิกรทั้งหลายทั่วประเทศ โดยคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แทนรัฐบาลไทย เดินทางไปลงนามความร่วมมือกับรัฐมนตรีว่า การทบวงกิจการศาสนาของสาธารณรัฐประชาชนจีนในเรื่อง การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้าถวาย สักการะได้ตั้งแต่วันนี้-28 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 08.30-17.00 น. เราเดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปข้างในหอสมุดฯ ก่อนจะเข้าไปในส่วนที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วฯ พอเข้าไปเห็นพระธาตุเขี้ยวแก้วที่ประดิษฐานอยู่บนที่ตั้งสูง มีพระจีน 2 รูปนั่งคุกเข่าขนาบข้างบนพื้น เสียงสวดของ พระเป็นภาษาจีนฟังดูขรึมขลัง แต่ก็รู้สึกได้ถึงความศรัทธาที่ทรงพลังอย่างมหาศาล ที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคนที่ต่างก็ก้มลงกราบไหว้ด้วยใจเคารพ

ฟังเสียงสวดของพระจีนได้ที่นี่

เรื่องโดย ....นายนก

[dsc00009.jpg] ประชาชนมากราบไหว้มากมาย
[dsc00019.jpg] พระธาตุเขี้ยวแก้ว
[dsc00011.jpg] จัดที่ให้สักการะบูชา
[dsc00013.jpg] ภายในบรรจุพระธาตุเขี้ยวแก้ว
[dsc00016.jpg] รองรับด้วยทองคำ
[dsc00028.jpg] นายสบายกับพระจีนที่มาด้วย
[dsc00024.jpg] ประชาชนต่อแถวเพื่อสักการะ
[dsc00026.jpg] คำบูชาพระเขี้ยวแก้ว

[dscn0031.jpg] เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

[dscn0027.jpg] สถานที่เก็บพระเขี้ยวแก้ว

[dscn0024.jpg] ห้ามนำของเข้าต้องฝาก

[dscn0022.jpg] คำชี้แจงการนมัสการ [dscn0016.jpg] ก่อนเข้าต้องถอดรองเท้า [dsc00035.jpg] ตู้รับบริจาค
[dsc00012.jpg] กราบไหว้บูชา [dsc00020.jpg] สามเหล่าทัพช่วยป้องกัน [dsc00022.jpg] ต่อแถวเข้าไปนมัสการ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook