ท่องราตรี ที่ถนนราชดำเนิน

ท่องราตรี ที่ถนนราชดำเนิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ท่องราตรี ที่ถนนราชดำเนิน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 ธันวาคม 2547
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง กองสลากพี่ กองสลาก เสียงแหลมสะดุดหูของกระปี๋สาวรถเมล์เล็กสายหนึ่งตะโกนโหวกเหวกบอกผู้โดยสาร จากนั้นมันก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว นั่นคือเสียงและภาพที่ฉันเห็นเป็นประจำที่หน้ากองสลาก แต่กับสิ่งที่ไม่ชินตาเนื่องจากว่าในหนึ่งปีจะมีอยู่ช่วงเดียวก็คือ แสงสีของไฟในถนนราชดำเนิน ซึ่งจะเริ่มเจิดจ้าในช่วงใกล้วันพ่อยาวไปจนถึงปีใหม่ อากาศเย็นๆอย่างนี้นับว่าเป็นโอกาสดีในการเดินกินลมชมแสงไฟ ซึ่งจะว่าไปก็แปลกใจเหมือนกันทั้งที่เรียนที่ทำงานก็อยู่ใกล้ขนาดเดินมาถึงได้แต่ฉันกลับไม่เคยมาเดินทอดน่องปล่อยอารมณ์ดูสิ่งสวยงามบนถนนแห่งนี้อย่างเต็มตาสักที เรียกได้ว่า ใกล้เกลือกินด่าง ใกล้นางแต่ไม่กล้าเผยความใน
ถนนราชดำเนินทั้งเส้นในและนอกกลายเป็นสีทองด้วยซุ้มไฟต่างๆ สว่างไปทั่วเส้นทาง
หลังจากยืนลังเลอยู่หน้ากองสลากหลายนาทีฉันตัดสินใจเลือกเดินไปทางราชดำเนินกลาง โดยให้เหตุผลกับตัวเองที่ไม่ไปทางราชดำเนินในหลายข้อเป็นต้นว่า ศาลหลักเมืองที่ปิดตั้งแต่หกโมงเย็นนั้น ค่ำขนาดนี้ยังไงฉันก็อดเข้าไปนมัสการอยู่ดี หรือแม้แต่ศาลอาญาที่ตั้งตระหง่านอยู่ถัดมานั้นถึงจะเปิดทำการ ฉันก็ไม่ขอเข้าไปใช้บริการเด็ดขาด ไม่ว่าจะในฐานะโจทก์หรือจำเลย ส่วนสนามหลวง ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แม้ตอนนี้จะสวยงามจากไฟดวงเล็กที่ระย้าย้อยส่องแสงบนกิ่งมะขามทั่วทั้งบริเวณ แต่ฉันก็ขอชื่นชมจากจุดที่ยืนอยู่นี้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องคิดหาคำปฏิเสธนางบังเงาที่มักทำงานอยู่บริเวณนั้นให้ยุ่งยากใจ เริ่มต้นเดินด้วยความเสียดายที่ไม่ได้สัมผัสความงดงามของพระบรมหาราชวังใกล้ๆ เพราะวัดพระแก้วถือเป็นสถานที่คู่บ้านคู่เมืองที่มีคุณค่าทางจิตใจและมีความสำคัญขนาดดึงดูดชาวต่างชาติให้หอบเงินมาเที่ยวบ้านเรา แต่สำหรับฉันในคืนนี้คงได้แต่ชื่นชมความงดงามที่พอมองเห็นไกลๆจากด้านนอกก่อน เห็นทีจะต้องหาโอกาสมาเยือนแบบเต็มๆอีกสักครั้ง
ลีลาตากล้องขณะเก็บภาพบริเวณถนนราชดำเนิน
ความมืดที่โรยตัวเข้าปกคลุมท้องฟ้าทำให้รถราบางตาลงมาก ฉันค่อยเลื่อนสายตาจากด้านข้างโรงแรมรัตนโกสินทร์ที่ซึ่งเคยเป็นเวทีจับตายประชาชนครั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี 35 มาหยุดที่เกาะกลางถนนสายประวัติศาสตร์ที่ตลอดแนวตกแต่งด้วยดอกไม้ขนาดเล็กหลากสีโอบล้อมซุ้มไฟฟ้าประดับพระบรมฉายาลักษณ์ พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ฉันเห็นช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นต่างพากันตั้งกล้องรัวชัตเตอร์กันตรงบริเวณนี้เอง บ้างก็กำลังเก็บภาพไฟประดับดวงเล็กที่ส่องแสงพราวอยู่ตลอดแนวสองฟากฝั่งถนนกันอย่างขะมักเขม้น พอละความสนใจจากความคึกคักบนเกาะกลางถนนแล้ว จึงหันมาพิจารณาหมู่อาคารที่ทอดตัวสงบนิ่งเคียงคู่ถนนราชดำเนินดูบ้าง ฉันสรุปเอาเองง่ายๆว่าอาคารที่ถูกสร้างตั้งแต่สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เหล่านี้มีลักษณะเป็นช่วงๆโดยมีซอยเล็กๆกั้นระหว่างตึกแถว บริเวณมุมอาคารจะก่อมุขรูปโค้งครึ่งวงกลม และดาดฟ้ามุขเทคอนกรีตซึ่งถือว่าเป็นการก่อสร้างแบบใหม่ในสมัยนั้นผิดกันที่หลังคาส่วนอื่นยังเป็นแบบมุงกระเบื้องอยู่ ส่วนการตกแต่งผิวก็ขรุขระไม่ฉาบเรียบเหมือนอาคารทั่วไป ฉันว่าเพราะลักษณะเด่นของเจ้าอาคารสีครีมเหล่านี้เองจึงทำให้ถนนราชดำเนินแลดูคล้าย ถนนชองอะลิเซ่ ของฝรั่งเศส
พระที่นั่งอนันตสมาคม จุดสิ้นสุดของการเดินทางที่ถนนราชดำเนิน
เดินทอดหุ่ยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจำได้เพียงว่าผ่าน อนุสาวรีย์ 14 ตุลาคม ตรงสี่แยกคอกวัวที่ค่อนข้างเงียบเหงา ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมาไม่นาน จู่ๆ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็ตระหง่านอยู่เบื้องหน้าฉัน สายลมพัดน้อยๆแต่ขนแขนกลับลุกเกรียว ฉันแหงนมองพานรัฐธรรมนูญที่ยังคงวางนิ่งแม้จะผ่านเหตุการณ์รุนแรงหลายครั้งหลายครา ในใจนึกขอบคุณวีรชนนิรนามทั้งหลายที่ยอมหลั่งเลือด สละชีพบนราชดำเนินแห่งนี้เพื่อเทิดทูนไว้ซึ่งความเป็นประชาธิปไตย หากไม่มีผู้กล้าเหล่านั้น ฉันคงไม่ได้มาเดินเอ้อระเหยชมไฟยามค่ำคืนอย่างเสรีแบบนี้ เดินต่อไปอีกไม่ไกลก่อนถึงสะพานผ่านฟ้าฯมองไปฝั่งตรงข้ามคือ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ที่สร้างขึ้นในคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบสองร้อยปี ซึ่งเดิมเมื่อสิบปีที่แล้วเคยเป็นที่ตั้งของโรงหนังเฉลิมไทย จากจุดที่ฉันยืนอยู่นี้ โลหะปราสาท ที่เหลือเพียงแห่งเดียวในโลกที่วัดราชนัดดารามวรวิหาร มองเห็นห่างออกไปเบื้องหลังยังคงงดงามด้วยศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมแบบไทยโดยเฉพาะ เยื้องไปทางซ้าย ป้อมมหากาฬ ป้อมปราการสีขาวมีแนวกำแพงเมืองทอดตัวยาวไปตามถนนเล็กๆนั้นเอง
พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 3 และบริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์เป็นมุมฮิตอีกมุมหนึ่งของนักถ่ายภาพ
ข้ามสะพานผ่านฟ้าลีลาศมาก็เข้าสู่ถนนราชดำเนินนอก ฉันเห็นตึกสีขาวสามชั้นฝั่งตรงข้ามมียอดบนดาดฟ้า อ่านป้ายด้านหน้าได้ว่า พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และป้ายบนตัวตึกก็ฟ้องว่าเคยเป็นกรมโยธาธิการมาก่อน ฉันเดินกินลมเรื่อยมาจนถึงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย ด้านหน้าอาคารสร้างแบบศาลาไทยลดหลั่นกันลงมาดูสวยไปอีกแบบ เดินชมไฟและตึกโบราณมาเรื่อยจนในที่สุดขาก็เริ่มตึงเมื่อมาถึงลานพระบรมรูปทรงม้า สมเด็จพระปิยมหาราชนี่ถ้าเป็นคืนวันอังคารละก็ สี่ทุ่มกว่าอย่างนี้ฉันคงได้เห็นผู้คนมาจุดธูปบนบานศาลกล่าวกันอย่างคึกคักทีเดียวเชียว ถัดไปด้านหลัง พระที่นั่งอนันตสมาคม พระที่นั่งสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีเรอเนสซองส์ที่สร้างจากหินอ่อนตั้งตระหง่านอยู่งดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ สิ้นสุดการเดินเที่ยวชมไฟที่พระที่นั่งอนันตสมาคมนี่เอง ฉันเลือกนั่งรถเมล์ย้อนกลับทางเก่า พริบตาเดียวฉันก็ผ่านโลหะปราสาท วนซ้ายรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและผ่านหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ข่าวเรื่องที่รัฐบาลกำลังจะเปลี่ยนถนนราชดำเนินเป็นชองอะลิเซ่เมืองไทยวนเวียนอยู่ในความคิดฉันขณะนี้ ใจหนึ่งฉันก็อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่อีกใจก็กลัวว่าความเจริญที่กำลังมาถึงนั้น จะเข้ามาลบเลือนประวัติศาสตร์ที่แทรกซึมอยู่แทบทุกตารางนิ้วบนถนนราชดำเนินไปอย่างน่าเสียดาย...

content by ติดตามอ่านข่าวทั้งหมดได้ที่นี่ี่ี่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook