ร้าน Dailicious อร่อยได้ทุกวัน

ร้าน Dailicious อร่อยได้ทุกวัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ร้าน  Dailicious  อร่อยได้ทุกวัน ออนไลน์วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548

 ความเป็นสีขาวบนเก้าอี้ ให้ความ รู้สึก relax เข้ากับสีของโต๊ะที่ให้ความอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านด้วยสีน้ำตาลโอ๊ก มาที่ Dailicious อร่อยได้ทุกวัน ความรู้สึกก็เหมือนนั่งสังสรรค์กันอยู่ที่บ้าน   Daily =  ทุกวัน    Delicious =  อร่อย   นำมาปฏิสัมพันธ์กันแล้วก็จะได้คำว่า    Dailicious   ที่แปลว่า อร่อยได้ทุกวัน นี่คือที่มาของร้านชื่อเท่ๆ บนถนนนาราธิวาสราชนครินทร์ 

Dailicious ถือกำเนิดมาจากพลังทางความคิดสร้างสรรค์ของเพื่อนๆ ทั้ง 9 คนที่มารวมตัวกัน มี พี่ป้อม พี่เอ (สันติ) พี่ตา พี่อาทิตย์ พี่หมู พี่นุช พี่ต้น พี่เอ (สุรเอก) แล้วก็พี่เกด 

   คอนเซ็ปต์ของร้านจะเป็นหลายๆ สไตล์นำมามิกซ์รวมกัน แต่จะเป็น Modern Contemporary ซึ่งจะเน้น Space แต่ละมุมของร้านจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ทางเข้าด้านหน้าจะเป็นอารมณ์สปา เพิ่มความนุ่มนวล ผ่อนคลาย โดยการใช้ลูกเล่นของน้ำเข้ามาช่วย       ด้านหลังให้ความรู้สึกที่ดูสบายตา   เพราะมีสวนเล็กๆ ที่ออกแบบตกแต่งได้อย่างน่ารัก และลงตัว ส่วนด้านบนนั้น จะได้ความรู้สึกของความเป็นบ้าน 

    สำหรับใครที่อยากจะนั่งตากอากาศ ชมวิวในเมือง ก็สามารถออกมานั่งได้ที่ระเบียงด้านนอก รอบๆ ร้านจะใช้กระจกแทนผนัง ซึ่งดูแล้วโล่ง โปร่ง สบาย ผสานกับสีน้ำตาลโอ๊กและสีขาวยิ่งทำให้ร้านดูโดดเด่น สะอาดตา มีความเป็นโมเดิร์นที่สอดแทรกไปด้วยธรรมชาติ เพิ่ม Decoration ด้วยการนำโคมไฟมสีน้ำตาลที่ออกแบบได้เก๋ไก๋มาประดับประดา ยิ่งทำให้ร้านดูสะดุดตาเหมาะกับดินเนอร์เป็นอย่างยิ่ง และยิ่งได้เพลงอะคูสติกเบาๆ ขับกล่อม อาจจะเคลิ้มได้ไม่รู้ตัว เพิ่มความสดใสให้กับร้านด้วยการนำเพื่อนแสนดีอย่างเจ้าหมาน้อยในอิริยาบทต่างๆ มาไว้บนแผ่นเฟรมแขวนไว้ตามทางเดินของร้าน พี่ตากระซิบบอกมาว่าเจ้าหมาน้อยไม่ได้มีไว้โชว์อย่างเดียว แต่ถ้าใครอยากจะซื้อไปแขวนไว้ที่บ้านก็ยินดีขายให้ 

   นอกจากบรรยากาศจะดูสบาย สวย โล่ง โปร่งตาแล้ว เฟอร์นิเจอร์ก็ยังนั่งสบายอีกด้วย ความเป็นสีขาวบนเก้าอี้ ให้ความ รู้สึก relax เข้ากับสีของโต๊ะที่ให้ความอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านด้วยสีน้ำตาลโอ๊ก มาที่ Dailicious อร่อยได้ทุกวัน ความรู้สึกก็เหมือนนั่งสังสรรค์กันอยู่ที่บ้าน ชื่ออาหารของ Dailicious ก็น่ารัก น่ากิน เพราะพี่ๆ ทุกคนช่วยกันคิด อย่างอาหารที่พี่ตาแนะนำเราก็คือ ยำเห็ดกรอบ,ละอองดาวกับปลาน้อย, ไข่ก๊อตซิล่า

  เหมาะแก่การเรียกน้ำย่อยเป็นอย่างมาก หรือจะจี๊ดจ๊าดสะใจกับลาบปลาแซลมอน เผ็ดร้อนกับแกงเหลืองปลากะพง แกงกะทิที่อยากให้ลองไปชิม ก็คือ ไข่เจียวแกงเขียวหวาน ส่วนจานที่เหมาะแก่การเป็นกลับแกล้ม คือ 18 มงกุฎกับวัยกระเตาะ คัดสรรมาจากเนื้อวัวหรือเนื้อหมูตุ๋นกับเครื่องเทศ ตุ๋นกันข้ามคืนแล้วนำมาผัดกับพริกไทยอ่อน แค่ชื่อก็ทำเอาน้ำลายสอ ดูหน้าตาอาหารกันไปเพลินๆ ก่อน ได้โอกาสเย็นนี้รีบไปลิ้มลองกันซะนะคะ  ......

   เดี๋ยวจะหาว่าอร่อยไม่เผื่อแผ่ใคร ละอองดาวกับปลาน้อย เป็นปลาสำลีเนื้อนุ่มชุบเกร็ดขนมปังทอดกรอบ มีละอองแป้งทอดเม็ดกลมๆ เหมือนละอองดาววางอยู่รายล้อมชิ้นปลา จึงเป็นที่มาของชื่ออาหารจานนี้ แกล้มกับผักสดและน้ำสลัด เนื้อปลาก็นุ่ม แป้งทอดก็กรอบ อร่อยจนต้องขอบอก ไข่ก๊อตซิล่า ทอดมันปลากรายสอดไส้ไข่แดง นำมาปั้นเป็นรูปวงรี แล้วนำไปทอด เสร็จแล้วนำมาผ่ากลาง ลักษณะจะคล้ายๆ ไข่ถูกผ่าครึ่ง ทีเด็ดอยู่ที่การนวดปลากราย ให้เหนียวนุ่ม ไข่แดงก็หอมมัน เค็มนิดๆ รสชาติลงตัวเป็นที่สุด ลาบปลาแซลมอน เอาใจคนรักลาบ แต่เปลี่ยนรสชาติด้วยการนำปลาแซลมอนสไลด์เป็นชิ้นยาวพอดิบพอดี ทอดกรอบในน้ำมันร้อนๆ คลุกเคล้าให้เข้ากันกับเครื่องปรุงลาบ เปรี้ยวจี๊ดด้วยรสของมะนาว หอมข้าวคั่วป่น โรยหน้าด้วยใบสาระแหน่ จี๊ดจ๊าดสะใจ พลาดจานนี้ไปต้องมีงอน 

   แกงเหลืองปลากะพง สูตรเด็ดอยู่ที่น้ำพริกแกง เป็นสูตรปักษ์ใต้แท้ๆ เพราะแม่ครัวเป็นชาวปักษ์ใต้ ใช้ยอดมะพร้าวแทนหน่อไม้ ใส่ปลากะพง น้ำแกงสีเหลืองอ่อนๆ รสชาติเผ็ดร้อน กลมกล่อม ได้กลิ่นหอมของขมิ้นอ่อนๆ เนื้อปลานุ่มลิ้น เผ็ดแค่ไหนก็ไม่ยอมวางช้อนแน่นอน ครันชี่ไทย ไอซ์ที ชาไทยใส่นม ผสมกับคุ้กี้โอริโอ ปั่นรวมกัน มีความหอม หวาน มันของชาไทยใส่นม เข้มข้นด้วยคุ้กกี้โอริโอ แนะนำว่าต้องสั่งมาชิมก่อนอาหาร เดี๋ยวอิ่มเกินไปแล้วจะเสียดายที่ไม่ได้ลอง บานาน่า พีนัท สำหรับใครที่ไม่กลัวอ้วน ต้องลองชิมแก้วนี้ "บานาน่า พีนัท" มีส่วนผสมของพีนัท บัตเตอร์ กล้วยหอม นมสดพร่องมันเนย ปั่นรวมกัน เป็นแบบสมูทตี้ ให้กลิ่นหอมของกล้วย รสชาติหวานมันของเนยถั่ว แคลอรี่มากแค่ไหนก็ต้องชิม 

ร้าน dailicious  tel.02-6764646

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook