Pepper Lunch

Pepper Lunch

Pepper Lunch
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Pepper Lunch "เสิร์ฟร้อน...อร่อยสไตล์คุณ ทั้งอร่อย ทั้งสนุก แบบสไตล์ญี่ปุ่น 

เป็นธุรกิจอันดับที่ 6 ของ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (กลุ่ม CRG) ธุรกิจอาหารของเครือเซ็นทรัล สำหรับ "Pepper Lunch" แฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่นมาเปิดสาขาแรกที่ ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิลด์ โซนเอเทรียม 

Pepper Lunch

Pepper Lunch เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ใหม่ กึ่งฟาสต์ฟู้ด กึ่งเรสตอรองต์ เพราะเราต้องมาสั่งอาหารที่เคาร์เตอร์ เหมือนฟาสต์ฟู้ด หลังจากนั้นก็รับหมายเลขและเครื่องดื่มเดินมาเลือกโต๊ะนั่ง ซักครู่พนักงานก็จะมาเสริฟ์อาหารที่โต๊ะ เหมือนกับเรสตอรองต์ เราจึงเรียกระบบนี้ว่า Fast Casual Restaurant และสิ่งสำคัญสำหรับร้าน คือ เวลารับประทานผู้บริโภคต้องมีส่วนร่วมในการปรุงแต่งรสชาติด้วยตัวเองบนจานร้อน จึงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผู้บริโภคไทย แต่ก็มีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี 

Pepper Lunch บริหารงานโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี) เกิดขึ้นมาภายใต้แนวคิด "เสิร์ฟร้อน...อร่อยสไตล์คุณ" โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ การแต่งแต้มสีสันความอร่อยบนจานร้อน ในสไตล์ที่คุณสามารถเลือกเองได้ 

Pepper Lunch ความอร่อย ที่แตกต่างของ Pepper Lunch สิ่งที่เป็นเรื่องใหม่ สำหรับร้าน Pepper Lunch คือ โดยส่วนใหญ่อาหารแบรนด์อื่นๆ เมนูทุกจานจะถูกปรุงสุกพร้อมรับประทานก่อนจะมาเสิร์ฟ แต่ "Pepper Lunch" ไม่ใช่ เพราะลูกค้าทุกคนจะมีส่วนร่วมในการปรุงแต่งอาหารบนจานร้อนของตนเอง ในสไตล์ของตนเอง 

เมนูทุกจาน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ ปลา หมูหรือไก่ จะเป็นของสดที่ถูกจัดวางพร้อมข้าว และเครื่องปรุงบนจานร้อนที่มีความร้อนสูงสุดถึง 260 องศา ที่สามารถทำให้อาหารบนจานสุกเองได้ ดังนั้นภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด เมื่อพนักงานในครัวจัดวางอาหารบนจานเสร็จแล้ว

ภาชนะก็จะต้องถูกเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะภายในเวลารวดเร็ว จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของลูกค้าที่จะปรุงให้สุกมากสุกน้อยตามต้องการ แต่ในช่วงแรกนี้พนักงานของร้านจะค่อยสาธิตและแนะนำวิธีการปรุงให้ก่อน และเนื่องจากอาหารส่วนใหญ่เป็นเนื้อ (เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลาแซลมอน) ใครชอบอร่อยแบบสุกมากสุกน้อยแค่ไหน ก็สามารถปรุงได้เองตามชอบ เช่น ถ้าชอบสเต็กสุกๆ ก็สามารถพลิกสเต็กนาบกับภาชนะกลับไปกลับมา

Pepper Lunch
Pepper Lunch

ถ้าชอบแบบไม่สุกมาก ก็นำสเต๊กที่สุกได้ที่แล้วมาวางพักไว้บนผักที่มาพร้อมกัน อย่างที่กล่าวไว้ภาชนะของเปปเปอร์ ลันช์ ออกแบบพิเศษ คืออุณหภูมิจะสูงสุดถึง 260 องศาและจะะค่อยๆ ลดลงเหลือ 80 องศาเซลเซียสภายในเวลา 20 นาที จึงมีเวลาพอที่จะปรุงสเต็กหรือแฮมเบอร์เกอร์ให้สุกมากน้อยได้ตามต้องการ

หรือจะเพิ่มรสชาติในกับอาหารจานเด็ดของคุณด้วยซอสที่จัดเตรียมไว้ให้บนโต๊ะมี 2 ชนิด คือ คาราคูชิ (Karakuchi) หรือซอสถั่วเหลืองกระเทียม รสชาติจะออกเค็ม กับ อามาคูชิ (Amakuchi) หรือซอสฮันนี่ บราวน์ รสชาติจะออกหวานกว่านิดหน่อย 

Pepper Lunch

ความนิยมและมาตรฐานของ Pepper Lunch "ในประเทศญี่ปุ่น Pepper Lunch นับเป็น ร้านอาหารที่ได้รับความนิยมมาก มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 200 สาขา และยังมี การขายแฟรนไชส์ไปในหลายประเทศ อาทิ เกาหลี จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฮ่องกง และล่าสุดคือประเทศไทย ที่เปิดมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว" แม้จะเป็นแบรนด์ใหม่ที่คนไทยไม่คุ้นเคย แต่ทว่า ผลตอบรับจากลูกค้าก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถึง ดีมากตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 

Pepper Lunch

หลังจากที่ CRG ตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ Pepper Lunch ได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับ ผู้จัดการร้านไปฝึกงานที่ Pepper Lunch ประเทศสิงคโปร ์ซึ่งใช้เวลาฝึกอยู่ประมาณ 1 เดือนเศษ โดยทำการฝึกทุกอย่างทั้งในเรื่องระบบบริหารจัดการร้าน การใช้อุปกรณ์ภายในร้าน ตลอดจนวิธีการจัดเรียงและปรุงอาหารแต่ละเมนู เพื่อให้ได้รสชาติ ขนาดและมาตรฐานเท่ากันทุกจาน ฯลฯ 

"ขนาดของชิ้นเนื้อ ผักแต่ละชนิดที่อยู่ในแต่ละจานจะต้องเท่ากัน" แหล่งข่าวผู้จัดการร้าน Pepper Lunch เล่าให้ฟังถึงช่วงที่ได้เข้าไปอบรม พร้อมกับยกตัวอย่างเมนู ยาวารากะสเต๊ก ซึ่งวัตถุประกอบอาหารจานนี้ประกอบด้วย เนื้อนำเข้า แครอต ถั่วงอก และซอสปรุงรสเฉพาะ 

กรณีของวัตถุดิบต่างๆ จะต้องใช้การชั่งตวงวัดให้ได้น้ำหนักตามที่กำหนด รวมทั้งปริมาณของเกลือและพริกไทย เค้าจะมีท่าทางการโรยเกลือ-เขย่าพริกไทยให้ทั่วชิ้นเนื้อในปริมาณที่ใกล้เคียงกันรสชาติจะได้เหมือนกันทุกจาน กรณีถั่วงอกก็ต้องเรียนรู้เทคนิคในการหยิบและนำมาวางบนจาน เพื่อได้น้ำหนักและรูปทรงที่สวยด้วย ซึ่งทางสิงคโปร์ก็จะสอนวิธีหยิบ จับถั่วงอก ว่าต้องทำมืออย่างไร กางนิ้วมือขนาดไหนเพื่อหยิบถั่วงอกมาวางบนจานแล้วก็จะได้น้ำหนักมาตรฐานและได้รูปทรงที่สวยงามไปพร้อมกันด้วย 

Pepper Lunch
Pepper Lunch

กรณีของถั่วงอกก็เป็นสิ่งน่าสนใจ ว่าทำไม ทางญี่ปุ่นต้องเลือกใช้ถั่วงอก ทั้งๆ ที่หลายๆ คนหรือแม้กระทั่งคนไทยเองก็ไม่ชอบทานถั่วงอก และรู้สึกว่าถั่วงอกนั้นไม่เข้ากับสเต็ก และเราก็ได้รับคำตอบว่า ที่ต้องเป็นถั่วงอก เพราะว่าถั่วงอกช่วยแก้เลี่ยน และดูดซับความมัน 

พัชริชยาบอกว่า หลังจากผ่านการอบรม ได้เรียนรู้กระบวนการทำงานทุกอย่าง รวมถึง การใช้วัตถุดิบด้วยนั้น ทางบริษัทก็ยืดหยุ่นให้ทางไทยสามารถใช้วัตถุดิบจากประเทศไทย เพื่อทดแทนการนำเข้าได้ แต่ทั้งนี้มาตราฐานและคุณภาพต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดด้วย อาทิ ข้าวญี่ปุ่นพันธ์จาโปนิก้านี้ปลูกในไทยแต่เกรดส่งออก ถั่วงอกไร้สารที่ซื้อจากฟาร์มที่ราชบุรี ผักบางชนิด หรือ จะเป็นผงกะหรี่นี้ในเมืองไทยก็มี แต่ก็ใช้ไม่ได้ เนื่องจากกลิ่นแรงเกินไปและรสชาติก็ไม่เหมือน จึงต้องใช้ผงกะหรี่จากญี่ปุ่นจริงๆ รวมถึงเนื้อหมูด้วย

"Pepper Lunch ประเทศอื่นๆ ไม่มีเนื้อหมู มีแต่เนื้อวัว เนื้อปลา และเนื้อแกะ แต่บ้านเรามาประยุกต์เล็กน้อย เพราะบ้านเราไม่ทานเนื้อแกะ ซึ่งบริษัทแม่ก็ยินยอมแต่ทั้งนี้ สูตรและกระบวนการในการปรุงต่างๆ ก็ต้องผ่านการแอปพรู๊ปจากบริษัทแม่ก่อน ดังเรื่องของมาตราฐานคุณภาพนั้น CRG เราทำธุรกิจร้านอาหารเป็นหลัก เราก็จะมีมาตราฐานในการคัดสรรวัตถุดิบของเราอยู่ และกรอปกับต้องส่งแอปพรู๊ปจากบริษัทแม่อีก จึงเป็นการกรองคุณภาพถึง 2 ชั้นด้วยกัน ขอให้มั่นใจในคุณภาพอาหารและบริการได้เลยค่ะ" 

Pepper Lunch 

ซึ่งจริงๆ แล้ว กระบวนการทำงานไม่ยาก เพราะทุกอย่างเป็นของสดและปรุงสดๆ จานต่อจานทั้งหมด แต่ความลับที่ทำให้อาหารแต่ละจานได้รสชาติมาตรฐานเท่ากันอยู่ที่ ซอส เครื่องปรุงรสต่างๆ ที่เป็นสูตรเฉพาะ ที่เราต้องสั่งซื้อจากบริษัทแม่ 

Pepper Lunch

"วัตถุดิบทุกอย่างเรารู้หมดว่า ใช้อะไร เท่าไหร่ อะไรบ้าง แต่ที่ไม่รู้เลยก็คือ ซอสปรุงรส นานาชนิดที่มาใช้ในแต่ละจาน ซึ่งนี่แหละคือคีย์สำคัญที่ทำให้ Pepper Lunch สามารถขยายสาขาและเติบโตได้หลายประเทศทั่วเอเชีย 

Pepper Lunch มีเคล็ดลับความอร่อยมากมายที่คุณต้องมาค้นหาคำตอบได้ที่ร้านเราค่ะ" พัชริชยากล่าวตอนท้าย

กลุ่มลูกค้าของ Pepper Lunch ในประเทศไทย ลูกค้าของ Pepper Lunch เป้าหมายหลักเป็นกลุ่มวัยรุ่น ถึงวัยทำงาน ที่ชอบความสนุกสนานและความแปลกใหม่ และจากที่เปิดร้านมาซักระยะนึง จะสังเกตุได้ว่า ลูกค้าเราจะเป็นกลุ่มคนไทยและต่างชาติ ทีรู้จัก Pepper Lunch มาก่อนแล้วจากต่างประเทศ กลุ่มลูกค้าจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา เช่น ช่วงวันธรรมดาเรามีลูกค้าประจำพอสมควรเป็นกลุ่มคนทำงานที่นี่ ลูกค้ามักจะติดใจในรสชาติและอัตถรสของความใหม่ของอาหาร เพราะอาหารเราจะร้อนระอุตลอดจนหมดจาน 

Pepper Lunch 

มีหลายคนถามว่า Pepper Lunch มีความหมายอย่างไร โลโก้ของ Pepper Lunch มาจากรูปทรงของจานผสมสีน้ำสมัยโบราณ ที่พร้อมจะแต่งแต้มสีสันให้ผู้คนมีความสุข ก็เหมือนกับร้านของเราที่พร้อมจะให้ความสุขและความอร่อยกับทุกคนที่มาทาน ส่วนชื่อ Pepper Lunch นั้น แน่นอน Pepper มาจากองค์ประกอบเครื่องปรุงหลักของทางร้าน คือ พริกไทย ส่วน Lunch มาจาก อาหารมื้อกลางวัน ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ของคนณี่ปุ่นที่อาหารมื้อกลางวันจะต้องมีปริมาณ รวดเร็ว ง่าย และราคาสมควร ทำให้คำว่า Pepper Lunch สื่อถึง อาหารสไตล์พริกไทย ที่ไม่ว่าคุณจะทานในมื้อใด คุณก็จะได้คุณภาพและความคุ้มค่าแบบอาหารมื้อกลางวัน

รายการอาหารแนะนำอื่นๆ เมนูข้าว เช่น ข้าวเปปเปอร์เนื้อ (120 บาท) ข้าวเปปเปอร์ผงกะหรี่เนื้อ (130 บาท) ข้าวเปปเปอร์ไก่ (110 บาท) เมนูสเต็ก เช่น สเต็กเนื้อ+ไก่ (170 บาท) แฮมเบอร์เกอร์ สเต็ก+ไข่ดาว (160 บาท) ยาวาระกะ สเต็ก (375 บาท) นอกจากเมนูข้าวเปปเปอร์ และสเต็กแล้ว เรายังมี เชคเชคสลัด (ไก่เซซามิ ทูน่า และ สาหร่ายญี่ปุ่น) และซุป อีกด้วย

ชื่อผู้ให้สัมภาษณ์ ด้านการตลาด คุณพัชริชยา พรหมสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เปปเปอร์ ลันช์ 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 
ร้านเปปเปอร์ ลันช์ สาขาแรกในประเทศไทย  ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 โซนเอเทรียม  เซ็นทรัลเวิลด์  เปิดบริการจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00 - 22.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.30 - 22.00 น. โทร.0 2646 1914

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook