เยือนบ้านของสัตว์ป่า ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

เยือนบ้านของสัตว์ป่า ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

เยือนบ้านของสัตว์ป่า ภูเขียว จ.ชัยภูมิ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลางดึกของคืนหนึ่งต้นเดือนสิงหาคม 2565 ผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงของตัวอะไรยังไม่ทราบ เป็นเสียงย่างเท้าเดินเบาๆ อยู่ด้านใต้ถุนบ้านไม้ยกพื้นสูงกลางป่า อากาศหนาวเย็นแม้ว่าจะซุกตัวอยู่ในถุงนอน ทำให้ผมพยายามข่มตานอนให้หลับต่อ และแล้วเสียงนั้นก็เงียบลงหายไปพร้อมกับหลับใหลไปในราตรีกาล

p1010093

เช่าตรู่ก่อนรุ่งสางลมตะวันตกพัดเบาเอาหมอกจางลอยมาพร้อมละอองฝน ผมพาร่างเดินไปหยิบกล้องถ่ายภาพที่อยู่ในรถแล้วออกเดินไปตามถนนลาดยาง จากหน้าบ้านพักสู่ท้องทุ่งหญ้าอ่อนระบัดเขียวชอุ่มเมื่อยามได้ฝน สมองยังคงคิดถึงที่มาของเสียงเมื่อกลางดึก มันคือเสียงอะไร..? ที่เหยียบย่างพลัดพรางมา ซึ่งอาจจะเป็นสัตว์ป่า เพราะที่ผมมานี้ คือถิ่นฐานบ้านของมัน...ทุ่งกะมัง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ

p1010164

เส้นทางโค้งของถนนไร้รถเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ข้างทางฟากหนึ่งเป็นที่ตั้งบ้านพักสามสี่หลังในรูปแบบเรือนรับรองไม่หรูหราแต่ทว่ามั่นคง อีกฟากถนนเป็นทุ่งหญ้าโล่งที่ดูเหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ถัดออกไปเป็นทิวไม้และทิวเขาทอดตัวเป็นปราการยาวรายรอบ อีกไม่นานจากนี้ดวงอาทิตย์จะตื่นขึ้นมาประกายแสงเจิดจรัสให้สรรพชีวิตได้รับความอบอุ่น และเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของวันใหม่อย่างน่าพิศภิรมย์

p1010173

ในช่วงเวลานี้ผมยังมองเห็นสิ่งรอบตัวไม่ถนัด อาจเป็นเพราะมวลหมอกขาวพราวฝนยังเอื่อยไหลไปไม่สิ้น พื้นดินยังคงเฉอะแฉะบางจุดมีน้ำขัง ผมยังคงรอคอยเวลานาทีแสงแรกแห่งวันด้วยใจสบายๆ อากาศสดชื่นโปร่งโล่งเช่นนี้หายากขึ้นทุกวัน ออกซิเจนบริสุทธิ์ถูกสูดเข้าเต็มปอดคือช่วงเวลาที่สุดยอดประทับใจ

p1010027
p1010029

ขณะที่เดินไปหยุดชื่นชมทิวทัศน์ไปเป็นระยะ สายตาไปสะดุดกับรอยบนพื้นดินที่เปียกแฉะ เป็นรอยที่เพิ่งจะเกิดขึ้นใหม่ มีลักษณะเป็นรอยเท้าของสัตว์เท้ากีบคล้ายรอยเท้ากวาง แต่น้ำหนักตัวไม่มากนักและรอยเท้าไม่ใหญ่เท้ากวางขนาดตัวเต็มวัย หรือนี่อาจจะเป็นรอยกวางน้อยที่เพิ่งจะเดินผ่านไป และอาจจะเป็นต้นตอของเสียงปริศนาเมื่อคืน

p1010019

ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ท่ามกลางความเงียบสงัดมีเสียงพงหญ้าไหวคล้ายมีสัตว์เดินแหวกไป ผมก้มตัวลงต่ำแล้วหันไปตามเสียงนั้น พลันเห็นบั้นท้ายถึงสันหลังที่มีขนสั้นสีน้ำตาลเข้ม ความสูงของมันจากพื้นดินถึงสันหลังประมาณ 70 เซนติเมตร โดดเด่นด้วยเขาคู่คล้ายกิ่งไม้ปลายแหลมบ่งบอกว่าเป็นเพศผู้ มันคงออกหากินตั้งแต่เมื่อคืน

เมื่อพิจารณาดูอยู่นาน ทำให้ผมมั่นใจว่ามันคือเจ้าของรายเท้ากีบคู่ที่ผมพบ และมันไม่ใช่กวางทั่วไป แต่มันคือ เนื้อทราย สัตว์ที่เคยเกือบจะสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยของเรา แต่ปัจจุบันมีการขยายพันธุ์ได้มากขึ้น ทั้งนี้ก็พบเห็นอยู่เพียง 2 แห่ง ในพื้นที่แห่งนี้ และ ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี

ดวงตาของเนื้อทรายตัวนี้สวยกลมโต เมื่อมองผ่านเลนส์ซูมเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นบ่อน้ำตาฉ่ำเยิ้มอยู่เกือบตลอดเวลา ที่ผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่กวางทั่วไป เพราะลักษณะการระแวงภัยของมัน เมื่อมันตกใจหรือกลัว มันจะไม่กระโดดเหมือนกวาง  เจ้าเนื้อทรายนี้จะวิ่งแบบมุดๆ หัวลงต่ำคล้ายหมูป่า เมื่อเจอสิ่งกีดขวางก็จะใช้วิธีมุดไป ไม่กระโดดเหมือนกวาง อีกทั้งรูปร่างของมันก็มีขนาดเล็กกว่ากวางทั่วไป เนื้อทรายเมื่อแรกเกิดจะมีความน่ารักตรงที่ลำตัวมีลายจุดสีขาว เมื่อโตขึ้นลายจุดจะหายไปกลายเป็นขนสีน้ำตาล แต่ถ้าในช่วงฤดูร้อนขนของมันจะเปลี่ยนเป็นสีเทาอย่างน่าอัศจรรย์

img_e4845

เวลานี้ก็เดือนสิงหาคมแล้ว คงใกล้ถึงฤดูผสมพันธุ์ของมันแล้ว ปกติเนื้อทรายจะมีฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม เจ้าตัวนี้คงกำลังตามหาแม่ของลูกมันอยู่ คงอีกไม่นานที่จะได้พบเนื้อคู่สุดสวยของมัน หากไม่มีอะไรผิดพลาด หลังจากการแสดงออกซึ่งความรักต่อกัน สาวผู้โชคดีก็จะต้องอุ้มท้องนานถึง 8 เดือนทีเดียว โดยจะให้กำเนิดลูกน้อยลายจุดได้เพียงครั้งละ 1 ตัว หรืออาจจะมีแฝด 2 ตัว ได้บ้างแต่น้อยครั้งที่จะได้พบเจอ เมื่อคลอดมาแล้วตัวแม่จะเป็นฝ่ายเลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนใหญ่จะนำพาลูกไปซุกซ่อนไว้ตามพงหญ้ามิดชิดเพื่อป้องกันภัยอันตราย แม่จะพยายามเทียวเดินมาดูจนกว่าลูกจะออกเดินตามหากินได้ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาเทรนกันนานเกือบเดือน ส่วนอายุขัยของเนื้อทรายนั้นเพียง 18-20 ปี ถือว่าไม่ยืดยาวนักกับการใช้ชีวิตบนโลกที่สวยงามใบนี้

p1010019

และแล้วก็เป็นจริงดังที่ผมแอบคิด ผมแอบซุ่มดูพฤติกรรมของเจ้าเนื้อทรายหนุ่มตัวนี้ ด้วยความใคร่รู้ว่าทำไมมันถึงออกมาเดินโดดเดี่ยวเหมือนผม สักครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็มี เนื้อทรายสาวรุ่นราวคราวเดียวกับมันคืออายุประมาณ 2 ปี เดินเยื้อย่างกรีดกรายออกมาจากพงหญ้าพนาไพร “นั่นยังไง...มันต้องมีนัดกันมา” ซึ่งมันอาจจะมีภาษาของมันที่สื่อสารกันอย่างที่กูเกิ้ลยังไม่สามารถแปลได้ หนุ่มหล่อ กับ สาวสวย มองหน้าตาคงเห็นแต่น้ำในตาที่ฉ่ำหวาน ไม่พูดจา ต่างเดินเข้ามาใกล้กัน โดยที่มีผู้เสียมารยาทอย่างผมแอบเฝ้ามองพฤติกรรมหวานฉ่ำยามเช้าของทั้งคู่อยู่

ผมขออนุญาตไม่เล่าต่อนะครับว่าผมเห็นอะไร ขอให้คุณผู้อ่านผู้ฟังจินตนาการเองบ้างจะดีกว่า เรื่องอย่างว่านี้ต้องขอคุยเป็นการส่วนตัวนะครับ เราต้องให้เกียรติกันและกัน แต่ถ้าลับหลังเจ้าตัวไม่ได้ยินก็อีกอย่างหนึ่งถือว่า ไม่เป็นไร

p1010179

เนื้อทรายคู่นี้ทำให้ผมเพลิดเพลินจนลืมถ่ายภาพบรรยากาศยามเช้า ในช่วงเวลาแห่งความสุขบนแดนสวรรค์แห่งนี้ ทั้งความสุขของผม และความสุขของสัตว์ป่า ทำให้ผมคิดได้ว่า ธรรมชาติได้ให้สิ่งต่างๆ มาอย่างเพียงพอที่จะมีความสุขอย่างสมดุลโดยไม่ต้องมีสิ่งอื่นใดที่ทันสมัยมากมาย ชีวิตเกิดมาเพื่อมีความสุขเมื่อถึงวันหนึ่งก็ดับไป โดยไม่มีอะไรติดตัวไปเหมือนดังเช่นที่เกิดมา โลกนี้ก็เป็นอย่างนี้แล้วเราจะไขว่คว้าหาอะไรที่เกินขอบเขตให้ทุกข์ใจไปทำไมกัน

img_e4800

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่มาของชื่อทุ่งกะมัง : มาจากสภาพพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายกะละมัง อยู่กลางผืนป่า มีแหล่งน้ำ หญ้า ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ เยือนบ้านของสัตว์ป่า ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook