ลัดเลาะเที่ยวเมืองตราด ดินแดนประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา

สำหรับใครที่มีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดตราดแล้วมีเวลาว่างสัก 1 วัน หลังจากการลงเกาะไปเที่ยวเกาะช้าง เกาะกูด หรือเกาะหมาก Sanook Travel อยากจะแนะนำให้คุณได้ลองใช้เวลาเดินลัดเลาะเที่ยวในตัวเมืองตราดสักหนึ่งวัน ชื่นชมสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิคที่มีความเก่าแก่และเรื่องราวที่น่าสนใจ ในเส้นทางท่องเที่ยวเมืองตราดที่เราจะพาทุกคนไปชมกันในวันนี้ครับ ไปทำความรู้จักเมืองตราดให้มากขึ้นกันดีกว่า

สำหรับจังหวัดตราดนั้น เป็นจังหวัดเก่าแก่ที่ปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยใช้ชื่อเดิมว่าหมู่บ้านบางพระในสมัยรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยความที่เป็นเมืองเก่าแก่และผ่านเรื่องราวสำคัญทางประวัติศาสตร์มาอย่างมากมาย ทำให้จังหวัดตราดอุดมสมบูรณ์ไปด้วยร่องรอยทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปะเก่าแก่ที่ยังคงเหลือไว้ให้รุ่นหลังได้ศึกษาและชื่นชม 

โดยการเดินทัวร์เมืองตราดของเราในครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่กับการออกไปหาของกินอร่อยๆ และชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ตลาดเช้า ไล่ไปถึงการชมพิพิธภัณฑ์ วัดเก่าแก่ และศาลเจ้าคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดตราด จะมีความสวยงามลึกซึ้งเพียงใดในเส้นทางนี้ลองไปชมกันครับ

ตลาดเช้าไร่รั้ง

เริ่มต้นตื่นแต่เช้ามาชมวิถีชีวิตของชาวตราด ที่นี่ตลาดเช้าแห่งนี้คุณจะได้พบกับอาหารทะเลสดๆ ที่ชาวบ้านนำมาขายในราคาถูก พร้อมกับสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย สามารถมาเดินเที่ยวกันได้ตั้งแต่เช้ามืดไปจนถึงช่วงสายๆ หากของกินเล่นอร่อยๆ เพิ่มพลังก่อนเดินเที่ยวกันในวันนี้

ศาลากลางจังหวัดตราด

จุดแรกที่เราจะไปแวะกันคือที่บริเวณศาลากลางจังหวัดตราด ศาลากลางแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ. 2539 เพื่อใช้แทนศาลากลางหลังเก่าที่มีความทรุดโทรมไปตามกาลเวลา

ด้านหน้าศาลากลางประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์เป็นผู้ที่มีความสำคัญต่อจังหวัดตราดเป็นอย่างมาก เพราะเป็นรัชสมัยที่ทางฝรั่งเศสได้เซ็นสัญญายินยอมคืนแผ่นดินจังหวัดตราดให้แก่ประเทศไทย ในช่วง รศ.125 หรือปี พ.ศ.2540 นั่นเอง

เราสามารถนำดอกไม้และธูปเทียนมาสักการะเสด็จพอ่ ร.5 กันได้ที่บริเวณหน้าศาลากลางแห่งนี้ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในการเดินทางต่อไป

พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด

หากใครที่กำลังคิดว่าศาลากลางหลังเก่าที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นหลังใหม่นั้นอยู่ที่ไหนกันในเมืองตราด คำตอบก็คืออยู่ที่พิพิธภัณฑสถานเมืองตราดนั่นเอง โดยศาลากลางแห่งนี้ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่เก็บเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองตราดเอาไว้อย่างครบครัน

นอกจากนี้ยังมีสิ่งของเก่าแก่วัตถุโบราณ และข้าวของเครื่องใช้ยุคโบราณที่ถูกค้นพบในเมืองตราดเก็บรวบรวมเอาไว้ในอาคารหลังเก่าแห่งนี้ด้วย เป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษาความเป็นมาของจังหวัดตราด

ชุมชนเก่ารักษ์คลองบางพระ

ในย่านนี้บอกเลยว่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่จะต้องชอบแน่นอน เพราะในย่านชุมชนเก่ารักษ์คลองบางพระนี้มีจุดเช็กอินสวยๆ เก๋ๆ ให้ได้ถ่ายรูปกันเยอะมาก มุมทางเดินที่ลัดเลาะไปตามบ้านโบราณ ได้ฟีลคลาสสิคสุดๆ หลายๆ คนนิยามว่าที่นี่มีบรรยากาศคล้ายที่เชียงคานจังหวัดเลย

ในอดีตนั้นชุมชนแห่งนี้ถือว่าเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่เป็นจุดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า รวมถึงเป็นท่าขึ้นเรือหากจะเดินทางมาที่จังหวัดตราด และที่สำคัญคือเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จทางเรือพระที่นั่งมาขึ้นท่าที่ชุมชนแห่งนี้เป็นประจำด้วย

สำหรับจุดสำคัญที่ต้องมาเที่ยวหากมาที่ชุมชนคลองบางพระนั่นก็คือที่ศาลาท่าหลวง ซึ่งเป็นท่าเรือที่รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จมาประพาสจังหวัดตราด ปัจจุบันได้แปรเปลี่ยนเป็นทางเดินริมน้ำ ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเดินเล่นชิลๆ ชมวิวธรรมชาติริมคลองบางพระได้

นอกจากนี้ยังมีจวน เรซิตัง กัมปอร์ต ที่พักของข้าหลวงชาวฝรั่งเศสเมื่อครั้งอดีต เมื่อครั้งที่จังหวัดตราดยังตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส ต่อมาหลังจากที่ไทยได้ดินแดนจังหวัดตราดคืนอาคารแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดตราดสืบต่อมาจนปัจจุบันได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสำนักงานพระพุทธศาสนาของจังหวัดตราดจนถึงวันนี้ 

ตัวอาคารมีความเก่าแก่ มีสีขาวสวยงาม เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ทรงปั้นหยาลดชั้น ถือเป็นโบราณสถานที่มีความงดงามควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม

วัดไผ่ล้อม

เดินทะลุออกมาจากชุมชนรักษ์คลองบางพระ มาเที่ยวกันต่อที่วัดไผ่ล้อม วัดโบราณที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอุยธยา ตัวโบสถ์ของวัดมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ ด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ วัดไผ่ล้อมแห่งนี้มีความสำคัญต่อจังหวัดตราด เพราะเคยเป็นที่พำนักของ ท่านเจ้าคุณพระวิมลเมธาจารย์ วรญาณนุรักษ์ สังฆปราโมก บิดาแห่งการศึกษาของจังหวัดตราด

นอกจากนี้ภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์พิพิธภัณฑ์สามท่านเจ้าคุณ สถาปัตยกรรมสุดยิ่งใหญ่ตระการตาคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดตราด เจดีย์แห่งนี้มีความโดดเด่นเป็นทรงระฆังคว่ำแปดเปลี่ยม ส่วนปลายยอดเป็นทรงดอกบัวตูม ด้านในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและรูปเหมือนของเกจิอาจารย์หลายท่าน รวมถึงมีการใช้ศิลปะสไตล์ตะวันตกมาประยุกต์ใช้ด้วยการทำหลังคาด้านในเป็นโมเสค แบบฉบับโบสถ์คริสต์ แต่เปลี่ยนเป็นบอกเล่าเรื่องราวทางพุทธประวัติแทน

วัดโยธานิมิต

ต่อมาเรามาเที่ยวกันที่วัดโยธานิมิต หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดโบสถ์ วัดแห่งนี้มีพระอุโบสถที่มีความเก่าแก่ และทรงคุณค่าทางด้านศิลปะ ด้านในพระอุโบสถมีการเขียนลวดลายจิตกรรมบนฝาผนัง บอกเล่าเรื่องราวพระเวสสันดรชาดก 

และนอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังมีความสำคัญเพราะเป็นวัดที่ใช้ในพิธีการถือน้ำพิพัฒน์สัตยามาจนถึงช่วงรัชกาลที่ 3 ด้วย

วัดบุปผาราม 

วัดบุปผารามแห่งนี้ถือเป็นวัดที่มีความโดดเด่นที่สุดในเรื่องของโบราณสถานและเรื่องของประวัติศาสตร์ เป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากที่สุดของจังหวัดตราด สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา เมื่อเราได้เข้ามาสัมผัสกับวัดแห่งนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนกับเราเดินอยู่ในหนังย้อนยุคที่ย้อนไปในสมัยอยุธยาเลยก็ว่าได้

ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมของมีค่าทางด้านประวัติศาสตร์ของเมืองตราดเอาไว้มากมาย ทั้งพระพุทธรูปเก่าแก่ ข้าวของเครื่องใช้โบราณ และพระบรมสารีริกธาตุ ในจุดนี้สามารถเข้าชมได้อย่างเดียวห้ามถ่ายรูปเพื่อป้องกันการเสื่อมโทรมของโบราณวัตถุ แต่บอกเลยว่าภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของเมืองไทย ใครที่เป็นคนชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์สักครั้งต้องมาเยือน

บริเวณรอบๆ วัดจะเป็นที่ตั้งของอุโบสถและวิหาร โดยอุโบสถของทางวัดนั้นประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และมีงานจิตรกรรมฝาผนังศิลปะแบบจีนที่วิจิตรงดงามและและมีชื่อเสียง โดยเฉพาะภาพจิตรกรรมพระศรีอริยเมตไตรย งานจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถหลังนี้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะแบบจีนที่เผยแพร่เข้ามาในจังหวัดตราดอย่างเด่นชัด

นอกจากบริเวณโบสถ์และวิหารของทางวัดแล้วอีกหนึ่งจุดที่เราอยากจะให้ทุกคนไปดูนั่นก็คือบริเวณกุฏิพระสงฆ์ของทางวัด ซึ่งเป็นกุฏิเพียงไม่กี่แห่งของประเทศไทยที่สร้างขึ้นได้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ทั้งความกว้างและความสูงของตัวกุฏิ ปัจจุบันทางวัดเปิดให้ประชาชนได้เข้าเยี่ยมชมเพียงอย่างเดียวไม่ได้มีพระสงฆ์จำพรรษาในกุฏิ

ศาลหลักเมืองจังหวัดตราด

ปิดท้ายทริปในวันนี้ด้วยการไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันที่ศาลหลักเมืองจังหวัดตราด ซึ่งมีลักษณะเป็นศาลเจ้าศิลปะแบบจีน ศาลหลักเมืองแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยและชาวจีนในจังหวัดตราดมาจนถึงทุกวันนี้

ภายในศาลหลักเมืองจะมีเทพเจ้าจีนหลายองค์ที่คอยปกปักษ์รักษาและให้พรแก่ผู้ที่กราบไหว้ ซึ่งหลายๆ คนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาขอสิ่งใดก็มักจะได้กลับไป

ในด้านของงานศิลปะศาลเจ้าแห่งนี้ถือว่าเป็นโบราณสถานที่มีความสมบูรณ์และงดงาม เป็นศิลปะแบบจีนที่หาชมได้ยากในเมืองไทย ใครมาเที่ยวจังหวัดตราดควรแวะมาเยี่ยมชม

และทั้งหมดนี้ก็คือเส้นทางท่องเที่ยวในจังหวัดตราด เมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่เราอยากจะให้ทุกคนได้มาลองสัมผัส วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนา ความเก่าแก่ของโบราณสถานที่ทรงคุณค่าแต่ยังไม่ถูกพูดถึงเท่าที่ควร ทั้งหมดนี้ถือเป็นเสน่ห์ที่จังหวัดตราดพร้อมจะมอบเป็นความรงจำให้แก่ทุกคน มาลองเปิดมุมมองท่องเที่ยวในจังหวัดตราดกันดูแล้วคุณจะรู้ว่าที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ทะเล