10 เหตุผลที่ต้องไปเที่ยวโอกินาว่า!

10 เหตุผลที่ต้องไปเที่ยวโอกินาว่า!

10 เหตุผลที่ต้องไปเที่ยวโอกินาว่า!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับคนญี่ปุ่นถ้าพูดถึงทะเลสวยๆ ก็ต้องเป็นทะเลที่โอกินาว่า แต่สำหรับพวกเราคนไทยอาจจะรู้สึกเฉยๆ เพราะทะเลบ้านเราก็สวยอยู่แล้ว แต่รู้หรือเปล่าคะว่านอกจากชายหาดกับน้ำทะเลงามๆ แล้ว โอกินาว่ายังมีอะไรที่น่าค้นหายิ่งกว่านั้นอีกนะ เรามาดูเหตุผลดีๆ 10 ข้อที่ต้องไปเที่ยวโอกินาว่ากันดีกว่า

1.ที่ตั้งของโอกินาว่าและคนโอกินาว่า

โอกินาว่าเป็นจังหวัดที่เป็นเกาะอยู่ทางใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น โดยมีเกาะน้อยใหญ่รวมกว่า 160 เกาะ และมี 46 เกาะที่มีคนอาศัยอยู่ เทียบระยะทางแล้วก็จัดเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด แถมคนโอกินาว่ายังมีนิสัยใจกว้าง สบายๆ ไม่เร่งรีบ ตามแบบฉบับของคนทางใต้คล้ายๆ กับคนไทยเลยด้วย รับรองว่าจะต้องคุยกันถูกคอกับคนไทยอย่างเราๆ แน่นอน

2. มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

Okinawa Churaumi Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำประจำจังหวัดโอกินาว่า และเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีตู้ปลาขนาดยักษ์สูง 8.2 เมตร กว้าง 22.5 เมตร หนา 60 เซ็นติเมตร ที่เต็มไปด้วยปลาหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงปลากระเบนและพี่เบิ้มอย่างฉลามวาฬถึง 3 ตัวด้วยกัน!

3. แหล่งกุซุกุและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรริวกิว

โอกินาว่าเดิมถูกเรียกว่าอาณาจักรริวกิวจนถึงปีค.ศ. 1879 ซึ่งในเวลานั้นได้มีการติดต่อค้าขายกับไทยด้วย ถ้าไปถึงโอกินาว่าแล้ว แหล่งกุซุกุ (ปราสาท) และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรริวกิวก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ไปไม่ได้ โดยเฉพาะปราสาทชูริที่สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกโดยโมโนเรลล์จากในตัวเมืองนาฮะ

4. เทศกาลและอีเวนท์ประจำฤดูกาลสุดครึกครื้น

โอกินาว่าเต็มไปด้วยเทศกาลและกิจกรรมต่างๆ มากมายในแต่ละเดือน ในเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่จะสัมผัสกับวัฒนธรรมของโอกินาว่าได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้งเทศกาลปราสาทชูริและเทศกาลนาฮะ-โอทสึนาฮิกิ หรือเทศกาลชักเย่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เชือกชักเย่อที่ใช้ในเทศกาลนาฮะ-โอทสึนาฮิกิเป็นเชือกทำจากวัสดุธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่จนต้องตะลึงเลยทีเดียว โดยในปี 1995 ได้ถูกบันทึกลงกินเนสบุ๊คเป็นเชือกที่ทำด้วยฟางข้าวขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และหลังจากนั้นในปี 1997 ก็ได้บันทึกสถิติใหม่ในเทศกาลครั้งที่ 27 โดยจดทะเบียนรับรองเป็นเชือกที่มีความยาวทั้งสิ้น 186 เมตร น้ำหนักรวม 40.22 ตัน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.58 เมตร ใช้บังเหียน 236 อัน และใช้คนสานราว 15,000 คน โดยมีผู้เข้าร่วมงานนี้มากกว่า 275,000 คน เทศกาลอลังการขนาดนี้ต้องที่โอกินาว่าที่เดียว!

5. สัมผัสกับวัฒนธรรมโอกินาว่าได้ที่ธีมปาร์ค

ถ้าอยากสัมผัสวัฒนธรรมโอกินาว่าแล้วละก็… ต้องที่ธีมปาร์คเลย โอกินาว่ามีธีมปาร์คสนุกๆ หลายแห่ง เช่น Okinawa World, หมู่บ้านริวกิว และหมู่บ้านมุราซากิ ที่มีกิจกรรมให้ลองทำมากมาย ทั้งงานหัตถกรรม ลองใส่ชุดกิโมโน คาราเต้ และการเต้นรำแบบโอกินาว่าแท้ๆ หรือจะสนุกไปกับท่วงทำนองและจังหวะกับระบำเอซาและเครื่องดนตรีท้องถิ่นอย่างซันชิน ไม่ว่ากิจกรรมไหนก็น่าลองทั้งนั้น!

6. ช้อปปิ้งกระจายบนถนนโคคุไซและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

พูดถึงแหล่งช้อปปิ้งก็ต้องไม่พลาดถนนโคคุไซในเมืองนาฮะ ถนนที่เต็มไปด้วยร้านขายของฝากน่ารักๆ และร้านเสื้อผ้าเท่ๆ รวมถึงขนมและอาหารโอกินาว่าอร่อยๆ อย่างร้านสเต็ก ร้านเหล้า และร้านราเมง ถนนสายนี้ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งอันดับหนึ่งของโอกินาว่าเลย นอกจากนี้ใจกลางเมืองยังมีร้านค้าปลอดภาษี และถ้าออกไปย่านชานเมืองก็จะมีเอาท์เล็ตมอลล์และอิออนรีสอร์ทมอลล์ให้เลือกช้อปได้ตามใจชอบอีกด้วย

7. มีอุทยานแห่งชาติอยู่ที่นี่!

หมู่เกาะเครามะ อยู่ห่างจากเมืองนาฮะ จังหวัดโอกินาว่าไปทางทิศตะวันตกราว 40 กิโลเมตร (นั่งเรือจากเมืองนาฮะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่มากกว่า 30 เกาะ รวมทั้งเกาะแก่งหินโสโครกจำนวนมาก ได้รับเลือกให้เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 31 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2014

น้ำทะเลที่ใสเป็นประกายที่ได้ชื่อว่า Kerama Blue แห่งนี้เต็มไปด้วยปะการังนานาพันธุ์และหาดทรายสวยสีขาวละเอียด ดึงดูดผู้คนให้เดินทางมาดำน้ำดูปลาและปะการัง นอกจากนี้ในฤดูหนาวยังเป็นฤดูผสมพันธุ์ของวาฬหลังค่อม ทำให้การดูวาฬเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยม สามารถนั่งเรือด่วนจากเกาะหลักโอกินาว่า (ท่าเรือโทมาริ เมืองนาฮะ) ใช้เวลาประมาณ 35-50 นาที

8. นอกจากเกาะหลักโอกินาว่าแล้ว หมู่เกาะยาเอยามะ เกาะอิชิงากิ เกาะทาเคโตมิ ก็น่าเที่ยวไม่แพ้กัน

นั่งเครื่องบินจากเกาะหลักโอกินาว่าประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะไปถึงหมู่เกาะยาเอยามะ ส่วนเกาะอิชิงากิจะอยู่ตรงกลางหมู่เกาะยาเอยามะ ทำให้สามารถเที่ยวแบบเปลี่ยนเกาะไปเรื่อยๆ ได้ทั้งวัน เกาะนี้ยังมีอาหารรสเลิศมากมายอย่างเช่นเนื้ออิชิงากิ และถ้าไปเกาะอิชิงากิก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวอ่าวคาบิระ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ 3 ดาวจากมิชลินด้วย นอกจากนี้ถ้านั่งเรือไปอีก 10 นาทีก็จะไปถึงเกาะทาเคโตมิ เกาะที่มีบ้านหลังคากระเบื้องแดงแบบดั้งเดิมหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน เป็นอีกเกาะที่แนะนำสำหรับใครที่อยากสัมผัสกับวิถีชีวิตแบบโอกินาว่าสมัยโบราณแบบ 360 องศา

9. ถ้าชอบการผจญภัยต้องไม่พลาดเกาะอิริโอโมเตะ

เกาะอิริโอโมเตะเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเกาะหลักโอกินาว่า ได้ชื่อว่าเป็นกาลาปากอสแห่งซีกโลกตะวันออก มีพื้นที่กว่า 90% ปกคลุมไปด้วยป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก และยังเป็นป่าเขตกึ่งเขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย สิ่งมีชีวิตที่มีชื่อเสียงของเกาะอิริโอโมเตะคือ แมวอิริโอะโมะเตะ ซึ่งอาศัยอยู่เฉพาะบนเกาะอิริโอะโมะเตะนี้เท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติรอบตัวผ่านกิจกรรมผจญภัยต่างๆ เช่น เดินป่าชมน้ำตก หรือล่องเรือคายัคในแม่น้ำที่มีต้นโกงกางขึ้นตลอดสองข้างฝั่ง แน่นอนว่าทะเลที่นี่ก็สวยมากๆ จากที่นี่สามารถไปยังเกาะบาราสุ ซึ่งเป็นเกาะสีขาวสวยที่เกิดจากซากปะการังทั้งเกาะได้ด้วย

10. ข้ามสะพานเขตร้อนที่เกาะมิยาโกะ

เกาะมิยาโกะตั้งอยู่ห่างจากเกาะโอกินาว่าหลักไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 300 กิโลเมตร มีหาดโยนาฮะ-มาเอฮามะที่ได้รับเลือกจากเว็บไซต์ TripAdvisor ให้เป็นหาดทรายที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นถึง 3 ปีติดต่อกัน และเป็นที่ตั้งของแหลมฮิงาชิ-เฮนนาซากิซึ่งติดอันดับ 1 ใน 100 วิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วย จากเกาะมิยาโกะสามารถข้ามสะพานขนาดใหญ่ที่เชื่อมไปยังเกาะอิเคมะและเกาะคุริมะได้ และเมื่อเดือนมกราคม ปี 2015 ก็เพิ่งเปิดสะพานอิราบุเพิ่มด้วย มาเที่ยวแล้วอย่าลืมถ่ายรูปไปอวดเพื่อนๆ ล่ะ!

รู้ครบ 10 ข้อแล้ว ไม่ไปเที่ยวโอกินาว่าไม่ได้แล้วนะ!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook