If It Is ร้านอาหารฟิวชั่นสำหรับสายปาร์ตี้ ที่เต็มไปด้วยความลับใจกลางย่านทองหล่อ
ร้าน If It Is ร้านอาหารที่ถูกกล่าวถึงกันมาอย่างยาวนานในหมู่นักชิมที่ชื่นชอบอาหารฟิวชั่นและผู้ที่ชอบจัดงานปาร์ตี้
โดยเริ่มแรกเปิดอยู่ที่ซอยทองหล่อ 38 และปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่ซอย 23 ซึ่งลูกค้าประจำหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ข่าวนี้
วันนี้ Sanook! Travel จะขออาสาเป็นตัวแทนของทุกคนไปลองชิมอาหารของร้าน If It Is กันว่าคุณภาพรวมถึงรสชาติของอาหารนั้นจะยังคงรักษามาตรฐานเดิมได้หรือไม่
If It Is ร้านใหม่ตั้งอยู่ต้นซอยทองหล่อ 23 เลี้ยวเข้าซอยมาเพียงนิดเดียวจากถนนใหญ่จะอยู่ทางซ้ายมือ มีป้ายบอกชัดเจน
สัมผัสแรกเมื่อลงจากรถมาที่ร้านคือบรรยากาศของร้านที่มีความเป็นกันเองมากๆ อารมณ์ประมาณว่ามานั่งทานข้าวที่บ้านเพื่อนอย่างไรอย่างนั้น
บริเวณหน้าร้านจะเป็นสนามหญ้าและโต๊ะที่นั่งในโซน Outdoor มีลูกค้ามาใช้บริการอยู่จำนวนหนึ่งมองดูคล้ายกับการมานั่งปาร์ตี้กันที่สวนหลังบ้านเพื่อนเลยทีเดียว
บริเวณโดยรอบดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่คอนทราสกับธรรมชาติด้วยการประดับระดาไฟรอบๆ ร้าน เป็นการผสมผสานที่ลงตัวดูๆชิลๆ สบายๆ แต่แฝงไว้ด้วยความสวยงาม
หลังจากนั้นก็ได้เวลาเข้าสู่ตัวร้านซึ่งต้องบอกเลยว่าด้านในนั้นมีไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก เพียงแค่เปิดประตูก้าวเข้าไปในร้านความสนุกตื่นเต้นก็จะรอคุณอยู่
ซึ่งแรกเลยที่ได้เห็นเมื่อเปิดประตูเข้ามาสู่ตัวร้านคือบริเวณห้องโถงสูงที่มีพื้นเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งเมื่อลองมองดูดีๆ แล้ว พื้นสีน้ำเงินที่เราเห็นนั้นเป็นการนำกระเบื้องสีน้ำเงินมาต่อกันทีละชิ้นๆ
เป็นงานศิลปะสุดมาสเตอร์พีซที่ได้แรงบันดาลใจมาจากน้ำทะเลนั่นเอง บรรยากาศภายในร้านจัดตกแต่งไว้อย่างเรียบง่ายโดดเด่นด้วยผลงานศิลปะที่ซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ภายในร้าน
ซึ่งทางเจ้าของร้านแอบกระซิบมาว่างานศิลปะทุกชิ้นไม่ว่าจะบนกำแพงหรือบนพื้นร้านนั้นล้วนถูกเนรมิตขึ้นมาจากฝีมือของหุ้นส่วนคนหนึ่งของร้านนั่นเอง เรียกได้ว่าเอาใจใส่ทุกขั้นตอนสุดๆ
แนะนำเลยว่าใครที่ชอบเสพงานศิลปะแบบอาร์ตๆ ลองมานั่งทานอาหารที่นี่คุณจะได้ซึมซับงานศิลปะในร้านจนเพลินใจแน่นอน
และเมื่อจะเดินขึ้นสู่ชั้น 2 เราก็ต้องสะดุดใจกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นหนึ่งซึ่งทำให้เรานึกย้อนไปถึงภาพยนตร์เรื่อง Narnia นั่นก็คือตู้ไม้ใบใหญ่สไตล์ยุโรปที่ตั้งอยู่หลังโต๊ะอาหาร
ซึ่งทำให้เราแอบคิดไม่ได้ว่าด้านหลังตู้นั้นจะมีอะไรอยู่เหมือนในภาพยนตร์หรือเปล่า
และแล้วความคิดของเราก็กลายเป็นจริง เพราะตู้ไม้ใบนี้ไม่ใช่ตู้เสื้อผ้าธรรมดา แต่เป็นประตูลับที่เชื่อมต่อไปถึงห้องจัดเลี้ยงของทางร้าน เมื่อเปิดตู้ออกมาจะพบเจอกับเสื้อผ้าเก่าๆ สไตล์ยุโรป
และข้างใต้เสื้อผ้าเหล่านั้นคือช่องประตูเล็กๆ ที่สามารถลอดเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงได้ ซึ่งห้องจัดเลี้ยงนี้สามารถรองรับลูกค้าได้ถึง 20 คนแถมมีคาราโอเกะด้วย
สำหรับวันสำคัญของคุณได้มาจัดปาร์ตี้ในห้องแห่งความลับแบบนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจจริงๆ
หลังจากออกมาจากห้องแห่งความลับแล้ว ก็ได้เวลาไปสำรวจชั้น 2 ต่อ ชั้น 1 ยังทำให้เราตื่นตาตื่นใจขนาดนี้ชั้น 2 จะขนาดไหน นี่คือความคิดที่อยู่ในหัวเราหลังจากได้เจอห้องจัดเลี้ยงแห่งความลับ
แต่ยังไม่ทันได้หายตื่นเต้น เราก็ต้องเจอเรื่องเซอร์ไพรส์เพิ่มขึ้นอีกเมื่อมาถึงบันไดทางขึ้นชั้น 2 เพราะเมื่อดูเผินๆ นี่เป็นแค่บันไดขึ้นสู่ชั้นสองธรรมดา แต่เมื่อเดินขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่งของบันได
เราก็ได้มาพบกับห้องแห่งความลับอีกห้องหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านระหว่างทางขึ้นชั้น 2 ถ้าเดินขึ้นมาเองจะไม่มีทางรู้เลยว่าตรงนี้มีห้องจัดเลี้ยงซ่อนอยู่ด้วย
ภายในห้องจะมีขนาดเล็กกว่าห้องแรก แต่ก็สามารถจุคนได้ถึง 10 คนเลยทีเดียว แถมยังเป็นห้องแบบนั่งติดพื้นสไตล์ญี่ปุ่น มีเบาะและฟูก ลองอยู่ที่พื้นจำนวนมาก น่าเข้าไปนอนเล่นสุดๆ
ใครที่ต้องการจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ แบบส่วนตัว ห้องนี้ถือว่าเหมาะสมมากๆ เป็นอีกหนึ่งกิมมิคที่เจ๋งสุดๆ ของทางร้าน
ไปต่อกันที่ชั้น 2 เมื่อขึ้นมาถึงเราก็ได้พบกับโต๊ะพิเศษที่ไม่เหมือนกับโต๊ะข้างล่าง 2 ชุด ความพิเศษของโต๊ะอาหารทั้ง 2 ชุดนี้คือมีการจัดตกแต่งเป็นธีม ในสไตล์โบฮีเมี่ยนและสไตล์หวานๆ น่ารักด้วย
เมื่อสอบถามจากทางร้านจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วโต๊ะทั้ง 2 ตัวนี้ถูกจัดตกแต่งขึ้นเพื่อบริการแก่ลูกค้าที่ต้องการจะจัดปาร์ตี้ในธีมต่างๆ ซึ่งทางร้านจะจัดการตกแต่งธีมบนโต๊ะอาหารและจัดส่งไปที่งานตามความต้องการของลูกค้าด้วย
หรือใครต้องการที่จะจองโต๊ะอาหารภายในร้านและรีเควสให้แต่งธีมตามที่ต้องการก็ทำได้เช่นกัน สำหรับหนุ่มๆ ที่จะพาสาวๆ มาเดทที่นี่ลองคิดธีมหวานๆ ตามที่คุณต้องการและรีเควสมากับทางร้านดูครับรับรองได้ใจคุณสาวๆ ไปเต็มๆ แน่นอน
หลังจากเดินทัวร์จนทั่วร้านแล้วต้องขอยกให้ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่มีการตกแต่งได้อย่างสวยงามมากจริงๆ การผสมผสานระหว่างความคลาสสิคและศิลปะ ลูกเล่นต่างๆ ที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจ และบรรยากาศความเป็นกันเองของทางร้าน
โดยรวมแล้วถือว่าบรรยากาศและการตกแต่งนั้นผ่านเกณฑ์ฉลุยควรค่าแก่การมาเก็บภาพสวยๆ และความทรงจำดีๆ กลับไป แต่! ยังไม่หมดเท่านี้เพราะบรรยากาศของร้านที่ว่าสำคัญแล้วแต่รสชาติอาหารต้องสำคัญกว่าถึงจะดึงดูดให้คนมาได้
เพราะฉะนั้นถึงเวลาพิสูจน์ความอร่อยของอาหารที่ร้าน If It Is กันครับ มาดูกันว่าทำไมร้านนี้ถึงได้ครองใจนักชิมอาหารฟิวชั่นในย่านทองหล่อนี้มาได้อย่างยาวนาน
เริ่มจานแรกของวันนี้กับ เฟรนซ์ฟรายทอดสูตรเฉาพะของทางร้าน สิ่งแรกที่สังเกตได้เลยคือเฟรนซ์ฟรายของที่นี่มีชิ้นใหญ่มาก ซึ่งดูแล้วน่าจะแข็ง แต่กลับผิดคาดเฟรนซ์ฟรายทอดออกมาได้กรอบนอกนุ่มใน
เสิร์ฟมาแบบอุ่นๆ ทานได้แบบเต็มปากเต็มคำ และไฮไลท์ที่เป็นเอกลักษณ์แสดงออกถึงความฟิวชั่นในอาหารของร้านนี้ก็โชว์ตัวให้เราได้เห็นนั่นก็คือซอสจิ้มเฟรนซ์ฟราย ที่ไม่ได้มีแค่มายองเนสหรือซอสมะเขือเทศเหมือนทั่วไปๆ
เพราะมีทั้ง ซอสวาซาบิ ซอสซาวครีมสูตรของทางร้าน และซอสสูตรต่างๆ รวมแล้วถึง 4 แบบ เลือกจิ้มกันได้ตามความชอบ ถือเป็นออร์เดิร์ฟที่ห้ามพลาด แนะนำเฟรนซ์ฟรายจิ้มซอสวาซาบิอร่อยมาก
เมนูต่อมา Super Spa-Eggs หรือสปาเก๊ตตี้ไข่รวมนั่นเอง ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเป็นเมนูที่แปลกไม่เคยทานที่ไหนมาก่อนเหมือนกัน ต้องขอชมว่าทางร้านทำให้เมนูอาหารอย่างสปาเก๊ตตี้ที่ดูเหมือนจะธรรมดากลายเป็นเมนูพิเศษขึ้นมาได้
โดยภายในจานจะเสิร์ฟมาด้วยสปาเก๊ตตี้ในซอสเห็ด ท็อปปิ้งด้วยไข่ 4 แบบ ทั้ง ไข่ออนเซ็น Ikura(ไข่ปลาแซลม่อน) ไข่เยี่ยวม้า และไข่กุ้ง ไล่ระดับซ้อนกันเป็นภูเขา
จะกินแบบที่ละอย่างหรือมิกซ์รวมกันทีเดียวก็อร่อย ความมันของไข่ต่างๆ ช่วยชูรสให้เส้นสปาเก๊ตตี้มีรสชาติที่อร่อย ไข่เยี่ยวมาช่วยดึงรสชาติให้ไม่เลี่ยนเกินไป และไฮไลท์อย่าง Ikura ที่สดใหม่ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ
ไข่แซลม่อนแตกตัวในปากอย่างต่อเนื่องผสมผสานกับไข่กุ้งที่ใส่มาแบบไม่อั้น เป็นเทคเจอร์ใหม่ที่อร่อยมากจริงๆ แนะนำว่าต้องสั่งครับเมนูนี้พลาดไม่ได้จริงๆ
และเมนูต่อไปหลังจากลองอาหารสไตล์ยุโรปมา 2 เมนูแล้วต่อไปก็ได้เวลาของอาหารไทย ซึ่งที่นี่จะมีเมนูอาหารไทยอีสานให้ลองทานกันด้วย
โดยวันนี้เราได้สั่งมาลองทาน 2 อย่างนั้นก็คือ ลาบหมูทอด และตับหวาน เมนูโปรดในดวงใจของใครหลายๆ คน มาดูกันว่าอาหารฝรั่งรสชาติถือว่าผ่านแล้วอาหารไทยจะเป็นอย่างไร
สำหรับลาบหมูทอดนั้นรสชาติเข้มข้นมาก ทอดมาได้กรอบอร่อยดี แต่ติดเค็มไปนิดหนึ่ง แต่พอทานคู่กับข้าวเหนียวและผักแกล้มแล้วก็เข้ากันได้ ถือว่านัวเลยทีเดียว คนชอบทานอีสานไม่ผิดหวังแน่นอน
และเมนูสุดท้ายที่ขอยกให้เป็นไฮไลท์สำหรับมื้อนี้เลยก็คือ ตับหวาน อาหารที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งเราทุกคนคงมีโอกาสได้กินกันอยู่บ่อยๆ ตอนแรกเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเมนูนี้ซักเท่าไหร่
แต่ผิดคาด! ตับหวานของที่นี่คือเดอะเบส! ตับหมูชิ้นโตๆ สไลด์มาแบบพอดีคำไม่หนาหรือบางจนเกินไป นำไปลวกจนเกือบสุกตับยังพอมีสีแดงๆ ให้เห็น จากนั้นนำมาคั่วใส่กระเทียมเจียวลงไปพร้อมกับปรุงรส
เสิร์ฟมาคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว ซึ่งเมื่อได้ลองชิมแล้วสิ่งแรกที่สัมผัสได้เลยคือตับทุกชิ้นถูกลวกมาได้อย่างพอดีมากๆ นิ่มและสุกกำลังพอดี ไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย ใครจะไปเชื่อว่าตับหวานไทยก็ละลายในปากได้เหมือนกัน
ลองชิมแบบเพียวๆ ไปแล้ว ลองชิมแบบราดน้ำจิ้มแจ่วดูบ้าง แจ่วที่นี่ใส่เครื่องมาแน่นมากๆ ทานคู่กับตับหวานชิ้นโตทำให้เพิ่มรสชาติความจัดจ้าน และความแซ่บให้ทวีคูณ ใครชอบทานตับหวานรับรองฟิน!
ปิดท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่มอย่างอัญชันมะนาวที่หอมเย็นชื่นใจที่ช่วยให้ปิดท้ายมื้ออาหารนี้ลงไปอย่างเพอร์เฟ็ค
ต้องยอมรับเลยว่าทั้ง 4 เมนูอาหารที่เราได้ลองในวันนี้นั้นสร้างความประทับใจให้แก่เราจริงๆ ซึ่งเมื่อประกอบกับบรรยากาศความสวยงานของทางร้านด้วยแล้วยิ่งทำให้คะแนนความพึงพอใจของร้านนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก
แนะนำเลยว่าใครอยากทานอาหารอร่อยๆ ในบรรยากาศที่สวยงาม และแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ในย่านทองหล่อ If It Is คือคำตอบที่ดีสำหรับคุณแน่นอน
ที่ตั้ง If It Is : 17 ซอย ทองหล่อ 23 แขวง คลองตันเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพมหานคร
เวลาเปิด - ปิด : 11.00 - 00.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ : 094 449 4426
อัลบั้มภาพ 55 ภาพ