รีวิวร้าน Kimukatsu ร้านหมูทอดระดับตำนานของญี่ปุ่นสาขาแรกในประเทศไทย
หากพูดถึงเมนูอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ชื่อของหมูทอดทงคัทสึ คงจะเข้าไปอยู่ในใจใครหลายๆ คน
น่าแปลกที่เนื้อหมูชุบแป้งทอดที่ฟังดูเหมือนเป็นเมนูง่ายๆ แต่เมื่อผ่านฝีมือการปรุงแต่งจากเชฟในร้านอาหารญี่ปุ่นกลับกลายเป็นอาหารเลิศรสที่อร่อยจนหลายคนติดใจได้
ซึ่งวันนี้ Sanook! Travel จะพาทุกคนไปลองชิมรสชาติแห่งตำนาน กับร้านหมูทอดทงคัทสึที่มีความแตกต่างและความอร่อยไม่เหมือนที่อื่น ที่สำคัญร้านนี้เพิ่งจะมาเปิดสาขาที่ประเทศไทยเป็นสาขาแรกด้วย
Kimukatsu ร้านหมูทอดชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น การันตีความอร่อยกับสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่นถึง 9 สาขา, เกาหลี 12 สาขา, สหรัฐอเมริกา 1 สาขา, ฟิลิปปินส์ 3 สาขา, ไทยและอินโดนีเซีย อีกประเทศละ 1 สาขา รวมทั้งสิ้นทั่วโลกมีถึง 27 สาขา
สำหรับใครที่เคยได้ลิ้มลองรสชาติหมูทอดของร้าน Kimukatsu ที่ประเทศญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้ว คงจะทราบกันดีถึงความพิเศษและพิถีพิถันของหมูทอดร้านนี้
ซึ่งเป็นต้นตำรับหมูทอดมิลฟิลคัทสึ หรือการสไลด์หมูบางๆ และนำมาพันเป็นเลเยอร์ถึง 25 ชั้น ก่อนที่จะนำไปชุบแป้งทอด ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่พิเศษมากๆ ของทางร้าน
แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ในการทำอาหารทุกขั้นตอน และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้ร้านหมูทอดร้านนี้พิเศษไปกว่าร้านอื่นก็คือหมูที่นำมาใช้ประกอบเมนูอาหารนั้น
เป็นหมูสันนอกที่เลี้ยงในแฮปปี้ฟาร์มเลี้ยงแบบอิสระทำให้เนื้อหมูมีคุณภาพที่ดี ถ้าใครนึกไม่ออกว่าหมูแบบแฮปปี้ฟาร์มเป็นอย่างไร ให้ดูตัวอย่างของหมูคุโรบูตะที่คนไทยนิยมกันในตอนนี้ครับ
โดยในไทยได้คัดสรรและปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทย 6 รสชาติ ได้แก่ รสชาติดั้งเดิม, รสเชดด้าชีส, รสกระเทียม, รสพริกไทยดำ, รสต้นหอมญี่ปุ่น, รสยูซึโคโซ
โดยร้าน Kimukatsu แบรนด์ดังระดับตำนานของวงการอาหารญี่ปุ่นนี้ ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรกโดยคุณ อนุษฐา เชาว์วิศิษฐ และคุณ ศุภัสสร เชาว์วิศิษฐ สองผู้บริหารหญิงเก่งที่ได้มีโอกาสบินไปชิมหมูทอดของร้านนี้ถึงญี่ปุ่น
จนเกิดความพึงพอใจในรสชาติเป็นอย่างมากจึงได้กลายเป็นสาเหตุในการเปิดร้าน Kimukatsu ขึ้นในประเทศไทยขึ้นเป็นที่แรก ณ ห้างเซ็นทรัลพระราม 3
โดยคุณอิโตะ เรียวสุเกะ (Ito Ryosuke) เจ้าของแบรนด์ Kimukatsu ชาวญี่ปุ่น ได้บินตรงมาร่วมเปิดร้านด้วย Sanook! Travel ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณอิโตะมาฝากกันด้วยครับ
Sanook : ความหมายของชื่อ Kimukatsu คืออะไรครับ?
คุณอิโตะ : คนที่คิดค้นสูตรหมูทอด 25 ชั้นขึ้นมาชื่อ Kimura จึงได้นำชื่อ 2 พยางค์แรกมาและตั้งเป็น Kimukatsu หรือแปลว่าหมูทอดของคุณคิมูระนั่นเอง
Sanook : ทำไมถึงคิดจะเปิดร้านหมูทอดละครับ?
คุณอิโตะ : ผมเคยเป็นเชฟอยู่ก่อนแล้วและเคยเห็นอาหารประเภทนี้มาก่อน เลยมีความคิดอยากจะทำสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น โดยการนำหมูที่ดีกว่าและการปรุงที่ดีกว่าคนอื่นมาสร้างเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ จึงได้ร่วมกับคิมูระซังและผู้ร่วมก่อตั้งอีกท่านหนึ่งมาช่วยกันเสนอไอเดีย และช่วยกันคิดเมนูอาหารกลายเป็นร้าน Kimukatsu ในปัจจุบัน
Sanook : หมูทอด Kimukatsu เป็นอาหารโปรดของคุณอิโตะด้วยหรือไม่ครับ?
คุณอิโตะ : ใช่ครับ
Sanook : ในการเปิดร้านแรกๆ มีปัญหาอะไรบ้างครับคุณอิโตะ?
คุณอิโตะ : ปัญหาเดียวที่เจอตอนเปิดร้านก็คือ "ทำไม่ทันขาย" เพราะได้ไปออกรายการโทรทัศน์ที่ญี่ปุ่น ทำให้มีจำนวนลูกค้ามาเข้าร้านแต่ละวันจำนวนมาก ประกอบกับว่าหมูทุกชิ้นที่ทำขายนั้นทำด้วยมือแฮนด์เมดจริงๆ จึงทำให้สามารถควบคุมคุณภาพของหมูแต่ละชิ้นได้ เป็นเคล็ดลับที่ทำให้ผู้คนติดอกติดใจกันไปทั่ว เพราะฉะนั้นปัญหาที่เจอในตอนเปิดร้านแรกๆ คือการทำไม่ทันขายจริงๆ
Sanook : เหตุใดคุณอิโตะถึงไว้ใจให้แบรนด์ของตัวเองนั้นมาเปิดในประเทศไทย?
คุณอิโตะ : เวลาผมไปเลือกพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ ผมไม่ได้เลือกที่ขนาดความใหญ่โตขององค์กร แต่ผมเลือกที่ว่าคนๆ นั้นชอบอาหารของผมหรือเปล่า และก็ได้เห็นว่าคุณอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ และคุณศุภัสสร เชาว์วิศิษฐ ชื่นชอบอาหารของผมจริงๆ ผมจึงไว้ใจที่จะให้นำแบรนด์ของผมมาเปิดในเมืองไทยครับ
Sanook : ได้ปรับแต่งสูตรอะไรบ้างหรือเปล่าครับ เพื่อให้เข้ากับความเป็นไทย?
คุณอิโตะ : ที่แตกต่างจากร้านที่ญี่ปุ่นคือการตกแต่งร้านและบรรยากาศ ที่จะดูโมเดิร์นกว่าร้านที่ญี่ปุ่น แต่รสชาติของอาหารยังคงเดิมไม่สามารถเปลี่ยนได้เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ถึงรสชาติดั้งเดิมของร้าน Kimukatsu
Sanook : หลังจากได้ลองหมูทอดรสแกงเขียวหวานที่ปรับปรุงจากร้านในไทยแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ อร่อยไหม? ผมว่าน่าจะเข้ากันได้ดีนะ
คุณอิโตะ : ผมมองว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างหมูและแกงเขียวหวาน ซึ่งรสชาติสอดคล้องไปกับหมู 25 เลเยอร์ที่กรอบนอกนุ่มใน รสชาตินี้จึงลงตัว
Sanook : คิดอย่างไรกับธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยครับ? ตอนนี้มีเยอะมากๆ หลายร้านเลย
คุณอิโตะ : จริงๆ แล้วร้านอาหารญี่ปุ่นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก แต่ประเทศไทยที่โดดเด่นกว่าประเทศอื่นคือมีร้านอาหารญี่ปุ่นเฉพาะทางมาเปิดในเมืองไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านราเมง ร้านซูชิ ร้านหมูทอด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คนไทยจะได้ลิ้มรสอาหารเฉพาะทางนั้นๆ แบบขนานแท้
Sanook : Kimukatsu มีเคล็ดลับอย่างไรถึงเปิดมาได้นานถึง 15 ปี? ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมากๆ เลยนะครับในวงการร้านอาหาร
คุณอิโตะ : สำคัญที่สุดคือรสชาติ และเนื่องจากว่าเราแตกต่างจากหมูทอดทงคัทสึทั่วไป ซึ่งเป็นการแตกต่างในทางที่ดี จึงทำให้สิ่งนี้กลายเป็นจุดเด่น ทั้งความใส่ใจ ความพิถีพิถันที่เราได้ถ่ายทอดไปสู่ลูกค้า เป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ร้าน Kimukatsu ยังคงอยู่ในวงการอาหารญี่ปุ่นมาได้อย่างยาวนาน
หลังจากได้รับรู้ถึงแนวคิดในการทำธุรกิจร้านอาหารจากคุณ อิโตะ เรียวสุเกะไปแล้ว ก็ได้เวลาลองชิมอาหารจากทางร้าน ซึ่งในวันนี้เราได้ลิ้มลองรสชาติของหมูทอด 3 รสชาติ ได้แก่ รสต้นหอมญี่ปุ่น รสชาติดั้งเดิม และรสยูซึโคโซ
นอกจากนี้ในเซตเมนูอาหารยังมีข้าวสวยญี่ปุ่นที่ปลูกในไทย (อันนี้แปลกมาก เพิ่งจะรู้ว่ามีข้าวญี่ปุ่นปลูกในประเทศไทยด้วย) ซุปมิโสะ และผัดกาดซอย และอีกหนึ่งเมนูไฮไลท์อย่างกุ้งชุบเกล็ดขนมปังทอดราดซอสสไปซี่
ได้เวลาที่ทุกคนรอคอย เราเริ่มต้นเมนูแรกกันด้วยหมูทอดสูตรดั้งเดิม หมูทอดชิ้นโตๆ ซ้อนกันเป็นเลเยอร์ถึง 25 ชั้น ที่ทุกจานจะทอดใหม่ตามออเดอร์ไม่มีการทอดทิ้งไว้ก่อน
เพราะฉะนั้น เพียงแค่กดตะเกียบลงไปที่หมูทอดก็จะรับรู้ได้ทันทีถึงความกรอบ และเมื่อได้ลิ้มรสของหมูทอดร้าน Kimukatsu ก็ทำให้เราเข้าใจทันทีว่าหมูทอดของที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นอย่างไร
กัดไปคำแรกคือหมูทอดมาได้กรอบมาก แต่ข้างในกลับชุ่มฉ่ำ เป็นเทคเจอร์ใหม่ที่ไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน ภายในเกล็ดขนมปังหนาๆ นั้นอัดแน่นไปด้วยเนื้อหมูสไลด์ 25 เลเยอร์ที่ฉ่ำและนุ่มมากๆ
ทานโดยไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ เลยก็อร่อยแล้ว แต่ความฟินในการทานหมูทอดร้านนี้ไม่หมดแค่นี้ครับ เพราะจานต่อไปที่เราจะได้ทานและเป็นจานที่เราชอบที่สุดคือ หมูทอดรสต้นหอมซอย
ใครจะไปคิดว่าต้นหอมซอยปรุงรสที่แทรกตัวอยู่กลางชั้นเลเยอร์ของหมูทอดจะทำให้คนที่ไม่ชอบทานต้นหอมแบบเรา กินหมูทอดรสนี้ไปจนเกือบหมดจาน!!!
อันดับแรกที่ได้ลองทานคือรสสัมผัสนั้นไม่ต่างจากรสชาติดั้งเดิมมากนัก แต่ว่ารสชาตินี่แหละที่แตกต่างกันอย่างมาก รสชาติต้นหอมซอยกลับออกหอมๆ มันๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มพอนซึให้อารมณ์เหมือนทานชาบูจิ้มพอนซึเลยจริงๆ
ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่านี่คือไอเดียสุดเจ๋งของทางร้านที่ต้องการจะให้ลูกค้าได้ลองทานหมูทอดในสไตล์ชาบู ซึ่งเมื่อต้นหอมในหมูทอดนุ่มๆ ได้สัมผัสกับน้ำจิ้มพอนซึแล้ว รสชาติเหมือนกันมากจริงๆ ประทับใจมากสำหรับเมนูนี้แนะนำว่าต้องมาลอง
และจานสุดท้ายสำหรับเมนูหมูทอดก็คือหมูทอดรสยูซึโคโซ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำออกมาได้ดี รสเปรี้ยวนิดๆ ของส้มยูซึช่วยตัดเลี่ยนหมูทอดได้เป็นอย่างดี แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ติดปลายลิ้นเวลาทานด้วย
นอกจากทานหมูทอดแบบธรรมดาแล้ว ทางร้านยังแนะนำอีกว่าควรจะลองทานแบบใส่มัสตาร์ดดูหรือน้ำจิ้มเทอริยากิด้วย ซึ่งผลปรากฏว่าไม่ว่าจะทานแบบไหนก็อร่อยหลากหลายสไตล์ สามารถครีเอทได้ตามแต่ใจชอบเลยทีเดียว
และที่สำคัญเมื่อได้ทานกับข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ ที่เพิ่งหุงออกมาจากหม้อไม้แบบญี่ปุ่นขนานแท้ ยิ่งทำให้รู้สึกเซอไพรส์ เพราะข้าวญี่ปุ่นของที่นี่เรียงเม็ดสวยงาม แต่ละเม็ดอ้วนกลม ยิ่งทานยิ่งเพลิน เป็นการผสมผสานที่เข้ากันที่สุด
และนอกจากนี้เมนูกุ้งชุบเกล็ดขนมปังทอดราดซอสสไปซี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะกุ้งทอดออกมาได้กรอบคลุกเคล้ากับรสชาติที่เข้มข้นของซอสสไปซี่ รับรองว่าจานนี้ถูกปากคนไทยแน่นอน
ปิดท้ายสำหรับมื้อนี้กับเมนูของหวานอย่างไอศกรีมโมจิรสบลูเบอร์รี่ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ยังคงทำให้เราจดจำรสชาติความหอมหวานได้เป็นอย่างดี
คำแรกที่ได้ตักไอศกรีมโมจิเข้าปากคือกลิ่นของบลูเบอร์รี่ละมุนอยู่ในปาก เปรี้ยวหวานมันอร่อยมากๆ เป็นการปิดท้ายมื้อนี้ได้อย่างเพอร์เฟกต์สุดๆ
สรุปแล้วคุณภาพทุกอย่างของเมนูอาหารร้านนี้ที่ทางร้านได้เคลมมาตั้งแต่ต้น เมื่อเราได้มาสัมผัสชิมอาหารจริงๆ แล้ว ต้องขอบอกเลยว่าเป็นไปตามที่ทางร้านพูดไว้ทุกประการ
หมูทอดมีความกรอบนอกและชุ่มฉ่ำข้างใน เครื่องปรุงต่างๆ ที่นำมากินกับหมูทอดล้วนแล้วแต่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีว่าเข้ากับหมูทอดของทางร้าน ทำให้หมูทอดกินกับอะไรก็อร่อยไปหมด
รวมไปถึงเมนูอาหารหวานที่ทำออกมาเสิร์ฟได้อย่างอร่อยลงตัว กลายเป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบอีกมื้อหนึ่งเลยทีเดียว
ใครที่เคยเป็นแฟนของร้าน Kimukatsu หรืออยากจะลิ้มลองรสชาติของหมูทอดอันโด่งดังนี้สามารถไปลองกันได้ที่ เซ็นทรัลพระราม 3 แล้วคุณจะรู้ว่าความธรรมดาและความใส่ใจในการทำอาหารนั้นมันแตกต่างกันอย่างไร
พิกัดร้าน Kimukatsu : ชั้น 6 เซ็นทรัลพระราม 3 ถนน สาธุประดิษฐ์ เขตยานนาวา แขวงช่องนนทรี กรุงเทพมหานคร
เวลาเปิด - ปิด : 11:00 – 21:00 น.
เบอร์ติดต่อ : 02 050 3551
อัลบั้มภาพ 34 ภาพ