ตะลุยแดนมัมมี่ VIII เยือน Sil sila ก่อนจะพากันลอยคว้างกลางแม่น้ำไนล์

ตะลุยแดนมัมมี่ VIII เยือน Sil sila ก่อนจะพากันลอยคว้างกลางแม่น้ำไนล์

ตะลุยแดนมัมมี่ VIII เยือน Sil sila ก่อนจะพากันลอยคว้างกลางแม่น้ำไนล์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เราก็มาถึงอิยิปต์บน หรือตอนใต้ของแม่น้ำไนล์กันแล้วนะคะ

ติดอกติดใจกับคุณไกด์มาดเข้ม และเต็มไปด้วยความรู้

บ่ายนี้ไปล่องเรือชมแม่น้ำไนล์กันดีกว่าค่ะ

 

อ่านเรื่องราวตอนก่อนๆได้ที่

"ตะลุยแดนมัมมี่ I ชมพีระมิดเมือง Dashur - Saqqara ตื่นตากับพิพิธภัณฑ์เมือง Memphis"

"ตะลุยแดนมัมมี่ II สัมผัสความอลังการของพีระมิดแห่งกิซ่า...หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก"

"ตะลุยแดนมัมมี่ III ชมวิหาร Deir al-Bahri วิหารของฟาโรห์หญิงผู้เกรียงไกร"

 "ตะลุยแดนมัมมี่ IV วิหารแห่งองค์ฟาโรห์...สู่ชีวิตหลังความตายอันเป็นนิรันดร์"

 "ตะลุยแดนมัมมี่ V ท่องลักซอร์ตะวันออก ชมวิหารคารนัคอันเลื่องชื่อ"

"ตะลุยแดนมัมมี่ VI ชิลยามบ่ายในลักซอร์ ต่อด้วยแสงสีเสียงตระการตาที่คาร์นัคยามค่ำคืน"

"ตะลุยแดนมัมมี่ VII มุ่งลงใต้ตามคุณไกด์สุดฮิปไปฟังเทพปรณัมของอิยิปต์กันเถอะ"

 

ช่วงบ่ายๆ ทานข้าวกันอิ่มหนำแล้วเราก็ไปต่อกันที่เกาะ Sil sila ค่ะ

โดยมีเป้าหมายคือการไปชมสุสานของ Horemheb

งานนี้ไม่นึกไม่ฝันว่าจะต้องมาผจญภัยกันขนาดนี้ เริ่มจากขับรถวนหลงทางอยู่พักใหญ่ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าเป็นเพราะถนนใหญ่ปิด

คนขับรถจึงตัดสินใจไปทางลัดโดยการพาเราบุ่งเข้าดงไร่อ้อย ถนนแถบนั้นเป็นถนนลูกรังเลนเดียว ข้างหนึ่งเป็นคูน้ำอย่างลึก อีกข้างก็อย่างป่า มีลาลากรถสวนมาทีนี่ ไม่ใครก็ใครต้องลุยป่ากัน

งานนี้สยดสยองมากๆ รถก็โขยกแทบคืนข้าวกลางวันออกมาทีเดียว คนขับจอดถามทางมาเรื่อยๆจนมาถึงแม่น้ำไนล์จนได้ แต่ชะอุ๊ย ท่าจอดเรือมันไม่ได้อยู่ตรงนี้อ่ะจ่ะ (แบบว่าเลยมาอย่างไกล) สรุปว่าไกด์โทรหาเรือใบ felucca มาเทียบตลิ่งรับกันเลย ท่าเท่อไม่ต้องมี เริ่มตอนบ่ายด้วยดี(?) เกินความคาดหมายจริงๆ

 

Egypt04_set06

 

 

นั่งเรือข้ามไนล์ไปถึง Gebel Silsila เรือใบเราก็จอดตลิ่งแรนด้อมกลางทางทั้งอย่างนั้นท่าเรือก็ไม่มี เราเลยได้ปีนป่ายขึ้นเขากันอย่างสมบุกสมบันกันอีกละสิทีนี้

ที่นี่เป็นที่ตั้งของสุสานแห่ง Horemheb (โฮเรมเฮป) ข้างๆสุสานเป็นทรายเรียบลื่น หน้าตาเหมือนทะเลทรายตามในรูปมากกว่าที่อื่นๆที่ผ่านมา

ไกด์เล่าว่าโฮเรมเฮปเป็นฟาโรห์ที่เก่งด้านการทูต มีวาจาคมคาย ช่วงนี้ชาวนูเบียแข็งข้อกับอิยิปต์ ท่านก็เสร็จมาไกล่เกลี่ยและเซ็นสัญาสงบศึกทำให้บ้านเมืองสงบลงได้ Sil sila (ซิล ซีลา) ที่ตั้งของสุสานของท่านนั้นเป็นแหล่งของหินทรายชั้นดี วิหารอื่นๆที่ก่อสร้างด้วยหินทรายก็มักจะมาขนหินทรายจากที่นี่ไป

 

Egypt04_set07

 

สุสานของโฮเรมเฮปเป็นสุสานเล็กๆ หินทรายทำหน้าที่คล้ายตู้เย็น ควบคุมอุณหภูมิภายในให้เหมาะสมกับการรักษาสภาพมัมมี่ ผนังของสุสานเป็นรูปเทพคนุมเทพีไอซิสและเทพรา

เราจึงได้ฟังเรื่องราวว่าทำไมเทพคนุมจึงมีสมญานามว่าเทพผู้สร้าง ตำนานมีอยู่ว่ากำเนิดแห่งมนุษย์นั้นมีขั้นตอนคือเทพคนุมจะใช้ดินปั้นบนที่ปั้นหม้อ (moulder) ออกมาเป็นมนุษย์ เทพีไอซิสจะเป็นคนให้ปากและใส่วิญญาณให้แก่มนุษย์ที่เทพคนุมสร้าง ชื่อสำหรับมนุษย์จะถูกเขียนลงบนต้นไม้แห่งชีวิต อมุนราและโฮรัสจะเป็นคนเลือกชื่อให้มนุษย์คนนั้นอีกที

 

ชมสุสานแล้วเราต้องนั่งรอไกด์ติดต่อหาเรือกันอยู่พักใหญ่ไกด์ถึงหาเรือมาให้เรากลับได้ซักที คราวนี้เป็นมอเตอร์โบ๊ท เรากะว่าคงสบาย ไม่ขึ้นกับแดดน้ำลมฝนเหมือนเรือใบ แต่ที่ไหนได้ แล่นไปเกือบใกล้ฝั่งเครื่องก็กระตุกหงึกๆ แล้วก็ดับกึก เอาล่ะสิจะทำไง

คนขับเรือก็ไปกระตุกๆเครื่อง เจอว่าใบพัดกินสาหร่ายเข้าไปตรึม แซะไม่ออก ทีนี้ไกด์ก็เริ่มงุ่นงาน โทรมือถือให้วุ่น ลุงคนขับเรือไม่สนใจ ไปคุ้ยๆเหล็กแท่งๆ อะไรไม่รู้ เอามายัดใส่มือไกด์ แล้วก็บอกให้ช่วยพาย

งานนี้เราเลยได้เห็นท่าเด็กเนิร์ดพายเรือ แบบ เอิ่ม เอาพายแปะน้ำอย่างนี้มันจะไปมั้ยเพ่

 

Egypt04_set08

 

ในที่สุดสามมั่นจากทีมเราทนดูไม่ไหว เลยสละกล้องกระบอกปืนให้พวกเราถือ แล้วไปพายแทนไกด์ ท่าทางคล่องกว่ากันเยอะ พายไปพายมาก็สังเกตว่า เราใกล้ฝั่งมากขึ้นแค่นิดเดียว (นี่เรานั่งเรือจะข้ามฝั่ง) แต่น้ำพัดไหลลงตามน้ำไปค่อนข้างไกล
 โอ๊ย ใครจะคิดเนี่ยว่าจะได้มาติดอยู่กลางแม่น้ำไนล์

ในที่สุดเราก็เข้าไปชนฝั่งที่มีแต่พงหญ้าสูงท่วมหัว ข้างใต้คงเป็นน้ำไม่ใช่ดิน ลงเดินไม่ได้อยู่ดี ลุงคนขับก็เอามือเกาะหญ้าดึงเรือขึ้นสวนกระแสน้ำได้ทีละนิด เรานี่คิดในใจแบบว่า เอาจริงหรอเนี่ย ถ้าค่อยๆกระดืบอย่างนี้เมื่อไหร่จะถึง ไกด์เนิร์ดของเราถึงกับเอามือกุมหัว

เมื่อท่าทางไม่เวิร์ค ลุงก็หันไปฟัดกับใบพัดใหม่ จนในที่สุด เรือช่วยเหลือก็มาถึง มาจอดเทียบแล้วเอาพวกเรากลับขึ้นฝั่ง

เฮ้อ เหนื่อย หมดแรงข้าวต้ม

 

ไปถึง Kom Ombo (คอมออมโบ) พระอาทิตย์ก็จะเกือบจะลับฟ้า

วิหารนี้เป็นวิหารแรกที่มีการบูชาเทพถึงสององค์คือเทพโฮรัส (เทพเหยี่ยว) และเทพโซเบ็ค (เทพจระเข้) โดยแบ่งวิหารให้คนละครึ่งเป๊ะๆ ซ้ายของโฮรัส ขวาของโซเบค

วิหารนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้า Ptolemy VI (ปโตเลมีที่หก) และต่อเติมโดยกษัตริย์องค์อื่นๆที่สืบทอดราชวงศ์ Ptolemy

ถ้ามองที่ช่องประตูที่ลึกเข้าไปข้างในจะเห็นว่ามีการจงใจสร้างให้เล็กและแคบกว่าประตูหน้าๆทำให้มองแล้วเหมือนถูกดูดเข้าไป คล้ายๆเป็นการดึงดูดใจให้เดินเข้า

ไกด์ยังเล่าถึงเรื่องราวที่มาของการบูชาเทพโซเบคในถิ่นนี้ กล่าวคือราชบุตรในทุตโมสที่สามนั้นได้มาวิ่งเล่นแถวแม่น้ำไนล์ เด็กน้อยซะโงกตัวใกล้น้ำเกินไป จระเข้ในแม่น้ำจึงโผล่ขึ้นมางับ แล้วลากร่างเด็กน้อยจมดิ่งลงใต้แม่น้ำ ทุตโมสที่สามพิโรธมาก สั่งปิดทางเดินน้ำเหนือและใต้ของแม่น้ำไนล์บริเวณใกล้เคียง แล้วออกล่าจระเข้ทุกตัวในลำน้ำจนพบร่างเจ้าชายในท้องจระเข้ตัวหนึ่งจึงได้นำพระศพมาทำมัมมี่และนำจระเข้ตัวนั้นไปบูชายัญ จากนั้นมาจระเข้ได้รับการนับถือเป็นเทพเจ้าหลักในถิ่นนี้ เชื่อว่าการนับถือเทพจระเข้จะเป็นการป้องกันอันตราจากการถูกจระเข้ในแม่น้ำไนล์ทำร้าย อีกทั้งจระเข้ยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งและความสมบูรณ์พันธุ์ จากนั้นมานักบวชจะคอยมองหาจระเข้ที่มีลักษณะพิเศษซึ่งจระเข้เหล่านั้นจะถูกจับมาเลี้ยงไว้ในบริเวณวิหาร ผู้คนจะนำ offering (เครื่องสักการะ) มาโยนให้จระเข้ในหลุมนี้ก่อนจระเข้จะถูกนำไปบูชายัญ

 

Egypt04_set09

 

ไกด์บอกว่าก่อนออกไปจะพาไปดูรูปที่ชอบที่สุด เห็นทีไรหัวใจเต้นตึกตักตึกตัก

โห เฮียฟังดูอินจริงๆ อ่ะค่ะ

ปรากฏว่าเป็นรูปสิงโตรูปนี้ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของฟาโรห์รามซิสผู้ยิ่งใหญ่ (ตัวโตๆที่เห็นแต่รองเท้าแตะ) เจ้าตัวนี้ได้ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่ฟาโรห์ไปทุกที่

คุณไกด์เอามือลูบๆ อย่างหลงไหลแล้วชี้ว่า เห็นมั้ยทั้งแผงคอทั้งเล็บยังคงสวยงามขนาดนี้หลังผ่านไปนับพันปี

เห็น passion ของไกด์แล้วก็ปลาบปลื้มดีใจแทนที่ไกด์ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก

กลับออกมาก็ดึกแล้วแสงสปอตไลท์สาดส่องวิหารเห็นเป็นสีมลังเมลืองดูแปลกตาจากขาเข้าให้เราเก็บเป็นภาพความทรงจำอันงดงามสุดท้ายของวันนี้ค่ะ

 

พรุ่งนี้เราจะพาไปชมวิหาร Abu Simbel และเขื่อนอัสวานกันต่อค่ะ

เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี โดยเฉพาะจากภาพยนตร์มัมมี่ (อีกแล้ว)

อย่าลืมติดตามชมให้ได้นะคะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook