Time Out เผยผลสำรวจ "City Life Index 2018" ไทยถูกยกให้เป็นเมืองแห่งอาหารริมทางดีที่สุดในโลก

Time Out เผยผลสำรวจ "City Life Index 2018" ไทยถูกยกให้เป็นเมืองแห่งอาหารริมทางดีที่สุดในโลก

Time Out เผยผลสำรวจ "City Life Index 2018" ไทยถูกยกให้เป็นเมืองแห่งอาหารริมทางดีที่สุดในโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา คว้าตำแหน่งเมืองที่ดีที่สุดในโลกจากการสำรวจ Time Out City Life Index 2018 โดยลำดับถัดได้แก่ ปอร์โต (โปรตุเกส) นิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา) เมลเบิร์น (ออสเตรเลีย) และลอนดอน (สหราชอาณาจักร) ตามลำดับ

untitled-3

การสำรวจหาเมืองที่สามารถสร้างความรื่นรมย์ให้กับผู้อยู่อาศัยพร้อมๆ กับเป็นเป้าหมายการเดินทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว จัดทำโดย Time Out แบรนด์ไลฟ์สไตล์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ระดับโลกที่มุ่งค้นหาทางเลือกใหม่ๆ สำหรับการใช้ชีวิตในเมือง

โดยการสำรวจในปีนี้รวบรวมข้อมูลจากผู้ทำแบบสำรวจ 15,000 คนใน 32 เมืองทั่วโลกผ่านเว็บไซต์ www.timeout.com ซึ่งแต่ละเมืองจะได้รับคะแนนผ่านการพิจารณาด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร การดื่ม วัฒนธรรม ความเป็นมิตร ความคุ้มค่าของค่าครองชีพ ความสุข และความน่าอยู่ ที่ทำให้แต่ละที่เป็นเมืองที่ดี (หรือแย่) ที่สุด

istockphoto

ชิคาโก คว้าตำแหน่งเมืองที่ดีที่สุดในโลกติดกันเป็นปีที่สอง โดยนอกจากจะคว้าคะแนนรวมสูงสุดแล้ว เมืองที่ใหญ่ที่สุดในมลรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐอเมริกา ยังเป็นเมืองที่มีร้านอาหารและบาร์ที่ดีที่สุด และยังได้คะแนนด้านความสุข วัฒนธรรม ค่าครองชีพที่เหมาะสม และความภูมิใจของชาวเมืองสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ชิคาโกจะเป็นเมืองที่ใครๆ รัก คะแนนด้านความปลอดภัยกลับน้อยกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด

ปีนี้ ปอร์โต้ เข้าร่วมการสำรวจเป็นครั้งแรก และสามารถคว้าอันดับที่สองมาครองได้สำเร็จ โดยเมืองชายทะเลของประเทศโปรตุเกสแห่งนี้ยังได้คว้าแชมป์ในด้านความน่าอยู่และความเป็นมิตรซึ่งทำให้ปอร์โต้มีเสน่ห์ และเป็นเมืองที่ดีที่สุดในการหาเพื่อนใหม่และคนรัก นอกจากนี้ชาวปอร์โต้ยังภูมิใจที่ได้อาศัยอยู่ในเมืองนี้ สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวมากที่สุดในโลก

istockphoto

นอกจากจะคว้าคะแนนรวมสูงสุดอันดับสามแล้ว นิวยอร์ก ยังเป็นแชมป์เมืองที่มีบรรยากาศไนต์ไลฟ์ที่ดีที่สุดในโลก และอันดับสองในด้านวัฒนธรรม รวมไปถึงยังเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากไปเยือนมากที่สุด (ร่วมกับ โตเกียว) เป็นปีแรกอีกด้วย ซึ่งสวนทางกับความเห็นของชาวนิวยอร์กที่ไม่ค่อยชอบนักท่องเที่ยวมากนัก (34% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ชอบท่องเที่ยว เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 9%) และถึงแม้ว่าชาวนิวยอร์กจะบอกว่าหาเพื่อนใหม่ได้ยาก แต่ร้านอาหาร บาร์ และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีหลากหลายก็ยังทำให้ชาวนิวยอร์กไม่ได้อยากจะย้ายไปไหน

istock-528725265istockphoto

เมืองอันดับที่สี่อย่าง เมลเบิร์น คว้าคะแนนด้านความสุขมากกว่าเมืองอื่นๆ (ผู้ตอบแบบสำรวจ 9 ใน 10 คนตอบว่ามีความสุขมาก) 89% ของชาวเมลเบิร์นรักที่จะอาศัยอยู่ในเมืองนี้ซึ่ง 2 ใน 3 คนมองว่าหาเพื่อนใหม่ได้ง่าย เมืองชายทะเลของประเทศออสเตรเลียแห่งนี้ยังมีบาร์และร้านอาหารยอดเยี่ยม (ได้คะแนนถึง 80% จากชาวเมลเบิร์น) นอกจากนี้ชาวเมลเบิร์นยังนิยมออกกำลังกายมากกว่าเมืองอื่นๆ อีกด้วย   

istock-617741810istockphoto

ลอนดอน คว้าอันดับที่ห้า พร้อมตำแหน่งเมืองที่มีชีวิตชีวาที่ชาวเมืองกว่า 86% บอกว่าเมืองมีกิจกรรมให้ทำและเข้าร่วมอยู่เสมอ ชาวลอนดอนไปดูละครเวทีกันบ่อยมาก เฉลี่ยถึง 12 ครั้งต่อปี (มีเพียง บาร์เซโลน่า ที่มากกว่า) พวกเขาชื่นชอบร้านอาหาร บาร์ และไนต์ไลฟ์ โดยออกไปเที่ยวกลางคืนเฉลี่ยมากถึง 8 ครั้งต่อเดือน ข้อเสียของเมืองหลวงแห่งสหราชอาณาจักรคือการหาเพื่อนใหม่ยาก และค่าครองชีพสูงเกินไปสำหรับบางคน นอกจากนี้ชาวลอนดอนยังต้องใช้เวลาการเดินทางมากที่สุดในยุโรป (เฉลี่ย 39 นาที) และมีเรื่องให้เครียดมากที่สุดอีกด้วย

istock-648477278istockphoto

นอกเหนือจากเมืองทั้งห้าอันดับแล้ว เมืองอื่นๆ ยังสามารถคว้าแชมป์ในด้านต่างๆ ของ Time Out City Life Index โดยเมืองที่มีคะแนนด้านวัฒนธรรมมากที่สุดคือ ปารีส นิวยอร์ก มาดริด ชิคาโก้ และ ลอนดอน ส่วน เม็กซิโก้ซิตี้ เป็นเมืองที่คนสนใจกิจกรรมด้านวัฒนธรรมมากที่สุด พวกเขาแวะไปโรงละคร โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ หรือดูดนตรีสดมากถึง 76 ครั้งต่อปี ตามมาด้วย บาร์เซโลน่า (71) และ ปารีส (69)

กรุงเทพฯ คือเมืองหลวงของอาหารสตรีทฟู้ดอย่างแท้จริง เพราะชาวกรุงเทพฯ ยอมรับว่ากินอาหารริมทางเฉลี่ยมากถึง 42 ครั้งต่อปี นอกจากนี้ชาวกรุงเทพฯ ยังนิยมการรับประทานอาหารนอกบ้านอีกด้วย (94% ของผู้ตอบแบบสอบถามกินข้างนอกบ้านเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา)

istock-610951930istockphoto

ตามมาด้วย โตเกียว ฮ่องกง บาร์เซโลน่า มาดริด และไมอามี (ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ร้านอาหารเยอะที่สุดในโลกด้วย) เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ ในทวีปเอเชีย กรุงเทพฯ ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ผู้ตอบแบบสอบถามในกรุงเทพฯ เลือกระบุเพศตนเองว่าไม่ใช่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมากกว่าค่าเฉลี่ยของเอเชียถึง 4 เท่า และยังนิยมดื่มค็อกเทลและใช้เฟซบุ๊คมากที่สุดในเอเชียอีกด้วย ในด้านอาหารการกิน 23% ของผู้ตอบแบบสอบถามยินดีจะกินผัดกระเพาะอย่างเดียวไปตลอดชีวิต (ตามมาด้วยซูชิที่ 20%) และเห็นได้ชัดว่าชาวกรุงเทพฯ ชอบอากาศเย็น เพราะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมคือ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และยังแนะนำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกรุงเทพฯ ในช่วงเดือนธันวาคมที่อากาศเย็นสบายมากกว่าเดือนอื่นๆ

ส่วนนักเดินทางที่ชอบดนตรีสด ควรจะต้องแวะไป ออสติน ซึ่งคว้าอันดับหนึ่งเมืองที่มีดนตรีสดดีที่สุดในโลก (และได้อันดับสองด้านบาร์) ส่วนใครอยากไปเที่ยวกลางคืนแบบราคาสบายกระเป๋า ต้องแวะไปประเทศโปรตุเกส ซึ่งการออกเที่ยวกลางคืนใน ปอร์โต้ และ ลิสบอน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 37 และ 46 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับเท่านั้น

โดยรวม ฟิลาเดเฟีย ยังเป็นเมืองที่ค่าใช้จ่ายคุ้มค่าที่สุดในโลก และชาวเมืองยังรักที่จะอยู่ในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมลรัฐเพนซิเวเนียอีกด้วย

ชาวเมือง ปอร์โต้ และ ออสติน ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุด (เพียง 22 นาที) ตามมาด้วยชาว ฟิลาเดเฟีย (24 นาที) ในขณะที่ 6% ของชาว ปักกิ่ง เดินทางนาน 2-3 ชั่วโมง/วัน นอกจากนี้ชาว ฮ่องกง 75% ชอบการขนส่งสาธารณะของเมือง ตรงกันข้ามกับชาว ไมอามี มากถึง 52% ที่เกลียดการขนส่งสาธารณะของเมือง (สูงที่สุดในโลก)

วอชิงตัน ดี. ซี. เป็นเมืองที่คนโสดออกเดตมากที่สุดในโลก (2 ใน 5 คน) และใช้แอพลิเคชั่นสำหรับการเดต (1 ใน 4 คนพึ่งใช้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา) อย่างไรก็ตามพวกเขามักทิ้งคู่เดตโดยไม่บอกกล่าว (52%) ถึงแม้ว่า 3 ใน 4 คนจะหาคู่เดตผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ตาม นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม วอชิงตัน ดี.ซี. (และ นิวยอร์ก) เป็นเมืองที่เครียดที่สุดในโลกก็ได้

ปารีส เป็น “เมืองแห่งความรักโรแมนติก” จริงหรือไม่? ตรงกันความเลย... เพราะเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่คนมีเซ็กซ์มากที่สุดในโลก (โดย 4 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถามเพิ่งมีในช่วงเดือนที่ผ่านมา) ไม่แปลกที่พวกเขากะกลายเป็นประชากรที่นอนน้อยที่สุดเช่นกัน และชาวปารีสยังเมาค้างมากที่สุดในโลกเกือบ 30 วันต่อปี ตามมาด้วยชาวอังกฤษ (ลอนดอน แมนเชสเตอร์ และ เอดินเบอระ) ในอันดับสองด้วยจำนวน 24 วันต่อปี

ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกลงความเห็นตรงกันอย่างหนึ่ง คือโหวตให้ กาแฟ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในแต่ละวัน ยกเว้นก็แต่ชาวเมือง แมนเชสเตอร์ ที่รักชามากและไม่สามารถอยู่ได้เกิน 24 ชั่วโมง โดยไม่ดื่มชา

ชาว ลิสบอน รักการเข้าสังคมเป็นอันมาก พวกเขาชอบออกไปรับประทานอาหารเย็นนอกบ้าน พวกเขาคิดว่าสามารถหาเพื่อนใหม่ และคนรักได้ง่าย แถมยังสนิทกับครอบครัว อย่างไรก็ตาม 69% ของชาวลิสบอนชอบเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กมากถึงมากที่สุดที่สุดในโลก พวกเขาเช็คเฟซบุ๊คเฉลี่ยมากถึง 24 ครั้งต่อวัน

ผู้คนใน เทล อาวีฟ ในอิสราเอลเผยว่ารักการกิน มีความสัมพันธ์ข้ามคืน (one-night stand) มากที่สุด และมีชั่วโมงการทำงานน้อยที่สุดในโลก (ค่าเฉลี่ย 27 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) ในขณะที่ ดูไบ เป็นเมืองที่มีชั่วโมงทำงานมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 46 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)

เจมส์ แมนนิ่ง บรรณาธิการฝ่าย City Life ของ Time Out กล่าวว่า “ปีนี้แบบสำรวจ Time Out City Life Index ได้เผยอันดับเมืองที่น่าสนใจ และผลการสำรวจจะทำให้เราเห็นว่าผู้คนจะใช้ชีวิตอย่างไรในปี 2018 ชิคาโก ปอร์โต้ นิวยอร์ก เมลเบิร์น และลอนดอนคว้าห้าอันดับแรกในปีนี้ และแต่ละเมืองก็มีความแตกต่างหลากหลายกันไป เมืองเหล่านี้ควรอยู่ในลิสต์การท่องเที่ยวของคุณ เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ในแบบสำรวจเช่นกัน”

“ตั้งแต่ปี 1968 Time Out ได้สร้างแรงบันดาลใจและนำพาผู้คนออกมาใช้ชีวิตในเมืองอย่างเต็มที่ ในปัจจุบันเราพาคนไปรู้จักกับเมืองมากกว่าใคร ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่มีเอกลักษณ์ เพื่อแนะนำสิ่งดีๆ ที่คุณสามารถทำได้ใน 108 เมืองทั่วโลก Time Out City Life Index แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครรู้จักเมืองแต่ละเมืองได้ดีกว่าตัวของเราเอง”

มอร์แกน โอลเซ่น บรรณาธิการบริหารของ Time Out Chicago กล่าวว่า “พวกเราภูมิใจมากที่ ชิคาโก คว้าอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกติดกันเป็นปีที่สอง เมืองในเขตมิดเวสเทิร์นแห่งนี้มีสถานที่ต่างๆ ให้ชาวเมืองได้กิน ได้ดื่ม มีความสุข และได้สัมผัสกับวัฒนธรรมไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม เราเชื่อมาเสมอว่า ชิคาโกคือบ้านที่แสนวิเศษ แต่แบบสำรวจ Time Out City Life Index ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้ให้กับคนทั้งโลกอีกด้วย”

แบบสำรวจ Time Out City Life Index ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงหาเมืองที่ดีที่สุดในโลก แต่ยังหาว่าอะไรที่ทำให้เมืองนั้นๆ น่าสนใจ พวกเขาออกไปกินอาหารนอกบ้านบ่อยและให้คะแนนความพอใจอยู่บ่อยๆ พวกเขาคิดว่าเมืองมีวัฒนธรรม มีไนต์ไลฟ์ มีดนตรีสดดีๆ มีพื้นที่ในเมือง มีความภูมิใจในเมือง หรือสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากแค่ไหน ถ้าเมืองมีทุกอย่างที่เราต้องการแล้ว ถึงแม้จะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่เราก็ยังรักเมืองนี้ ค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าและความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่ทุกสิ่ง การใช้เวลาเดินทางนานๆ อาจสร้างความรำคาญใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ทำให้เราชอบเมืองของเราน้อยลง

เมืองที่ดีที่สุดจากการสำรวจของ Time Out City Life Index 2018:

1. ชิคาโก (138.2 คะแนน)        
2. ปอร์โต้ (137.9)                
3. นิวยอร์ก (134.6)                
4. เมลเบิร์น (132.3)                
5. ลอนดอน (131.4)                 
6. มาดริด (131.1)            
7. แมนเชสเตอร์ (130.9)            
8. ลิสบอน (130.2)                
9. ฟิลาเดเฟีย (129.2)            
10. บาร์เซโลน่า (128.4)                
11. เอดินเบอระ (128.2)    
12. เทล อาวีฟ (125.8)    
13. ออสติน (125.3)
14. ปารีส (124.9)
15. เม็กซิโกซิตี้ (121.2)
16. เซี่ยงไฮ้ (119.5)
17. ซานฟรานซิสโก (119.4)
18. เบอร์ลิน (119.2)
19. โตเกียว (117.7)
20. ลอสแอนเจลิส (116.8)
21. ซูริค (115.3)
22. ปักกิ่ง (113.0)
24. กรุงเทพฯ (111.0)
25. มอสโก (110.2)
23. วอชิงตัน ดี.ซี. (111.3)
26. ฮ่องกง (109.6)
27. ไมอามี่ (107.9)
28. ซิดนีย์ (106.1)
29. ดูไบ (105.3)
30. บอสตัน (103.7)
31. สิงคโปร์ (98.7)
32. อิสตันบูล (87.1)

อ่านผลสำรวจของ Time Out City Life Index เพิ่มเติมได้ที่ www.timeout.com


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook