เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อุทยานแห่งชาติทั่วญี่ปุ่น จากรถไฟไร้กระจก 3 เส้นทาง

เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อุทยานแห่งชาติทั่วญี่ปุ่น จากรถไฟไร้กระจก 3 เส้นทาง

เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อุทยานแห่งชาติทั่วญี่ปุ่น จากรถไฟไร้กระจก 3 เส้นทาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประเทศญี่ปุ่นมีรถไฟตั้งแต่ชินคันเซน รถไฟหัวจักร ไปจนถึงรถไฟแบบนอน คอยวิ่งให้บริการอยู่มากมายหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีรถไฟประเภทหนึ่งที่วิ่งไปในเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อให้เราได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นที่รู้จักกันในชื่อ รถไฟ Torokko อีกด้วย Torokko ตามพจนานุกรมมีความหมายว่า รถขนของสำหรับการโยธา ที่ใช้กำลังคนในการเข็นบนรางที่ถูกออกแบบเรียบง่ายกว่ารางรถไฟที่ใช้อยู่ปกติทั่วไป ตามเรื่องราวที่ปรากฏในงานเขียนของ ริวโนะซุเกะ อะกุตะงะวะ ด้วยลักษณะโดดเด่นที่มีในตัวอยู่แล้ว ถูกนำมาปรับเปลี่ยน จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในฐานะรถไฟท่องเที่ยว หรือ รถไฟ Torokko

วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับ รถไฟ Torokko ที่วิ่งผ่านเส้นทางอุทยานแห่งชาติ และนำคุณไปพบกับความงามตามธรรมชาติในแบบที่จะหาชมที่ไหนไม่ได้

1 : ทางรถไฟสายที่ราบคุชิโระ-โนรกโกะ (เมืองคุชิโระ, ฮอกไกโด)

torokko-key

เรามาเริ่มกันจากทางตอนเหนือ กับรถไฟ Torokko ของฮอกไกโด ซึ่งแม้ว่าจะมี JR ของฮอกไกโดที่ให้บริการอยู่แล้วในหลายเส้นทาง แต่เส้นทางสายหนึ่งนี้ ก็ได้กลายเป็นเส้นทางสายหลักของ JR เซนโม ที่วิ่งจากเมืองคุชิโระ ไปจนถึงเมืองอะบะชิริ ทางภาคตะวันออกของฮอกไกโด และในที่สุดรถไฟวิ่งช้าขบวนนี้ ก็เป็นที่รู้จักกันคุ้นหูในชื่อ “รถไฟสายคุชิโระ-ชิสึเง็ง-โนรกโกะ” หรือ รถไฟสายที่ราบคุชิโระ-โนรกโกะนั่นเอง

ถ้าพูดถึงเมืองคุชิโระ ก็คงหนีไม่พ้นต้องนึกถึงอุทยานแห่งชาติที่ราบคุชิโระ ซึ่งเป็นอุทยานฯ ที่มีชื่อเสียงประจำเมืองแห่งนี้ รถไฟ Torokko ซึ่งออกเดินทางจากเมืองคุชิโระ ก็ได้ถูกจัดเตรียมไว้เป็นเส้นทางที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยี่ยมชม ได้ดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพอันงดงามเพลิดเพลินได้ตลอดเส้นทางทั้งขาไปและขากลับ ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามได้จากหน้าต่างทั้งสองข้าง และหากลงเดินอีกสัก 10 นาทีจากสถานีที่ราบคุชิโระที่ปราศจากผู้คน ซึ่งรถจะหยุดพักระหว่างทาง ก็จะได้พบจุดชมวิวโฮโซกะ ที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพแบบพาโนรามางดงามจนสุดลูกหูลูกตากันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจุดชมวิวโฮโซกะจะปิดให้บริการในช่วงฤดูหนาว แต่เมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้น ใจก็เต้นตุบตับ ชีพจรเริ่มไหลลงต่ำ ฟังดูน่าก้าวเท้าออกสำรวจที่ราบคุชิโระเสียเหลือเกิน!

2. ทางรถไฟสายหุบเขาคุโรเบะ (เมืองคุโรเบะ, โทยะมะ)

toroko-1

มาต่อกันที่ภาคตะวันออกของเมืองคุโรเบะกันบ้าง ที่นี่ก็มีรถไฟ Torokko ให้บริการอยู่ในชื่อ “คุโรเบะ-เคียวโกกุ-เทะสึโด” หรือ ทางรถไฟสายหุบเขาคุโรเบะ ที่วิ่งผ่านเข้าไปในอุทยานแห่งชาติชูบุ-ซังงะกุ เป็นรถไฟ Torokko ที่มีระยะทางยาวทั้งสิ้น 20.1 กิโลเมตร มุ่งหน้าเข้าไปในหุบเขาลึกเป็นรูปตัว V ในเขตเทือกเขาทางตอนเหนือ ที่ได้ชื่อว่าลึกที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้จึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้หลั่งไหลกันเข้ามาอย่างล้นหลามเลยทีเดียว

ที่นี่มีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ สามารถย้อนกลับไปได้ถึงสมัยไทโช ที่รถไฟสายนี้ได้ถูกวางเส้นทางเพื่อการขนส่งสำหรับการพัฒนาเขื่อนคุโรเบะ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าของลุ่มน้ำคุโรเบะ และเมื่อเข้าสู่ยุคโชวะ ก็ได้เปิดให้บริการสำหรับประชาชนทั่วไป จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น ในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง

3. ทางรถไฟ Torokko ยูสุเกะ (หมู่บ้านมินะมิ-อะโซะ, จังหวัดคุมะโมะโตะ)

torokko-2

เส้นทางสุดท้าย เรามาพูดถึง “ทางรถไฟ Torokko ยูสุเกะ” ที่วิ่งผ่านหมู่บ้านมินะมิ-อะโซะของจังหวัดคุมะโมะโตะ ที่นี่รถไฟทุกสายจะวิ่งผ่านเข้าไปในอุทยานแห่งชาติอะโซะคุจู โดยเริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปีโชวะที่ 61 (พ.ศ.2529) ก่อนที่จะได้รับการปรับปรุงและปรากฏโฉมใหม่ให้ได้เห็นเป็นรถไฟ Torokko ในสมัยเฮเซปีที่ 19 (พ.ศ.2550) ปัจจุบันนี้เอง ไม่ว่าจะเป็นความงดงามของภูเขาเอะโบะชิ หรือ ภูเขาอะโซะ คุณก็จะสามารถชื่นชมธรรมชาติได้จากขบวนรถไฟที่ไม่มีหน้าต่างกระจกมาขวางกั้นความงดงามให้รำคาญตา จนได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ช่วงที่ได้รับความนิยมที่สุดก็หนีไม่พ้น เทศกาลชมซากุระ และฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ถึงแม้ว่าที่นี่จะปิดให้บริการในฤดูหนาว แต่แค่ฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง ก็คุ้มค่าพอให้ดั้นด้นเดินทางไปเห็นกับตาให้ได้สักครั้งในชีวิต ดูซิว่าสถานีรถไฟที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานีที่มีชื่อยาวที่สุดในประเทศญี่ปุ่น คือ “สถานีรถไฟมินะมิ-อะโซะ-มิซุโนะ-อุมะเระรุ-ซะโตะฮะกุซุอิ-โคเง็ง” จะมีหน้าตาเป็นยังไงนะ!? O_O

เมื่อพูดถึงจังหวัดคุมะโมะโตะ คงต้องนึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2559 ซึ่งแม้จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว จนทำให้ต้องหยุดให้บริการเดินรถไประยะหนึ่งก็ตาม แต่ก็กลับมาให้บริการได้ตามปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นมา

นอกจากรถไฟทั้ง 3 สายนี้แล้ว ยังมีรถไฟท่องเที่ยวสาย “ริวเฮียวโมโนงะตาริ” ที่มีเส้นทางส่วนหนึ่งวิ่งผ่านอุทยานแห่งชาติอะบะชิริของฮอกไกโด ที่คุณจะสามารถชื่นชมความงามของธารน้ำแข็งได้อย่างใกล้ชิด แต่เดิมเคยมีรถไฟในเส้นทางสายเดียวกันนี้ วิ่งให้บริการอยู่ในชื่อ “ริวเฮียวโนรกโกะ” เป็นที่น่าเสียดายที่ถูกยกเลิกการให้บริการไป แต่ในเดือนมกราคมปีนี้เอง ที่เส้นทางสายนี้ได้กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ในชื่อ “รถไฟสายริวเฮียวโมโนงะตาริ”
นอกจากนี้ ที่จังหวัดโทกุชิมะก็มีรถไฟท่องเที่ยวสาย “ชิโกกุ-มันนะกะ-เซนเน็ง-โมโนงะตาริ” ที่วิ่งผ่านอุทยานแห่งชาติสึรุงิซังที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก่อนหน้านี้ได้ชื่อว่าเป็นรถไฟ Torokko ที่มีทิวทัศน์สวยงามเป็นที่สุด หาที่เปรียบไม่ได้ เป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก ก่อนจะปรับปรุงจนปรากฏเป็นโฉมใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2560 นี้ ในชื่อ “ชิโกกุ-มันนะกะ-เซนเน็ง-โมโนงะตาริ” นั่นเอง

ถึงแม้ว่ารถไฟสองสายสุดท้ายนี้จะไม่ได้มีจุดขายที่เป็นรถไฟไร้กระจกแบบรถไฟ Torokko ก็ตาม แต่มันก็ได้ถูกออกแบบมาให้ผู้โดยสารสามารถชื่นชมภูมิทัศน์โดยรอบได้อย่างเพลิดเพลินไม่แพ้กันเลยนะครับ ยังไงก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมกันดูนะครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook