5 ย่านดังกับ 10 ร้านอร่อยในภูเก็ตที่ไม่จำกัดแค่แกงปูและสะตอ

5 ย่านดังกับ 10 ร้านอร่อยในภูเก็ตที่ไม่จำกัดแค่แกงปูและสะตอ

5 ย่านดังกับ 10 ร้านอร่อยในภูเก็ตที่ไม่จำกัดแค่แกงปูและสะตอ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครว่ามาใต้แล้วต้องกินแต่อาหารพื้นบ้าน วันนี้มาพร้อมกับลิสต์ร้านอาหารรอบเกาะภูเก็ต ทั้งอาหารพื้นเมือง ร้านอาหารริมหาดสำหรับครอบครัว ไปจนถึงร้านหรูไฟน์ไดนิ่งหลายสไตล์ที่น่าประทับใจไม่แพ้ในกรุงเทพฯ พร้อมที่พักใกล้สนามบินที่น่าแนะนำกับ Marriott Resort and Spa บนหาดในยาง


หลังจากเครื่องบินลงจอดเตรียมออกจากสนามบินเสร็จแล้ว เรามุ่งตรงไปเช็คอินและเก็บกระเป๋าในที่พักโรงแรมใกล้เคียง Marriott Nai Yang Beach ที่อยู่ห่างจากสนามบินเพียง 5 กิโลเมตร

เราแบ่งเป็น 5 พื้นที่ก่อนไปตะลุยกินร้านเด็ด คือหาดในทอน (ร้าน Trisara) ย่านเชิงทะเล (ร้าน Cut เเละ Bampot) ป่าตอง (ร้าน Lafayette เเละ Acqua) ย่านเมืองเก่าและตัวเมืองภูเก็ต (ร้านโกเบ๊นซ์, Bookhemian 2521, Torry’s Ice Cream เเละ น้ำย้อย)


พื้นที่แรกที่เราลงไปฝากท้อง เป็นย่านเมืองเก่า ที่ร้าน หนัง(สือ) 2521 เป็นทั้งคาเฟ่และร้านหนังสือเล็กๆ ให้แวะมานั่งทำงานกันได้ทั้งจานทานง่าย อย่าง สปาเก็ตตี้เบคอนผัดพริกแห้ง (150 บาท) และกาแฟเย็นๆ อย่าง กาแฟ Shakerato (100 บาท) กาแฟดำเชคกับไซรัปส้ม หรือสั่ง Caramel Macchiato (90 บาท) รสหวานมันมาดื่มเพิ่มความกะปรี้กะเปร่ากัน



ก่อนกลับอย่าลืมแวะขึ้นมาบนชั้นลอยที่ซ่อนแกลอรี่สีขาวไว้ให้เดินเล่นดูกัน


ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตรกับคาเฟ่ร้านหนังสือ มีร้าน Torry’s Ice Cream ร้านไอศกรีมเปิดใหม่ตกแต่งแบบวินเทจที่ซ่อนอยู่ในซอยรมณีย์ใกล้ๆ กัน



มาถึงแล้วใครก็ต้องไม่พลาดลองไอศกรีมที่ทางร้านนำขนมพื้นเมืองของภูเก็ตมาทวิสต์ได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะ โอเอ๋ว (75 บาท) เป็นชื่อขนมหวานพื้นเมืองที่คล้ายวุ้นสีใสที่ได้จากเมล็ดโอเอ๋วกับยางจากกล้วยดิบ นำมาทำเป็นซอร์เบต์และวุ้นสีใส ทานคู่กับถั่วแดงเข้ากันได้ดี



อีกจานที่เราชอบมาก เป็นบีโกหมอย (85 บาท) หรือไอศกรีมกะทิอัญชัญกับข้าวเหนียวดำน้ำกะทิรสเค็มๆ มันๆ ตัดรสชาติแบบลงตัว หรือลอง อาโป๊ง (75 บาท) ที่นำขนมทานเล่นของภูเก็ตซึ่งคล้ายแป้งเครปกรอบๆ มาทำเป็นไอศกรีมที่มีสัมผัสกรุบๆ ก็ดับร้อนได้ดีไม่น้อย


ส่วนใครที่ว่างแวะมาตอนค่ำหน่อย มาฝากท้องกันที่สองร้านดังกันได้ กับร้าน น้ำย้อย บนถนนร่วมพัฒนา เป็นร้านเล็กๆ บรรยากาศเรียบง่าย ขายอาหารพื้นเมืองที่แม้แต่กับคนภูเก็ตเองยังต้องบอกต่อ จานที่ห้ามพลาดมีทั้ง น้ำพริกกุ้งเสียบ ที่ใช้กุ้งแห้งไซส์ใหญ่กรอบสะใจให้มาแบบไม่หวง มาพร้อมทั้งผักสดและผักลวก



แกงพริกปลากระบอก แกงเหลืองปูใบชะพลู และ คั่วกลิ้งหมูสับ ที่ผัดมาแบบหอมเครื่องเทศและพริกไทยเม็ด และกุ้งผัดกะปิใส่สะตอ (220 บาท) ผัดมาสุกกำลังดี แถมสะตอไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวแม้แต่น้อย


หรือมาร้านอร่อยสบายกระเป๋าที่เปิดตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนถึงตีสองแถมคิวยาวแทบตลอดคืน กับร้านข้าวต้มแห้งโกเบ๊นซ์ ที่ข้าวต้มแห้ง ใส่มาทั้งหมูกรอบ หมูสับก้อน และเครื่องในที่ลวกมาสุกกรอบเด้งกำลังดี ราดน้ำซุปเล็กน้อยพอขลุกขลิก พร้อมโรยต้นหอมซอยและกระเทียมเจียวเพิ่มความหอม ใครไม่ได้ลองถือว่ามาไม่ถึงภูเก็ต!



จุดหมายต่อไปมาพร้อมกับบรรยากาศชายทะเล กับสองห้องอาหารบนหาดในทอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของรีสอร์ท Trisara กับสองห้องอาหาร “Seafood” สำหรับมื้อเที่ยง และ ห้องอาหาร “Pru” สำหรับมื้อค่ำ


Seafood เป็นห้องอาหารที่มีทั้งพื้นที่แบบอินดอร์แอร์เย็นๆ และเอาท์ดอร์ริมหาด ที่เราสามารถลงไปนั่งทานบนหาดทรายใต้ต้นมะพร้าวกันแบบสบายอารมณ์ โดยเชฟพีท วาระศิริ ทองแถม ณ อยุธยา นำเอาสูตรของคุณย่า มาปรุงเสิร์ฟเป็นอาหารไทยรสชาติและเทคนิคการทำแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า Mama’s Recipe เป็นเซ็ตเมนู (3,000 บาท/คน)



ที่นี่เหมาะจะพาครอบครัวมาแบ่งกันทานเพราะเสิร์ฟมาจานใหญ่ อาทิ ยำปลากรอบที่ใส่มะม่วงดิบ ใบบัวบกและน้ำบูดูจากอ.สายบุรี จ.ปัตตานีเพิ่มรสชาติให้ถึงเครื่อง กุ้งอบเกลือที่มาพร้อมกับน้ำจิ้มสามรสชาติเด็ด คือน้ำจิ้มมะขามทรงเครื่อง น้ำจิ้มดอกดาหลาที่นำดอกไม้สดมาคั้นจึงได้กลิ่นและรสเปรี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์ และน้ำจิ้มซีฟู๊ด



ส่วนจานใหญ่มี “มังกรพ่นไฟ” หรือกุ้งมังกรผัดเม็ดมะม่วงใส่ซอสผัดไทยและปรุงรสด้วยเหล้าจีน หมี่ผัดผักกระเฉดที่ใส่มันกุ้งสดๆ จากกุ้งแชบ๊วยและราดมาเป็นซอสด้านบนเพิ่มความหอมมันอร่อย แล้วล้างปากด้วยต้มส้มระกำปลาที่ได้ความเปรี้ยวจากระกำและสละมาต้ม ปรุงรสแบบพอกลมกล่อมด้วยกะปิให้ซดได้คล่องคอ



ส่วนมื้อค่ำที่น่าประทับใจอยู่ที่ห้องอาหาร Pru (พรุ) เพราะวัตถุดิบเกือบ 100% มาจากฟาร์ม “พรุจำปา” ของรีสอร์ทที่เชฟ Jimmy Ophorst ประจำห้องอาหารลงมือลงแรงปลูกและเก็บผลผลิตเองเพื่อให้ตรงกับคอนเซ็ปต์ Farm to Table โดยมีทั้งเล้าไก่ที่เลี้ยงไว้สำหรับเก็บไข่ในทุกเช้า เชฟก็ไม่ได้จำกัดแค่พืชผักสวนครัวและสมุนไพรไทยแบบร้านทั่วๆ ไป เพราะปลูกเองแม้แต่ฟักทอง แครอท และกำลังเริ่มลองเลี้ยงปลาและพวก Cray Fish เองด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้ใช้เสิร์ฟให้ทานกันที่ Pru ในอนาคต



Pru มีเสิร์ฟทั้งแบบ A La Carte และเซ็ตเมนูดินเนอร์ (เริ่มต้นที่ 4 คอร์ส/3,000 บาท/ท่าน) ซึ่งมีจานที่ใช้เทคนิคการปรุงแบบดั้งเดิมมาพลิกแพลง ในจาน “Carrots” ที่นำเอาแครอทไปอบจนสุกในดินร้อนนาน 6-8 ชั่วโมง จนได้ความสุก นุ่ม และรสหวานกำลังดี จัดวางมาบนซอสฮอลลันเดสที่ได้รสเปรี้ยวกลมกล่อมจากการผสมน้ำแครอทซึ่งผ่านการหมักราว 3-4 สัปดาห์ ส่วนคนทานมังสวิรัติก็มี Hen Egg ที่ใช้ไข่แดงปรุงด้วยวิธีซูวีด์ (Sous Vide) มาพร้อมกับคะน้าและรากบัว


ส่วนของหวานที่เราได้ลอง เป็น “Phuket Pineapple” ที่นำสับปะรดมาย่างไฟอ่อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อเค้กคล้ายครัมเบิ้ลที่ทำจากต้นสนทะเลที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันตามชายหาด เพิ่มรสชาติที่ซับซ้อนแต่เข้ากันด้วยดอกพริกสีขาวเล็กๆ ที่ให้กลิ่นหอมแบบพริกแต่ไร้รสเผ็ด เสิร์ฟมาหลังจากดื่มชาตะไคร้ ที่เพิ่มความหวานหอมดอกไม้ชัดเจน แฝงกลิ่นเปรี้ยวอ่อนๆ ที่ล้วนแต่มาจากน้ำผึ้งธรรมชาติใน จ.เพชรบูรณ์



ย่านต่อไปเป็นย่านเชิงทะเล ที่มีร้านเก๋ๆ ฮิปๆ อย่าง Bampot มาพร้อมกับอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์นในร้านบรรยากาศแบบบิสโทรฝรั่งๆ หน่อย โดยมีเชฟมากฝีมือชาวสก็อตแลนด์ Jamie Wakeford เป็นเชฟเจ้าของร้านและคนครีเอทเมนู


ตัวร้านบรรยากาศเรียบง่ายคล้ายบ้านอิฐสีขาวและเพดานเฉียง แต่งร้านอย่างเท่ๆ ด้วยภาพเพ้นต์สีสด และเพิ่มความครึกครื้นให้กับร้านด้วยครัวเปิดและบาร์ค็อกเทลที่ด้านหน้าประตู


จานที่เราอยากแนะนำให้ลอง มี TFC (75 บาท) หรือดอกกะหล่ำทอดที่ไร้ที่ติ ทั้งรสชาติ ความนุ่มหวานกำลังดี และความเข้ากันกับมายองเนสเห็ดทรัฟเฟิลดำ ส่วนจานหลักเป็น Duck Breast (500 บาท) เนื้ออกเป็ดที่มาพร้อมกับแอปเปิ้ลดอง เพียวเร่พิสตาชิโอ และเห็ดเออรินจิ

คนทานมังสวิรัติ ต้องลอง Beetroot Tartare (200 บาท) ที่เป็นเนื้อบีทรูทสับเนื้อแน่นๆ โปะครีมสดและขนมปังกรอบกับถั่วพิสตาชิโอ หรือลอง Cavatelli pasta (450 บาท) ที่ผัดกับหน่อไม้ฝรั่ง ถั่วแระและชีสบูราต้าจากจังหวัดกระบี่


อย่าลืมเพิ่มเครื่องเคียงอย่าง Potato Gratin (125 บาท) ที่ใส่ชีสยืดๆ อบมาร้อนๆ หอมกรุ่น


เราไม่อยากให้พลาดของหวานที่เราปลื้มมากทั้งสองจาน โดยเฉพาะ Deconstructed Lime Cheese Cake ที่เป็นมูสชีสเค้กรสเปรี้ยวนำ มาพร้อมกับสับปะรดฝานบางๆ และขนมปังขิงกรุบกรอบ


และอีกจานเป็นพันนาคอตต้าเสาวรส ที่ใส่เมล็ดวานิลลามาแบบจัดเต็ม ทานเพลินขึ้นด้วยกราโนล่าโรยด้านบน


ต่อไปเป็นร้าน Cut Grill & Bar ที่ใครได้เห็นเมนูอาจจะรู้สึกคุ้นๆ เพราะเค้าเป็นเจ้าของเดียวกับร้าน Cocotte ในซอยสุขุมวิท 39 ที่เชฟชาวอิตาเลียน Marco Rosado ได้ยกเอาเมนูเก่าจากร้านมาดัดแปลงให้เหมาะกับที่นี่มากขึ้น



ที่นี่ตั้งอยู่ติดกับบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีฉากหลังเป็นต้นไม้ร่มรื่น ได้บรรยากาศโปร่งสบาย ไม่อึดอัด แถมยังมีบาร์ค็อกเทลขนาดใหญ่ด้านหน้า เหมาะทั้งพาครอบครัวมาทานมื้อกลางวันและแฮงก์เอาท์กับเพื่อนในค่ำ



จานที่ทางร้านแนะนำ มี Cut’s Salad (320 บาท) สลัดชามโตที่อัดแน่นมาทั้งผักสด มันฝรั่ง เบคอน ชีสกอมเต ไข่ไก่เยิ้มๆ คลุกมาในน้ำสลัดมัสตาร์ด และสลัด Salmon Tartare (420 บาท) ที่คลุกมากับซอสแอปเปิ้ลเขียว


ส่วนจานใหญ่อิ่มแน่นอน มีสเต็ก Tomahawk (เริ่มต้นที่ 3,120 บาท/1.2 กิโลกรัม) ที่ใช้เนื้อวัวแบล็ค แองกัสจากออสเตรเลียมาย่างตามระดับความสุกที่ชอบ เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงอย่างกระเทียมย่าง ซอสบาร์บีคิว ซอสบลูชีส มันบด กราแต็งมันฝรั่งและผักย่าง


ก่อนกลับไปหลับที่โรงแรม เราแวะขับขึ้นไปป่าตองกันสักหน่อย มีร้านขนมฝรั่งเศสเปิดใหม่น่าแวะไปนั่งชิลล์ๆ จิบกาแฟ ถ่ายรูป กันที่ร้าน Lafayette ใกล้หาดกมลา


เปิดประตูเข้าบ้านหลังสีดำนี้เข้ามากันแล้ว แนะนำให้ลอง Mango Charlotte (135 บาท) และ Millfeuille (110 บาท) ไว้ทานคู่กับชาร้อนๆ สักกานึงก็ผ่อนคลายได้ดีไม่น้อย


เสร็จแล้วขับเลยเข้ามาอีกราว 5 กิโลเมตรสำหรับร้านอาหารอิตาเลียนร้านเก๋าที่เปิดมานานเกือบ 10 ปี อย่าง Acqua


ร้านของเชฟชาวอิตาเลียน Alessandro Frau ที่แม้แต่ฟู๊ดดี้ต่างชาติหลายคนยังต้องแวะมาทาน เพราะได้รางวัลมาการันตีต่อเนื่องกันหลายปี ทั้งจาก Thailand Tatler, HAPA Awards, Wine Spectator และอีกมากมาย



เราได้ลอง ไข่ลวกเสิร์ฟบนฟองดูว์ชีสพาร์เมซาน ทรัฟเฟิลดำ เเละพาวเดอร์แพนเชตต้า (Pancetta Powder) ที่บาลานซ์ความเค็มและความนุ่มนวลของไข่ได้อย่างดี ต่อด้วยกุ้งซิซิเลียนดิบรสหวาน


ทีเด็ดของจานนี้อยู่ที่เอาหัวกุ้งมาปักในขนมปังแล้วไปอบ ขนมปังที่เสิร์ฟจึงมีมันกุ้งเยิ้มๆ มาให้ทานด้วย



จานที่เราอยากบอกต่อว่าห้ามพลาดเป็นตับเป็ดและหอยเชลล์ตัวใหญ่เนื้อหวาน นำไปนาบกระทะจนได้ความกรอบนิดๆ ด้านนอก เสิร์ฟคู่กันมาบนซอสจากฟักทองและเห็ดทรัฟเฟิล เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ



อิ่มอร่อยกันเสร็จแล้วขับรถกลับมาพักผ่อนที่โรงแรมแมริออท บนหาดในยางกันอีกรอบ ซึ่งบนเกาะภูเก็ตมีโรงแรม Marriott สองแห่งด้วยกันคือบนหาดในยาง และบนหาดไม้ขาว ซึ้งเป็นโรงแรมใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อปีที่แล้ว


สำหรับ Marriott Nai Yang Beach แห่งนี้ ได้เปลี่ยนโฉมโรงแรม Imperial Adamas Beach Resort ซึ่งตอนนี้ ตัวโรงแรมมีหนึ่งกิมมิคประจำโรงแรมคือ “นกกรงหัวจุก” ที่เป็นอีกหนึ่งพันธุ์นกที่นิยมเลี้ยงบนเกาะภูเก็ค จะเห็นได้ว่าในโรงแรมได้นำมาซ่อนไว้ในมุมต่างๆ ตั้งแต่บ่อน้ำ กำไลข้อมือต้อนรับ และภาพประดับบนผนังในทุกห้องพัก


สำหรับห้องพักมีมากถึง 11 แบบให้เลือกเหมาะกับสไตล์ของแต่ละคนพัก ซึ่งห้องเราเป็นห้อง Suite แบบสองห้องนอน ขนาด 160 ตร.เมตรที่มาพร้อมกับสองห้องนอน โต๊ะทำงานกว้างขวาง และห้องน้ำในตัว ตกแต่งสวยงามลุคขรึมๆ หน่อย



เก็บของกันเสร็จแล้ว เราแวะมาจัดหนักสำหรับมื้อเที่ยงกันที่ห้องอาหาร Big Fish Grill & Bar ที่ติดริมหน้าหาดในยางกันก่อน



โดยห้องอาหาร Big Fish นี้แบ่งเป็นสองฝั่ง คือห้องอาหารแบบครัวเปิดและบาร์ที่หันหน้ารับลมเข้าชายฝั่งให้ฟังเสียงคลื่นกันแบบชัดๆ



ครัว Big Fish เน้นปรุงรสชาติแบบไม่จัดจ้านนักให้ได้รสชาติของซีฟู๊ดและวัตถุดิบที่ดีจริงๆ ลองสั่ง สลัดแมริออทในยาง (320 บาท) ที่ใส่กุ้งย่างมาพร้อมกับส้มโอ มะม่วงและน้ำสลัดสับปะรด และ ฉู่ฉี่กุ้ง (460 บาท) ที่ใช้กุ้งลายเสือผัดมาแบบรสนุ่มนวล


หรือสั่งพิซซ่าในยางต้มยำ (370 บาท) ที่อบร้อนๆ แป้งบางกรอบก็แบ่งกันทานดีไม่น้อย


หรือลอง ปลากะพงแดงย่างทั้งตัว (690 บาท) มาคู่กับกับมันบดทรัฟเฟิล น้ำจิ้มซีฟู๊ดแซ่บๆ และซอสเนยกับเลมอนให้แบ่งกันทานได้หลายคน


อย่าลืมสั่งดริ๊งก์ค็อกเทลเบาๆ อย่าง อีสาน (250 บาท) ที่ใช้เหล้าแม่โขงเป็นเบส มาพร้อมกับเนื้อมะม่วงสุกชิ้นเล็กๆ กับมะนาวและใบมิ้นต์เพิ่มความฟินสดชื่นเข้ากับอากาศร้อน
_______________________

หนัง(สือ) 2521
ที่ตั้ง: 61 ถนนถลาง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000
โทร: 098-090-0657
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.facebook.com/bookhemian

Torry’s Ice Cream
ที่ตั้ง: 16 ซอยรมณีย์ ถนนถลาง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000
โทร: 076-510-888
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.facebook.com/torrysicecream

Big Fish Grill & Bar at Marriott Nai Yang Beach
ที่ตั้ง: โรงแรม Marriott Nai Yang Beach
โทร: 076-625-555
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.phuketmarriottnaiyang.com

โกเบ๊นซ์
ที่ตั้ง: 163 ถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000
โทร: 086-610-0786, 084-053-3174

น้ำย้อย
ที่ตั้ง: 13/6 ถนนร่วมพัฒนา ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
โทร: 076-525-858

Seafood และ PRU at Trisara
ที่ตั้ง: 60/1 หมู่ 6 ถนนศรีสุนทรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83110
โทร: 07-631-0100
รายละเอียดเพิ่มเติม: http://trisara.com

Bampot Kitchen & Grill
ที่ตั้ง: 19/1 หมู่ 1 ถนนลากูน ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83110
โทร: 093-586-9828
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.facebook.com/Bampot.co

Cut Grill & Lounge
ที่ตั้ง: เวิ้ง Boat Avenue เชิงทะเล ถนนลากูน ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
โทร: 093-638-8921
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.facebook.com/CUTPhuket

Lafayette French Bakery
ที่ตั้ง: 74/25 หมู่ 3 ถนนกมลา-ป่าตอง ตำบลกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต 83150
โทร: 099-401-7017
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.facebook.com/lafayettefrenchbakeryphuket

Acqua
ที่ตั้ง: 324/15 ถนนพระบารมี อ่าวกะหลิม ตำบลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต 83150
โทร: 076-618-127
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.facebook.com/acqua.phuket

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook