GAA ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่ง จากร้านอาหารอันดับหนึ่งของเอเชียที่ครั้งนี้...มาในราคาที่เบากว่าเดิม

GAA ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่ง จากร้านอาหารอันดับหนึ่งของเอเชียที่ครั้งนี้...มาในราคาที่เบากว่าเดิม

GAA ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่ง จากร้านอาหารอันดับหนึ่งของเอเชียที่ครั้งนี้...มาในราคาที่เบากว่าเดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นาทีนี้คงไม่มีฟู้ดดี้คนไหนไม่รู้จัก Gaggan เพราะครองอันดับในผลรางวัล Asia’s 50 Best Restaurants มาหลายปี ทั้งยังเป็นที่หนึ่งในการประกาศรางวัลปี 2016 อีกด้วย

ซึ่งล่าสุดก็ได้เปิดร้านใหม่เป็นเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามของร้าน Gaggan ที่มาพร้อมกับชื่อสั้น ๆ จำง่าย ว่า “GAA” ที่ได้เชฟ Garima Arora อดีตเชฟผู้ช่วยจาก Gaggan มาคุมบังเหียน พร้อมกับปณิธานและความสนใจในการเลือกใช้วัตถุดิบไทย ควบคู่กับเทคนิคและประสบการณ์ในหลายร้านดัง อาทิ ร้าน Bread Street Kitchen & Bar ของเชฟ Gordon Ramsey และ ร้าน Noma ในโคเปนฮาเกน ประเทศเดนมาร์ก เพื่อมาเสิร์ฟเป็นมื้อค่ำแบบเซ็ตเมนูสไตล์ Eclectic Cuisine ที่ต้องลิ้มลอง



ตัวบ้านสีเหลืองหลังใหญ่นี้ มาพร้อมกับพื้นที่สองชั้นหลัก และสองชั้นลอยที่ด้านหน้าร้านนั้นใช้กระจกใสที่ให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาอย่างร่มรื่น


ส่วนตัวบาร์ของที่นี่มาพร้อมกับภาพเพ้นต์รูปหน้าผู้หญิงบนผนังอิฐที่ให้ลุควินเทจนิด ๆ ผสมผสานบรรยากาศรวม เช่น การวางจานสีสันสดใสและเพดานคอนกรีตผิวหยาบได้อย่างสนุกสนาน มีสไตล์และลงตัว



เชฟสาวชาวอินเดีย Garima นำความสามารถและประสบการณ์มาพร้อมกับความตั้งใจเลือกใช้วัตถุดิบไทยแท้เท่านั้นที่แม้แต่คนไทยหลายคนยังไม่รู้จัก อาทิ ม่อนไข่ และทำเครื่องปรุงเองทั้งหมดแม้กระทั้งชีส เนยและซอสถั่วเหลือง ต่างกับร้านเพื่อนบ้าน Gaggan ที่ใช้เฉพาะวัตถุดิบนำเข้าเท่านั้น



เซ็ตเมนูสำหรับดินเนอร์มีให้เลือก 2 แบบ คือ 8 คอร์ส (1,800 บาท) และ 12 คอร์ส (2,300 บาท)
สามารถเลือกจับคู่กับบริการ Juice Pairing แทนไวน์แบบทั่ว ๆ ไปได้ (500 บาทสำหรับ 3 แก้ว) อาทิ สตรอว์เบอร์รี่คอมบูฉะ น้ำกระเจี๊ยบกับเครื่องเทศ น้ำฟักทองและมะม่วง



แต่ละคอร์สเสิร์ฟมาพร้อมกับรสชาติที่ซ่อนความเป็นไทยได้อย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะจานที่เราประทับใจ อย่าง กะหล่ำอบแห้งสอดไส้น้ำพริกจากพริกหวานและบวบ ปลาเก๋าห่อขนมลาที่ดูคล้ายทาโก้ และตับไก่บดแบบปาเต้กับขนมปังปิ้งและลำไย



อีกสองจานที่น่าประทับใจเป็นเต้าหู้จากนมแพะที่มาพร้อมกับผักย่าง ส่วนหางนมที่เหลือจากทำเต้าหู้ เชฟนำมาทำเป็นซอสสำหรับเสิร์ฟกับดอกกะหล่ำย่างถ่านและเนื้อปู แถมยังเสิร์ฟมาพร้อมกับโมจิมันฝรั่งให้ทานคู่กันได้แบบลงตัวไร้ที่ติ


สำหรับจานหลักของเมนูเป็นซี่โครงหมูที่มาพร้อมกับ 3 ท็อปปิ้งคือทับทิม ต้นหอมและหอมแดงซอย และเครื่องเคียงในจานอย่างผักดองกับซอสไข่เค็ม


ปิดท้ายของคาวด้วยขนมปังอินเดีย (Pav) ที่ห่อไส้เนื้อแกะและเนยที่ทางร้านทำเอง


สำหรับของหวานของที่นี่ก็อร่อยและน่าเซอร์ไพรส์ไม่แพ้กัน ทั้งไอศกรีมที่ให้เลือกได้ 3 รสชาติ คือ ไอศกรีมขี้ผึ้งกับน้ำผึ้งป่าและโคนจากเกสรผึ้ง ไอศกรีมขมิ้นชันกับดอกคำฝอยในโคนงาดำ และไอศกรีมน้ำตาลโตนดกับเมล็ดผักชีกับโคนโฮลวีต


ก่อนตบท้ายด้วยช็อกโกแลตที่มาพร้อมกับ 4 วัตถุดิบไทย เช่น ช็อกโกแลตรสพริก ช็อกโกแลตข้าว ช็อกโกแลตกับมะขามหวาน และช็อกโกแลตเคลือบใบชะพลูและผงผักชีล้อม (Fennel)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook