ขับรถเที่ยว แก่งกระจาน ชมทะเลหมอก นอนเต็นท์ เล่นกับผีเสื้อ

ขับรถเที่ยว แก่งกระจาน ชมทะเลหมอก นอนเต็นท์ เล่นกับผีเสื้อ

ขับรถเที่ยว แก่งกระจาน ชมทะเลหมอก นอนเต็นท์ เล่นกับผีเสื้อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     จะสุกแล้วจ้า อีกไม่นานคงกินได้ ร่างกายนี่แหละไม่ใช่หมูใช่ไก่แต่อย่างใด ความร้อนตอนนี้ ใกล้จะ 100 องศาแล้วมั้ง? ร้อนสุดๆ ... ร้อนกายพอว่า ร้อนใจคิดถึงแต่หน้าหนาวนี่สิ สุดจะทน ในใจก็คิดหาที่เที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพ ที่มีความเย็นให้สัมผัส มีหมอกยิ่งดี มีน้ำให้เล่นด้วยจะดีมาก (โจทย์เริ่มยาก) ในมือก็เลื่อนเฟสบุ๊คไปเรื่อยๆ "ร้อนๆ แบบนี้ มาเที่ยวเพชรบุรีกับเพ่มั้ยน้อง" หนึ่งโพสต์ของเพื่อนในเฟสบุ๊ค ต้องกราบโพสต์นี้ที่ทำให้นึกขึ้นได้ ว่าเพชรบุรี มีดีที่พะเนินทุ่ง จุดชมทะเลหมอกหน้าร้อน รู้แบบนี้แล้ว ไม่รอแล้วจ้า เตรียมรถ เตรียมคน เตรียมลุยเลย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีดีจริงอย่างที่ใครเค้าบอกมั้ย ตามมาดูกัน ช่วงนี้มีผีเสื้อสวย ๆ ออกมาบินให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอีกด้วย ทะเลหมอกก็มี น้ำก็เย็น มีให้เล่นได้ทั้งวัน ครบตามโจทย์เป๊ะ ไปลุยกัน


     เพชรบุรีเป็นจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ใช้เวลาการเดินทาง 2 ชั่วโมงก็ถึง และทริปนี้รวบรวมสมาชิกได้ทั้งหมด 2 คนถ้วน เราขับรถมาเองเหมือนเดิมตามสไตล์ เพิ่มเติมคือเป็นกระบะคันใหม่ไฉไลกว่าเดิม ขับง่าย นั่งสบาย แถมเจ้าคันนี้ยังมีฟังก์ชั่น Cruise Control ทำให้การขับรถในทริปสบายขึ้นไปอีก

     Cruise Control คือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เพียงแค่เอามือกดปุ่มที่พวงมาลัย และเรายังสามารถเร่งได้ในขณะที่เราล็อคไว้ คือถ้าเราล็อคไว้ที่ 60 กม./ชม. เราสามารถเหยียบคันเร่งให้ความเร็วขึ้นไปที่ 90 ได้ ถ้าเราปล่อยคันเร่ง ความเร็วก็จะค่อยๆ ลดระดับมาที่ 60 เท่าเดิม ก็คือระบบจะไม่ยกเลิกจนกว่าเราจะเหยียบเบรกนั่นเอง ไม่แค่นั้น ในขณะที่เราล็อคความเร็วเริ่มต้นไว้ เราสามารถเพิ่มหรือรถความเร็วได้ที่พวงมาลัยเลย ซึ่งสะดวกสบายมากๆ เหมาะสำหรับขับรถระยะทางไกลๆ จะได้ไม่เมื่อย


     เมื่อเดินทางมาถึงก็เสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานกันก่อนเลย สบายตัว 2 คน 1 คัน ค่าเสียหาย 290 บาท จ่ายเรียบร้อยก็เดินทางต่อได้เลย อีกประมาณ 30 กม. จากจุดแรก ใช้เวลาไม่กี่นาทีเราก็มาถึงแค้มป์บ้านกร่าง จุดชมผีเสื้อหลากหลายชนิด บินกันวุ่นวายหลายร้อยตัว

     สำหรับการขึ้นเขาพะเนินทุ่ง จะแบ่งให้รถขึ้นลงวันละ 2 รอบเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเป็นทางขึ้นเขาค่อนข้างแคบสูงชันเป็นบางช่วง สำหรับรถที่จะขึ้นได้ต้องเป็นรถกระบะสูงเท่านั้น ใครเอาเก๋งไปขึ้นไม่ได้นะครับ ไปได้ถึงจุดแค้มป์บ้านกร่างเท่านั้น แต่ถ้าใครต้องการขึ้นจะมีรถเช่าอยู่ สามารถติดต่อที่ทำการอุทยานได้เลย

     ระหว่างทางเป็นถนนลูกรัง วิบากพอสมควร ดีที่พาเจ้าตัวแกร่ง "Nissan Navara Black Edition" มาลุย ถ้าเอาเก๋งมาคงได้จอดอยู่ด้านล่างเป็นแน่ ไหนๆ ลองถ่ายตัวแดงกับผีเสื้อบ้างซิ บอกเลยตัวแดงของเราหล่อมาก ดูเท่ ด้วยชุดแต่งรอบคัน ยิ่งมาพร้อมสติกเกอร์แท้จากโรงงาน หล่อมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

     ขับขึ้นเขาลงเขา ใครไม่ชอบออโต้ ปรับเป็นแมนนวล ดึงขึ้นดึงลงสลับเกียร์เอง มันส์ไปอีก ใครที่ชอบเส้นทางลุยๆ แต่ไม่ถึงกับหนักมาก แนะนำที่นี่เลย มีทั้งป่าเขา โค้งทางลาดทางชัน ธารน้ำ ให้ได้ลุยกันมันส์แน่นอน ขับลุยป่า ข้ามเขามาราวๆ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึงจุดกางเต็นท์ที่เขาพะเนินทุ่ง พอไปถึงเราก็รีบไปกางเต็นท์ที่ศาลาหลบภัย เพราะดูเหตุการณ์ไม่ค่อยดี เหมือนฝนจะลงเม็ด เพื่อคืนนี้เราจะได้ไม่นอนเปียก กางตรงนี้ไว้เห็นจะดีที่สุด


     อัพเดทเหตุการณ์ประจำวันสักหน่อย ประกาศให้โลกรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน และแล้วฝนก็ตก อย่างคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ฝนตกมาพร้อมหมอกขาวนวลลอยเข้ามาถึงในเต็นท์ หลังฝนหยุดตกเราก็เดินไปชมหมอกที่จุดชมวิว ดีงามไปอีก มีหมอกมาให้เราได้สดชื่น ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ เป็นดั่งที่เค้าบอกไว้จริงๆ ตะวันค่อยๆลับดับไปกับแนวเขาที่สลับซับซ้อน ถึงเวลาที่เราจะเดินกลับที่พักของเราในค่ำคืนนี้

     เมื่อคืนฝนลงเม็ดปรอยๆ เราตื่นมาตอนเช้าไม่มีฝนแล้ว เราก็รีบขับรถไปชมทะเลหมอกอีกหนึ่งจุด ซึ่งอยู่ห่างจากที่เรากางเต็นท์ไปประมาณ 6 กม. มองออกไปจากจุดชมวิว จะเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ถูกโอบอุ้มไปด้วยปุยหมอกขาวๆ แลดูสบาย อยากจะบอกว่ากระบะกว้างขวาง แต่ข้างในก็กว้างเพียงพอกับสัมภาระของพวกเราสองคน ใส่กันมาได้สบาย แทบไม่ได้พึ่งกระบะหลังเลย


     ระหว่างทางขากลับเป็นถนนไม่ค่อยดี ขับกันระมัดระวังนะครับ เพราะเป็นทางขึ้นเขาลงเขาตลอด ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่เอากระบะมา มีผ่านธารน้ำไม่เล็กไม่ใหญ่ บริเวณนี้จะมีผีเสื้อจำนวนมาก

     จุดหมายต่อไปของพวกเราคือ "โป่งลึก" เส้นทางไม่ต่างจากทางขึ้นพะเนินทุ่งเท่าไร มีลุยป่า ลุยน้ำ ลุยโคลนบ้าง แต่รถเก๋งไปไม่ได้แน่นอน ต้องเป็นรถกระบะนะครับ วิวข้างทางก็สวยไม่แพ้ที่อื่นเลย ทำให้ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง มัวแต่จอดถ่ายรูป เฮ้ย...ที่เพชรบุรีมีที่แบบนี้จริงๆ เหรอ ทำไมเราไม่เคยรู้มาก่อนเลย ขับรถตรงมาจนสุดทาง เป็นอันว่าถึงแล้ว เพราะสุดทางที่นี่ พอเรามาถึงจะมีเจ้าหน้าที่มาจดชื่อ ลงทะเบียนว่าเราผ่านจากป้อมด้านล่างแล้วมาถึงข้างบนแล้วไม่ได้หายไประหว่างทาง 5555

     เวลาที่รอคอยมาถึง กางเต็นท์เสร็จเรียบร้อย วิ่งลงน้ำชำระล้างร่างกายกันสักหน่อย คือบรรยากาศดีมาก ดีจนไม่เคยคิดว่าจะมีแบบนี้อยู่ใกล้กรุงเทพแค่นี้ มันฟินแค่ไหน ที่มีน้ำเย็นๆ ให้แช่ มีผีเสื้อโบยบินอยู่รอบๆ ตัวเรา


     ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงน้ำไหล ห้ามใจไม่ไหว ลงไปเล่นน้ำก่อนกลับกันอีกรอบ ตอนเช้าที่นี่ผีเสื้อเยอะมากๆ แช่กันอย่างสบายกายสบายใจ ก็เห็นจะถึงเวลาของเราขึ้นไปเก็บข้าวของออกเดินทางกันแล้ว เก็บข้าวเก็บของนั่งรถรัดเข็มขัดให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัย พร้อมเดินหน้าเต็มกำลัง

     ก่อนกลับแวะถ่ายรูปเท่ๆ ที่สะพานแขวนกันอีกสักหน่อย ต้องยอมรับจริงๆ ว่าที่นี่สวยงามมาก ที่สำคัญคนยังไม่ค่อยรู้จัก เราเองก็เพิ่งได้รู้จักเหมือนกัน ซึ่งได้คำแนะนำมาจากพี่ที่ไปเที่ยวพะเนินทุ่งแล้วได้พูดคุยกัน

     หมดเวลาสนุกของพวกเราแล้ว ถึงเวลาต้องขับ Nissan Navara Black Edition ลุยป่าฝ่าเขา ออกมาสู่เมือง ต้องบอกเลยว่ารถคันนี้ขึ้นเขาลงห้วยได้สบาย แรงไม่มีตกด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่เพียงพอและช่วงล่างที่แข็งแรง และยังนุ่มนวลอีกด้วย ให้อารมณ์เหมือนขับเก๋งมาขึ้นเขาจริงๆ Cruise Control ยาวๆ ไป มีความติดใจฟังชั่นนี้มาก



     บ๊ายบายเพชรบุรี ปีนี้เจอกันอีกแน่นอน


 

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook