3 สิ่งที่ญี่ปุ่นต้องเตรียมใจ เมื่อถึงวันที่อเมริกาบุกโจมตีเกาหลีเหนือ

3 สิ่งที่ญี่ปุ่นต้องเตรียมใจ เมื่อถึงวันที่อเมริกาบุกโจมตีเกาหลีเหนือ

3 สิ่งที่ญี่ปุ่นต้องเตรียมใจ เมื่อถึงวันที่อเมริกาบุกโจมตีเกาหลีเหนือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กำลังเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้สำหรับการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมีแนวโน้มสูงมากว่าจะบุกโจมตีเกาหลีเหนือ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความหนึ่งเมื่อวานนี้(13เม.ย.)ว่า “ผมมั่นใจว่าจีนจะสามารถจัดการเกาหลีเหนือได้อย่างเรียบร้อย แต่ถ้าไม่สามารถ อเมริกาและประเทศพันธมิตรจะเป็นผู้จัดการเอง”

เมื่อวันที่ 11 เมษยน 2017 ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นออกมาประกาศเกี่ยวกับความปลอดภัยในต่างประเทศ โดยเตือนประชาชนญี่ปุ่นที่กำลังจะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ว่าให้ระวังสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี โดยให้เหตุผลว่าประเทศเกาหลีเหนือซึ่งอยู่ติดกับเกาหลีใต้นั้นดำเนินการทดสอบขีปนาวุธ อาวุธนิวเคลียร์ อย่างต่อเนื่อง และเริ่มเข้าขั้นที่รุนแรงมากขึ้น

สื่อออนไลน์หนึ่งในญี่ปุ่นชื่อว่า The Liberty Web เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น ได้ลงบทความที่น่าสนใจมีไตเติ้ลแปลเป็นไทยว่า “3 สิ่งที่ญี่ปุ่นต้องเตรียมใจ เมื่อถึงวันที่อเมริกาบุกโจมตีเกาหลีเหนือ” ANNGLE จึงขอนำเนื้อหามาแชร์ให้พี่น้องชาวไทยที่สนใจและกำลังติดตามข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีได้อ่านกันนะคะ

ใจความสำคัญของบทความ

1.มีโอกาสที่เกาหลีเหนือจะยิงขีปนาวุธมาที่ญี่ปุ่น
2.หากเกาหลีใต้ถูกโจมตี กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นต้องไปช่วยเหลือคนญี่ปุ่นในเกาหลีใต้
3.ญี่ปุ่นอาจจะต้องให้การช่วยเหลือผู้อพยพหลี้ภัยจากเกาหลีเหนือ

วันที่ 6 เม.ย. ทรัมป์ได้กล่าวในการประชุมหารือทางโทรศัพท์ระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ว่า “ตัวเลือกทั้งหมด (เกี่ยวกับเกาหลีเหนือ) อยู่บนโต๊ะแล้ว” ซึ่งชี้ถึงปฏิบัติการทางทหาร

ในวันเดียวกันนั้น ได้มีการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพในประเทศซีเรีย สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ซึ่งการโจมตีซีเรียในครั้งนี้เปรียบเสมือนสารที่มีนัยยะว่า “เมื่อถึงเวลาที่จะต้องโจมตีเกาหลีเหนือก็จำเป็นต้องทำเช่นกัน”

และในวันที่ 8 เม.ย. เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ก็ถูกส่งเข้าไปยังคาบสมุทรเกาหลีแล้ว

ในสื่อญี่ปุ่นก็เริ่มปรากฏคำว่า “แผนลอบสังหารคิม จอง-อึน” ให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว และในหน้าหนังสือพิมพ์ก็มาถึงขั้นที่จะพิสูจน์ว่า “นี่จะเป็นการบุกโจมตีในรูปแบบไหนกัน” แล้ว

ถ้ากองกำลังสหรัฐฯ บุกโจมตีฐานทัพของเกาหลีเหนือ และคิม จอง-อึนถูกลอบสังหารขึ้นมาจริง ๆ ญี่ปุ่นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

สิ่งที่น่ากลัวคือกรณีที่ถูกโจมตีกลับ

กรณีที่เกาหลีเหนือโจมตีกลับ ญี่ปุ่นก็คงไม่พ้นที่จะเป็นเป้าหมายหนึ่งที่จะถูกโจมตีกลับด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าอเมริกาจะต้องถล่มกองบัญชาการใหญ่และฐานทัพทั้งหมดของเกาหลีเหนือ เพื่อป้องกันการตอบโต้กลับ ถ้าทำสำเร็จ “เรื่องทั้งหมด” ก็จะยุติทันที

แต่ถ้าเกิดถล่มได้ไม่หมดขึ้นมา เกาหลีเหนือจะใช้จุดนั้นตอบโต้กลับแน่นอน ซึ่งน่าเป็นห่วงว่ามีความเป็นไปได้ที่สูงมากเสียด้วยที่จะถล่มได้ไม่หมด

ทั้งนี้เพราะอเมริกาเคยพยายามถล่มฐานยิงขีปนาวุธทั้งหมดของอิรักในสงครามอ่าวเปอร์เซียมาแล้ว แต่ว่าที่สุดแล้วค้นหาไม่พบทั้งหมดจึงไม่สามารถจู่โจมให้ราบคาบได้ ผลคือปล่อยให้มีการโจมตีกลับ 88 นัด

แต่ถึงแม้ว่าทางกองกำลังสหรัฐฯ จะเริ่มปฏิบัติการทางทหารในเร็ววันนี้ ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะค้นพบและทำลายฐานยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ทั้งหมดของเกาหลีเหนือได้

ในกรณีที่เปิดช่องให้มีการจู่โจมกลับได้ ญี่ปุ่นมีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบ 3 ข้อดังต่อไปนี้

(1) ถูกกระหน่ำด้วยห่าฝนขีปนาวุธ

ถ้าเกาหลีเหนือตอบโต้ขึ้นมา จะมีเป้าหมายอยู่ที่ใดบ้าง?

phase 1 คือกองเรือรบของอเมริกาซึ่งรวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน แต่ phase 2 นั้นทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่มีฐานทัพของสหรัฐฯ ก็จะเข้าข่ายอยู่ในตัวเลือก (ที่จะถูกโจมตี) ด้วย เนื่องจากมีประชาชนท้องถิ่นอยู่ด้วย ก็เลยจะกลายเป็น “ตัวประกัน” รูปแบบหนึ่ง

ขีปนาวุธสกั๊ด (Scud) ที่อิรักพยายามจะปล่อยตอนสงครามอ่าวเปอร์เซีย มีมากเกือบ 5000 นัด และเมื่อถึงคราวเกาหลีใต้จะทำสงครามแบบเอาจริง ก็คงจะพยายามดึงกำลังเฮือกสุดท้ายออกมา แล้วก็คงจะยิงขีปนาวุธจำนวนมากเป็นห่าฝนออกมาก็เป็นได้

ในจำนวนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงญี่ปุ่นกี่นัด อาจจะแค่ไม่กี่สิบนัด หรือแค่ไม่กี่นัด หรืออาจจะไม่ยิงมาถึงญี่ปุ่นเลยก็ได้ แต่ขีปนาวุธเหล่านั้นอาจมีระเบิดปรมาณูหรืออาวุธนิวเคลียร์ติดมาด้วยก็ได้ แม้จะเป็นเพียงลูกหลงแต่ก็ไม่ควรที่จะถูกปล่อยให้ตกลงมาบนดินแดนญี่ปุ่นได้แม้เพียงนัดเดียว

หมายความว่าหากอเมริกาจู่โจมเกาหลีเหนือ ญี่ปุ่นจะต้องเตรียมการยิงสกัดกั้นขีปนาวุธ ซึ่งนี่เรียกได้ว่าเป็นความตึงเครียดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้

และก็ใช่ว่าญี่ปุ่นจะสามารถ “ยิงสกัดเฉพาะขีปนาวุธที่เข้ามาในประเทศโดยไม่ต้องสนใจขีปนาวุธลูกอื่น ๆ ที่มุ่งไปยังกองกำลังสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้” ได้ เนื่องจากข้อกำหนดใหม่ในสิทธิของกองกำลังป้องกันตนเองร่วม (Rights of Collective Self-Defense) ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ไม่นานมานี้ และทางอเมริกาอาจจะขอให้เรือพิฆาตติดระบบเอจิส (Agis) ของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นช่วยยิงสกัดขีปนาวุธลูกอื่น ๆ ให้ด้วยก็ได้

ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างไม่มีทางเลือก

(2) ต้องช่วยเหลือคนญี่ปุ่นและอเมริกันที่อยู่ในเกาหลีใต้

ในกรณีที่เกาหลีใต้ถูกโจมตีกลับในสเกลขนาดใหญ่ ซึ่งหมายถึงขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่กรุงโซล และกองกำลังภาคพื้นดินของเกาหลีเหนือ 1 ล้านคนทะลักเข้าไปในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นก็จะต้องกลายเป็นผู้เกี่ยวข้องไปโดยปริยาย

เนื่องจากมีคนญี่ปุ่นที่พำนักระยะยาวในเกาหลีใต้กว่า 3 หมื่นคน และแต่ละปีมีคนญี่ปุ่นที่เดินทางไปเกาหลีใต้เป็นหลักล้านคน กองกำลังป้องกันตนเองจึงต้องเข้าไปช่วยเหลือคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้เป็นจำนวนมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ในเกาหลีใต้ยังมีคนอเมริกันอาศัยอยู่อีกเป็นจำนวนมาก และทหารอเมริกันจะต้องเข้าไปช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะลี้ภัยไปญี่ปุ่นก่อน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นไปได้ที่กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจึงจะต้องให้ความคุ้มครองเรือบรรทุกชาวอเมริกันจำนวนมากที่มุ่งหน้าไปญี่ปุ่นด้วย

นี่คือการให้ความคุ้มครองประเทศพันธมิตร ตามข้อกำหนดในสิทธิของกองกำลังป้องกันตนเองร่วม (Rights of Collective Self-Defense) ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น

กองทัพสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้มีการซ้อมช่วยเหลือคนญี่ปุ่นปีละครั้ง ส่วนกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นจะมีความพร้อมในเรื่องนี้หรือไม่นั้นยังถือว่าน่าเป็นห่วง

(3) ต้องให้การช่วยเหลือผู้อพยพหลี้ภัยจำนวนมาก

ถ้าการสู้รบในคาบสมุทรเกาหลีกินระยะเวลานาน ปัญหา “ผู้ลี้ภัย” จะกลายเป็นปัญหาใหญ่

ถ้าผู้ลี้ภัยจากคาบสมุทรเกาหลีถูกพาเข้ามาจริง ๆ ละก็ จะมีจำนวนมากถึง 2 แสนคน และต้องมีการตั้งค่ายผู้ลี้ภัยขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ของญี่ปุ่น

หากเป็นเช่นนั้น คนของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นจำนวนมากจะต้องมาดูแลความปลอดภัย เพราะมีโอกาสที่จะมีคนที่มี “ภารกิจพิเศษ” ของเกาหลีเหนือปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ลี้ภัย

ถึงกระนั้นเหตุผลที่อเมริกาจะดำเนินการก็เพราะ…

ด้วยเหตุผลข้างต้น เป็นการคาดการณ์ผลที่จะเกิดขึ้นเมื่ออเมริกาโจมตีเกาหลีเหนือ

บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยากน่ารำคาญ แต่ถ้าการพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือถูกมองข้ามไปจนถึงขั้นที่สามารถยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปถึงอเมริกาได้ละก็ อเมริกาจะเคลื่อนไหวได้ยากยิ่งขึ้นอีก

ยกตัวอย่างเช่น หากญี่ปุ่นถูกโจมตีโดยเกาหลีเหนืออย่างกะทันหัน อเมริกาอาจจะลังเลที่จะให้การช่วยเหลือ เพราะประชาชนอเมริกันตกอยู่ในสภาพตัวประกันโดยระเบิดนิวเคลียร์นั่นเอง นอกจากนี้ แม้ว่าจะยุติการใช้กำลังเข้าควบคุมสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะมากว่าที่คาดการณ์ข้างต้นก็เป็นได้ ถ้าอเมริกาเคลื่อนไหวตั้งแต่ตอนนี้จะเกิดการสูญเสียน้อยที่สุดแล้ว

เรื่องที่ “เป็นไปไม่ได้” เมื่อหลายปีก่อน กำลังจะ “เป็นไปได้” แล้ว ตอนนี้อาจจะถึงเวลาแล้วที่คนญี่ปุ่นต้องยอมรับและเตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook