5 ทริปฤดูหนาว ณ แดนหิมาลัยที่คุณจะประทับใจไม่รู้ลืม

5 ทริปฤดูหนาว ณ แดนหิมาลัยที่คุณจะประทับใจไม่รู้ลืม

5 ทริปฤดูหนาว ณ แดนหิมาลัยที่คุณจะประทับใจไม่รู้ลืม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเทือกเขาหิมาลัย เจ้าของยอดเขาเอเวอร์เรสต์ที่สูงที่สุดในโลก และทอดยาวครอบคลุมพื้นที่ถึง 5 ประเทศ อันได้แก่ ภูฏาน อินเดีย เนปาล จีน และปากีสถาน

นอกจากยอดเขาเอเวอร์เรสต์อันเป็นจุดหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของนักผจญภัย หิมาลัยยังมีสถานที่ที่น่าพิศวงมากมาย รอให้เราไปเยือนในหน้าหนาวคราวนี้

และนี่ก็คือ 5 สถานที่สุดหนาวเย็นบนเทือกเขาหิมาลัยในอินเดีย ที่ Sanook! Travel ขอท้าให้คุณไปเยือน

1. เมืองกุลมาร์ค (Gulmarg) แคว้นแคชเมียร์


กุลมาร์ค (Gulmarg) เมืองขนาดเล็กในแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ ทางตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัย ที่มีชื่อเสียงเรื่องสถานที่เล่นสกีและสโนว์บอร์ด

การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองนี้สามารถเดิน หรือนั่งรถแท็กซี่แบบโฟร์วีลไดรฟ์ก็ได้ แต่ที่ไม่ควรพลาดก็คือ กุลมาร์ค กอนโดลา (Gulmarg Gondola) หรือเคเบิลคาร์ที่ให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวขึ้นไปเล่นสกีบนเขา
ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ต้นฤดูกาลสกีในราวเดือนธันวาคม ไปจนถึงต้นเดือนเมษายน

และนอกจากการเล่นสกีพร้อมชมทิวทัศน์สุดอลังการแล้ว คุณสามารถเข้าไปสักการะศาลของบาบา เรจิ หรือจะไปนั่งพักสงบจิตใจในโบสถ์เซนต์แมรี แล้วไปพักผ่อนสบายๆ ริมทะเลสาบ Alpather ก็ยังได้

2. ทะเลสาบฉางโก (Tsomgo Lake) แคว้นสิกขิม

ทะเลสาบฉางโก (Tsomgo) มีความหมายว่า ต้นกำเนิดของทะเลสาบ เป็นทะเลสาบน้ำแข็ง ตั้งอยู่ทางตะวันออกของแคว้นสิกขิม ที่ความสูง 3,753 เมตร

สีสันของทะเลสาบที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล รวมทั้งกลายเป็นน้ำแข็งตลอดช่วงฤดูหนาว ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวสิกขิม

โดยเชื่อกันว่าในสมัยโบราณ พระที่อาศัยอยู่บริเวณนี้จะทำนายอนาคตจากสีของน้ำในทะเลสาบ

นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่งกว่าเดิมในฤดูหนาว นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ยังนิยมเดินทางไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Kyongnosla Alphine ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของหมีดำหิมาลายัน นกชนิดต่างๆ แพนดาแดง และสัตว์หายากชนิดอื่นๆ

นอกจากนี้ ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการขี่จามรีหรือฬ่อท่องเที่ยวเลาะริมทะเลสาบ พร้อมชิมขนมและเครื่องดื่มจากร้านข้างทาง

แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวที่นี่ จะต้องมาเป็นกลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และต้องทำเรื่องขออนุญาตเข้ามาท่องเที่ยวผ่านเอเจนซี่ที่ถูกกฎหมายเท่านั้น

3. เมืองชิมลา (Shimla) แคว้นหิมาจัลประเทศ

เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นหิมาจัลประเทศ ทางตอนเหนือของอินเดีย และเป็นศูนย์กลางการค้า วัฒนธรรม และการศึกษาของเมืองในหุบเขาละแวกนี้ด้วย

ในอดีต เจ้าอาณานิคมอังกฤษขนานนาม ชิมลาว่าเป็นราชินีแห่งเนินเขา และพากันบุกป่าฝ่าดงเข้ามาสร้างบ้านเมืองที่นี่ เพราะชื่นชอบอากาศที่เย็นสบายเหมือนบ้านเกิด

ความน่าหลงใหลของชิมลา คือหิมะขาวโพลน ลานไอซ์สเก็ตธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้ ซึ่งจะเข้าไปเล่นได้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์

รวมทั้งกลิ่นของต้นสนขณะที่คุณเดินเล่นอยู่ในเมือง จิบกาแฟ หรือเดินซื้อของในตลาด

นอกจากนี้ มรดกของชาวอังกฤษที่เคยอาศัยอยู่ในชิมลายังคงปรากฏให้เห็นอยู่มากมาย ทั้งโบสถ์และวิหารสถาปัตยกรรมแบบทิวดอร์และนีโอ-โกธิค

รวมทั้งเส้นทางรถไฟกัลกา – ชิมลา (Kalka-Shimla) ที่สร้างโดยเจ้าอาณานิคมอังกฤษ และกลายเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเช่นกัน

4. ช่องเขาโรตงก์ (Rohtang) แคว้นหิมาจัลประเทศ

เดินทางสู่ช่องเขาโรตงก์ (Rohtang La) หรือช่องเขาแห่งกองซากศพ ที่ผู้คนในอดีตเคยเอาชีวิตมาทิ้งไว้ท่ามกลางสภาพอากาศอันโหดร้าย เพื่อจะเดินทางไปยังจุดหมายที่ทิวเขาปีร์ ปันชัล (Pir Panjal)

ทว่าบัดนี้ ช่องเขาโรตงก์ ทำหน้าที่เป็นประตูเข้าสู่เมืองลาฮอล และหุบเขาสปิติ และยังเชื่อมต่อไปถึงลาดักห์ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเหล่านักเดินเขาด้วย

ในฤดูหนาวที่โรตงก์นี้ คุณจะได้พบกับทิวทัศน์บนยอดเขาที่สวยงาม และทะเลสาบน้ำแข็งในหุบเขาสุดอลังการ พร้อมกิจกรรมสนุกๆ อย่างการนั่งเลื่อน เล่นสกี และการเดินเขา (trekking)

หรือถ้าอยากจะเอ็กซ์ตรีมกว่านั้น เราขอแนะนำให้ “บิน” ชมวิวแบบ Bird-eye view ด้วยร่มร่อน (paragliding) รับรองว่าคุณจะได้ประสบการณ์อันสุดเหวี่ยง ที่ไม่มีวันลืมทีเดียว

 5. หุบเขาสปิติ (Spiti Valley) แคว้นหิมาจัลประเทศ

จากช่องเขาโรตงก์ คุณสามารถเดินทางเข้าสู่หุบเขาสปิติ (Spiti Valley) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นหิมาจัลประเทศ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “มัชฌิมประเทศ” คือดินแดนตรงกลางระหว่างทิเบตและอินเดียนั่นเอง

และนอกจากวิวทิวทัศน์อันสวยงามอลังการแล้ว สถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้ ก็คือสำนักสงฆ์คีย์ ซึ่งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาแบบทิเบต ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำสปิติ

อย่าลืมไปชมความงามของทะเลสาบจันทรา และหมู่บ้านคิบเบอร์ (Kibber Village) ที่ได้ชื่อว่าเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก คือ 4,205 เมตร จากระดับน้ำทะเล

บ้านเรือนกว่า 100 หลังในหมู่บ้านนี้มีลักษณะเป็นเหมือนป้อมปราการ สร้างด้วยหินและอิฐ ทาสีขาวและหลังคาสีแดงทั้งหมด 

สำหรับสายแอดเวนเจอร์ Sanook! Travel บอกเลยว่าไม่ควรพลาด เตรียมตัวฟิตร่างกายให้พร้อม เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทาง

แล้วคุณจะรู้ว่า โลกนี้ยังมีสิ่งมหัศจรรย์อีกมากมายที่รอให้คุณเข้าไปสัมผัส!

ภาพประกอบจาก www.istockphoto.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook