เที่ยวโหดมันฮา ที่บ้านคีรีวงกต

เที่ยวโหดมันฮา ที่บ้านคีรีวงกต

เที่ยวโหดมันฮา ที่บ้านคีรีวงกต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ถ้าไม่ผ่านเขาวงกต คุณมาผิดแล้วละครับ” เสียงหัวเราะพร้อมคำตอบจากปลายสายคลายความหวั่นใจของเราไปได้เปลาะหนึ่ง เพราะเส้นทางที่ผ่านมาช่างคดเคี้ยว โอบล้อมด้วยผืนป่าและภูเขา ชวนให้คิดว่าหลงอยู่ในเขาวงกตสมชื่อหมู่บ้านคีรีวงกต เสียจริงๆ !

ไม่นานพวกเราก็ถึงจุดหมายที่ซ่อนตัวในผืนป่าของอุทยานแห่งชาตินายูง-น้ำโสม ในตำบลนาแค อำเภอนายูง  นรินทร์ อนันทวรรณ์ ผู้ใหญ่บ้านเจ้าของเสียงหัวเราะในสายโทรศัพท์ ยิ้มร่ามาพาแขกต่างถิ่นขึ้นบ้านไปเก็บสัมภาระ  นั่งไม่ทันหายเหนื่อยก็ได้ยินเสียง “พี่เสือ” ดังมาแต่ไกล  ใครมาเที่ยวบ้านคีรีวงกตย่อมรู้ดีว่า นี่คือกิจกรรมนั่งรถเสือภูเขา  ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด !

รถเสือภูเขาของคนที่นี่ เราขอเรียกว่า “พี่เสือ”  มันไร้ลายพาดกลอน คำรามเป็นเสียงเครื่องยนต์ มีตัวถังสีดำมะเมื่อมประกอบขึ้นจากเหล็ก  ชาวบ้านนำรถไถนามาใส่เกียร์ ล้อหน้า พวงมาลัย กลายเป็นรถสี่ล้อที่มีสมรรถนะสูง นับเป็นภูมิปัญญาสุดเจ๋งเพราะทำให้รถไถกำลังเครื่องยนต์เพียง 14 แรงม้าวิ่งฉิวขึ้นเนินได้ราวเสือหนุ่มปราดเปรียว

ชาวคีรีวงกตมีนาข้าว ไร่มันสำปะหลัง ลูกเดือย และสวนยางพาราอยู่ในป่าและบนภูเขา   รถเสือภูเขาจึงเป็นพาหนะใช้เดินทางและบรรทุกผลิตผลที่สำคัญ  เมื่อปี 2550 พวกเขาคิดจัดกิจกรรมท่องเที่ยว  จึงต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ด้วยการจัดทริปพานั่งรถเสือภูเขาไปชมวิถีชีวิต ซึ่งนอกจากสร้างรายได้เสริม ยังเป็นอีกวิธีที่ทำให้ชาวบ้านเห็นความสำคัญและช่วยกันรักษาผืนป่า

เมื่อทุกคนก้าวขึ้นหลังเรียบร้อย “พี่เสือ” ก็ออกวิ่งจากถนนลาดยางที่ราบเรียบกลางหมู่บ้านสู่ทางดินขรุขระ ทิ้งรอยเท้าไว้เป็นทางยาว ผ่านทุ่งนาเขียวขจี ผ่านไร่มันสำปะหลังกว้างสุดสายตา ก่อนปีนไปตามสวนยางพาราบนเนินเขา  ช่วงที่เร้าใจที่สุดคือตอนที่ “พี่เสือ” กระโจนลงลำธาร น้ำกระเซ็นแหวกเป็นสองข้าง ตะกอนดินฟุ้งขึ้นจนน้ำขุ่นคลั่ก

สี่ล้อของรถเสือภูเขาบดขยี้ไปตามโขดหินสูงต่ำในน้ำจนตัวรถกระเด้งกระดอน ผู้โดยสารอย่างพวกเราต้องเกาะรถไว้แน่น เกรงจะกลิ้งตกลงน้ำเปียกมะล่อกมะแล่กจนดูไม่จืดไม่ว่าจะขึ้นเขา ลงห้วย หรือข้ามลำธาร “พี่เสือ” พาไปอย่างไม่หวาดหวั่น จนเรารู้สึกเหมือนนักผจญภัยที่กำลังขี่หลังเสือวิ่งทะยานไปในพงไพร

ใช้เวลาราวชั่วโมงเศษ รถเสือภูเขาก็พามาถึงน้ำตกห้วยช้างพลาย  ปลายฤดูฝนเช่นนี้มีน้ำไหลบ่าเต็มผาหิน บรรยากาศปกคลุมด้วยความชุ่มชื้น  ชาวบ้านพาเราล้อมวงกินข้าวในป่า  พวกเขานำกระบอกไม้ไผ่ที่ตัดเตรียมไว้มาล้าง จากนั้นนึ่งข้าวเหนียว ย่างไก่ ต้มน้ำซุป และตัดใบตองมารองนั่ง เรียกว่าแทบไม่ใช้วัสดุแปลกปลอมไปจากธรรมชาติเลย แม้แต่ช้อนและที่คีบน้ำแข็งยังเหลาจากไม้ไผ่อย่างสวยงาม

“เราจะกินข้าวป่าต่อเมื่อออกไปล่าสัตว์  คนสมัยก่อนเข้าป่าไม่ได้นำภาชนะอะไรติดตัวไปเลย จะให้ถือหม้อไปด้วยก็ไม่สะดวก จึงไปตัดกระบอกไม้ไผ่มาหุงหาอาหารแทนหม้อ  คนรุ่นใหม่ไม่เคยทำแล้ว พอเขามากินข้าวในป่า เราก็จะได้บอกว่าสมัยก่อนคนรุ่นพ่อแม่เขากินอย่างไร” ผู้ใหญ่บ้านไขความลับว่าทำไมถึงชวนแบกท้องมากินข้าวที่นี่

ไม่นานนักข้าวเหนียวที่นึ่งในกระบอกไผ่ก็สุก ส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัว   ทุกคนในทีมกินกับไก่ย่างหอมฉุยและต้มไก่รสแซ่บอย่างเอร็ดอร่อย 

จกข้าวเหนียวกันจนเม็ดสุดท้าย ตบท้ายด้วยการจิบกาแฟหอมกรุ่นในกระบอกไม้ไผ่ พลางนั่งฟังเสียงน้ำตกอย่างเพลินใจ ก่อนรถเสือภูเขาจะวิ่งพากลับมาส่งที่บ้านพักโฮมสเตย์ให้พักผ่อนตามสบาย

ช่วงค่ำมี “โฮมพาแลง” หรือการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันซึ่งเป็นวัฒนธรรมการต้อนรับแขกผู้มาเยือนของชาวอีสาน   มีเด็กๆ มารำเชิญขวัญและรำบายศรี  นอกจากความเพลิดเพลินแล้ว   ใครที่มาคงสัมผัสได้ถึงความสุขที่ส่งออกมาจากแววตาของชาวคีรีวงกตยามเห็นลูกหลานของตนแสดงต่อหน้าผู้ชมต่างถิ่น

หลังจากนั้นมีพิธีบายศรีสู่ขวัญซึ่งเป็นการเรียกขวัญให้กลับคืนมา ช่วยให้คนที่เจ็บไข้หรือหมดหวัง  มีกำลังใจดีขึ้น  คำสวดมีใจความว่า ขอให้บรรดารุกขเทวดา เทวดา ผี  หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยคุ้มครอง  เมื่อสวดเสร็จสิ้นชาวบ้านนำไข่ในพานบายศรีให้เรากิน  ด้วยเชื่อว่าขวัญกลับมาอยู่ในไข่ เมื่อกินไข่ ขวัญก็จะกลับคืนมาสู่ตัวเรา   จากนั้นพ่อหมอก็พรมน้ำมนต์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป แล้วให้ทุกคนล้อมวงเข้ามาผูกข้อมือ

“ขอให้อยู่ดีมีแฮง ขอให้ร่ำรวย เจริญๆ เด้อ” เสียงผู้เฒ่าผู้แก่อวยพรระหว่างผูกสายสิญจน์ ทำให้คนที่ได้รับฟังรู้สึกอบอุ่นและสบายใจราวกับเป็นลูกหลานบ้านนี้

เช้าตรู่พวกเราขึ้นรถเสือภูเขาอีกครั้ง นั่งฝ่าความสลัวไปยังไร่มันสำปะหลังของผู้ใหญ่บ้าน  เราได้ชมบรรยากาศยามเช้าจากบนเขาเหนือหมู่บ้าน  ผู้ใหญ่บอกว่า ช่วงหลังฝนตกหรือฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกปกคลุมดูสวยงามมาก  แม้วันนั้นมีหมอกไม่มากนัก แต่ทิวทัศน์ก็ดูสวยงามในอีกแบบ

ความงามยามเช้าเป็นดังฉากสุดท้ายที่ฝากความประทับใจไว้   ก่อนผู้มาเยือนจากเมืองกรุงอย่างเราจะจากลา  นอกจากสัมภาระและของฝากแล้ว ที่ได้ติดไม้ติดมือกลับมาเพิ่มคือประสบการณ์ตะลุยป่าอันแสนสนุกและอบอุ่นใจในมิตรภาพของชาวบ้าน...เป็นความทรงจำดีๆ จากหมู่บ้านเล็กๆ  กลางป่าที่มีทางเข้าคดเคี้ยวราวเขาวงกต

>>>กลุ่มการท่องเที่ยวบ้านคีรีวงกต โทร. 08-3147-9004 ค่าร่วมกิจกรรม (รวมค่าที่พักและอาหารสามมื้อ) คนละ 900 บาท   ถ้าเฉพาะนั่งรถเสือภูเขาและกินข้าวป่า คนละ 300 บาท

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ

อัลบั้มภาพ 17 ภาพ ของ เที่ยวโหดมันฮา ที่บ้านคีรีวงกต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook