ท่องเที่ยวสไตล์พิศาล : ชม unseen 'หล่มภูเขียว' และเที่ยว 'ภูชี้ดาว' ที่เที่ยวใหม่สุดฮิต!

ท่องเที่ยวสไตล์พิศาล : ชม unseen 'หล่มภูเขียว' และเที่ยว 'ภูชี้ดาว' ที่เที่ยวใหม่สุดฮิต!

ท่องเที่ยวสไตล์พิศาล : ชม unseen 'หล่มภูเขียว' และเที่ยว 'ภูชี้ดาว' ที่เที่ยวใหม่สุดฮิต!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกครั้งที่ขับรถผ่านไปลำปางก็ตั้งใจจะแวะเที่ยว 'หล่มภูเขียว' ให้ได้ เพราะได้ยินกิตติศัพท์ความสวยงาม และความมหัศจรรย์ของแอ่งน้ำสีเขียวมรกตนี้มานาน แต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที จนกระทั่งล่าสุดเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  พรรคพวกอยากจะไปเที่ยวภูชี้ดาว ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตแห่งใหม่ล่าสุดของเชียงราย เราก็เลยวางแผนที่จะแวะเที่ยวหล่มภูเขียวที่เป็นทางผ่านไปภูชี้ดาวที่เชียงรายด้วย

เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯสายๆช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2559  เป้าหมายอยู่ที่ภูชี้ดาว เชียงราย ขับรถถึงลำปางในช่วงเย็น  เลยแวะนอนค้างคืนที่คุ้มเจ้าบุ  รีสอร์ทเปิดใหม่ที่จังหวัดลำปางพิกัด N18.25970 E099.42739 คุ้มเจ้าบุเป็นเรือนไม้โบราณหลังใหญ่อายุกว่า 80 ปี สร้างเมื่อปีพ.ศ.2476 โดยนางนิตยา (ศรีบุญเรือง) แสงเล็ก ได้รับมรดกตกทอดมาจากคุณยาย เจ้าบุ ณ ลำปาง และพยายามรักษาทุกอย่างให้อยู่ในสภาพเดิมให้มากที่สุด เมื่อเปิดเป็นรีสอร์ท  ก็มีการติดแอร์ สร้างห้องน้ำในห้องพักเพิ่มขึ้น เพื่อให้อยู่อย่างสบายขึ้น

คุ้มเจ้าบุมีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ แต่สร้างห้องพักเพียงแค่ 6 ห้อง แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่เป็นตัวคุ้ม มีห้องพัก 3 ห้อง มีห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น โต๊ะอาหาร พักได้ 7-8 คน คิดค่าห้องพักทั้งคุ้มเพียง 5,000 บาท

ส่วนที่ 2 อยู่บนร้านอาหารมีห้องพัก 1 ห้อง

ส่วนที่ 3 เป็นเรือนริมน้ำ มีที่พัก 2 หลัง

ทางคุ้มเจ้าบุมีเรือนปลูกผักปลอดสารพิษใช้ปรุงอาหารด้วย

วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เราก็ออกเดินทางไปยังหล่มภูเขียว โดยใช้เส้นทางลำปาง-พะเยา ใกล้ถึงอำเภองาว จังหวัดลำปาง ก็จะมีป้ายบอกทางไปหล่มภูเขียว โดยเป็นทางแยกไปทางตำบลบ้านอ้อนอำเภองาวประมาณ 14 ก.ม. ช่วงนี้เป็นถนนลาดยาง จากนั้นก็จะเป็นถนนลูกรังแยกไปหล่มภูเขียวอีกประมาณ 3.5 ก.ม.

ถนนช่วง 3.5กิโลเมตรที่แยกเข้าไปหล่มภูเขียวเป็นถนนลูกรังบดแน่น รถยนต์สามารถวิ่งผ่านได้ ระหว่างทางที่เราขับรถเข้าไปที่หล่มภูเขียว ก็เจอชาวต่างชาติขี่จักรยานมาเที่ยวหล่มภูเขียวด้วย

ในที่สุดเราก็ขับรถมาถึงลานจอดรถ มีนักท่องเที่ยวไม่มาก เห็นรถจอดอยู่ 2-3 คันเท่านั้น พิกัดของที่จอดรถN18.76623 E099.87393 จอดรถเสร็จแล้วก็ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 200-300 เมตร เพื่อไปยังหล่มภูเขียว

หล่มภูเขียวเป็นแหล่งน้ำอยู่บนเขา คล้ายปล่องภูเขาไฟ

น้ำในแอ่งลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียว มีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ธรรมชาติโดยรอบเป็นป่าทึบแล้ง

สันนิษฐานกันว่า แอ่งน้ำแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในสมัยดึกดำบรรพ์ หรืออาจเกิดจากการยุบตัวของหินปูน ซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อน แล้วจมลงใต้น้ำเรียกว่าหลุมยุบ ต่อมาจึงกลายเป็นแหล่งรับน้ำ และมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

การเดินทางมาหล่มภูเขียวก็ไม่ได้ลำบากเหมือนกับที่ได้ยินมา รถยนต์สามารถวิ่งเข้าถึงที่ได้ในหน้าแล้ง ถ้าเป็นหน้าฝนควรใช้รถกระบะ เพราะช่วง 3.5 กิโลเมตรก่อนถึงหล่มภูเขียวเป็นถนนลูกรัง อาจเป็นหลุมเป็นบ่อในหน้าฝน ทำให้รถยนต์วิ่งได้ลำบาก จากที่จอดรถก็เดินขึ้นเนินเขาไปอีกเพียง 200-300 เมตรก็ถึงที่หมาย

หลังจากนั้น เราก็ออกเดินทางต่อไปยังภูชี้ดาว จังหวัดเชียงราย ภูชี้ดาวอยู่ระหว่างภูชี้ฟ้ากับดอยผาตั้ง ภูชี้ดาวไม่มีโรงแรมหรือรีสอร์ทให้พัก เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวได้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ใครที่จะมาเที่ยวภูชี้ดาวก็ต้องเลือกว่าจะพักที่ภูชี้ฟ้าหรือดอยผาตั้ง แล้วขับรถไปเที่ยวภูชี้ดาว หรืออาจจะติดต่อเจ้าหน้าที่ขอขึ้นไปนอนกางเต็นท์บนภูชี้ดาวก็ได้ แต่สถานที่กางเต็นท์ค่อนข้างแคบรับได้เพียงประมาณ 40-50คนเท่านั้น ห้องน้ำก็ยังเป็นห้องน้ำสังกะสีใช้ชั่วคราว มี1-2 ห้อง ไม่มีห้องอาบน้ำ เราตัดสินใจนอนที่ภูชี้ฟ้า โดยพักที่ภูม่านฟ้ารีสอร์ท พิกัดN19.83230 E100.43871

หลังจากเช็คอินที่ภูม่านฟ้ารีสอร์ทในช่วงบ่ายแล้ว เราก็ขับรถไปภูชี้ดาวที่ห่างจากภูชี้ฟ้าประมาณ 10 ก.ม.  เราต้องจอดรถไว้ที่เชิงเขาแล้วใช้บริการรถกระบะ 4WD ของชาวบ้าน พิกัดN19.87265 E100.48667 ขึ้นไปยังยอดภูชี้ดาว โดยเหมารถขึ้นไปกลับ คันละ 500 บาท สำหรับผู้โดยสารไม่เกิน 5 คน ถ้าเกิน 5 คน เขาคิดค่าโดยสารคนละ 100 บาท เวลาเหมารถขึ้นไปต้องต่อรองให้เขานำทางขึ้นไปจนถึงยอดดอยด้วย เพราะจากที่จอดรถบนดอยภูชี้ดาว เราจะต้องเดินขึ้นเขาค่อนข้างชันต่อไปอีก ประมาณ 300 เมตร ไปยังยอดเขา ถ้าไม่ชำนาญทางอาจจะพลัดตกเขาได้ เพราะทางเดินขึ้นยอดเขาบางส่วน โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้ยอดเขา ทางเดินจะเป็นสันเขาค่อนข้างแคบและชัน ไม่สามารถเดินสวนทางกันได้

ถนนช่วงแรกเป็นถนนคอนกรีตประมาณ100 เมตรผ่านหมู่บ้าน หลังจากผ่านหมู่บ้านแล้วก็เป็นถนนดินลูกรัง ต้องใช้รถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้นถึงจะขึ้นไปยังยอดเขาได้ ถนนบางช่วงแคบมากสวนกันลำบาก ระยะทางจากคิวรถด้านล่างมายังที่จอดรถบนภูชี้ดาวประมาณ 3 กิโลเมตร หลังจากถึงที่จอดรถบนภูชี้ดาวแล้ว เราต้องเดินขึ้นเขาต่อไปอีกประมาณ 300-400 เมตร เพื่อขึ้นไปยังยอดภูชี้ดาว

หลังจากมาถึงที่จอดรถบนภูชี้ดาวแล้ว เราก็ต้องเดินขึ้นเขาต่อไปประมาณ 300-400เมตร เพื่อไปยังยอดเขา ระยะทางในช่วงแรกประมาณเกือบ 100 เมตร เป็นขั้นบันไดดินเล็กๆค่อนข้างชัน

ทางเดินช่วงต่อไปเป็นสันเขา ไม่มีราวจับ 2 ข้างทางเป็นเหวลึกฝั่งไทยและฝั่งลาว

ทางเดินใกล้ยอดเขาแคบและชันมาก มีราวไม้ไผ่ให้จับ ประคองตัวเดินขึ้นไปยังยอดเขา ช่วงนี้ต้องเดินด้วยความระมัดระวังมาก ราวไม้ไผ่บางช่วงโยกไปมาได้ ต้องพยายามเดินเลียบภูเขาให้มากที่สุด

นักท่องเที่ยวบางคนแอบ เขียนชื่อบนหลักเขตบนยอดภูชี้ดาวจนเป็นข่าวใหญ่ ต่อมาก็ได้มีการทาสีขาวทับหลักเขตดังกล่าวแล้ว

ยอดภูชี้ดาว

ที่เห็นเป็นยอดแหลมในภาพอยู่ด้านหลังสุดเป็นยอดภูชี้ฟ้า จากยอดภูชี้ฟ้าสามารถเดินเลาะสันเขามาถึงภูชี้ดาวที่ยืนถ่ายรูปอยู่ได้

หลังจากนั้นเราก็ลงจากภูชี้ดาว ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้ามืดจะขึ้นมาชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า เจ้าหน้าที่บอกว่าในช่วงนี้พระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 6 โมงเช้า ให้เรามาถึงคิวรถด้านล่างก่อน 05.30น  หลังจากถึงคิวรถด้านล่างแล้ว เราก็ขับรถไปทานอาหารเย็นที่ร้านผาสุข ร้านหมั่นโถว ขาหมูเจ้าอร่อยที่ดอยผาตั้ง

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็ขับรถกลับที่พัก ระหว่างทาง เห็นพระอาทิตย์กำลังตก ลับเหลี่ยมเขาสวยดีก็เลยถ่ายรูปไว้

เช้าวันรุ่งขึ้นเวลา 05.00น. ขับรถออกจากที่พักไปยังคิวจอดรถกระบะ4WD  เพื่อขึ้นไปชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูชี้ดาว

คนขับต้องลงไปเปิดประตูรั้วเพื่อขับรถขึ้นไปบนยอดภูชี้ดาว

เช้านี้ลมแรงมาก พัดเอาทะเลหมอกกระจายออกไปหมด

เราเดินขึ้นไปบนยอดภูชี้ดาว เพื่อถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น

หลังจากนั้น เราก็เดินลงจากยอดภูชี้ดาว เดินขึ้นไปอีกยอดเขาหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน เพื่อถ่ายรูปยอดภูชี้ดาวและภูชี้ฟ้า

จากยอดเขานี้ มองไปจะเห็นภูชี้ดาวชัดเจน และเห็นภูชี้ฟ้าลิบๆอยู่ด้านหลัง

หลังจากนั้น เราก็ลงจากภูชี้ดาว ขับรถไปขึ้นภูชี้ฟ้าต่อ เพราะอยากจะรู้ว่าถ้ามองจากภูชี้ฟ้าจะเห็นภูชี้ดาวไหม

จากภูชี้ฟ้าจะเห็นยอดภูชี้ดาว มีลักษณะเป็นยอดเขาแหลมๆอยู่ไกลๆ

หลังจากนั้น เราก็ขับรถกลับที่พัก ระหว่างทางลงจากภูชี้ฟ้าก็เห็นต้นนางพญาเสือโคร่งบานอยู่ข้างทาง ส่วนใหญ่ดอกจะร่วงหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่ต้นที่ยังบานอยู่ประปราย

อัลบั้มภาพ 80 ภาพ

อัลบั้มภาพ 80 ภาพ ของ ท่องเที่ยวสไตล์พิศาล : ชม unseen 'หล่มภูเขียว' และเที่ยว 'ภูชี้ดาว' ที่เที่ยวใหม่สุดฮิต!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook