พาสำรวจ 'ซอยนานา' ย่านสุดฮิปแห่งใหม่ เอาใจคนรักศิลปะ-ปาร์ตี้แฮงเอาต์

พาสำรวจ 'ซอยนานา' ย่านสุดฮิปแห่งใหม่ เอาใจคนรักศิลปะ-ปาร์ตี้แฮงเอาต์

พาสำรวจ 'ซอยนานา' ย่านสุดฮิปแห่งใหม่ เอาใจคนรักศิลปะ-ปาร์ตี้แฮงเอาต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น้องหนวด-เจ๊ฮาโก๊ะ

หากคุณกำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวฮิปๆ ชิคๆ แห่งใหม่ในย่านกรุงเก่า ที่มีพลวัตทางวัฒนธรรมผสานความโมเดิร์น-วินเทจ วิถีชีวิตเก่ากับไลฟ์สไตล์ทันสมัย ที่นี่ตอบโจทย์

บนถนนสองเลนในซอยเล็กๆ ความยาวเพียงสองร้อยเมตร แต่ทว่า … กลับมีสตูดิโอ แกลเลอรี่แสดงงานศิลปะ คาเฟ่ ร้านอาหารและสถานบันเทิงเริงรมย์ มารวมตัวกันที่นี่!

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ "ซอยนานา" แห่งถนนเจริญกรุง ใกล้เยาวราช (เอ๊ะ! อย่าเพิ่งสับสนกับซอยนานา ที่สุขุมวิทนะจ๊ะ) ที่นี่กำลังฮอตกำลังฮิตกันอย่างมากในโลกโซเซียล เดิมซอยนี้เป็นที่รู้จักกันในนามย่านขายยาสมุนไพรจีนเลื่องชื่อย่านหนึ่งของกรุงเทพ

ตึกรามบ้านช่องหลายหลังเป็นโครงสร้างเก่าที่ยังคงความคลาสสิคไม่เสื่อมคลายซึ่งในปัจจุบันเรายังคงพบเห็นอุปกรณ์การแพทย์ตาชั่งและถุงสมุนไพรเรียงรายอยู่ตามห้องแถวต่างๆเรียกได้ว่าเป็นการส่งไม้ต่อจากความเก่าแก่ให้กลายเป็นเก๋ไก๋กันเลยทีเดียว

"น้องหนวดและเจ๊ฮาโก๊ะ" สองหนุ่มสาวจากทีม "ประชาชาติฯออนไลน์" อดใจไม่ไหวเดินทางไปสำรวจย่านสุดชิคที่ว่านี้ โดยตั้งใจมาสำรวจตั้งแต่ 4 โมงเย็น เพื่อสำรวจบรรยากาศรอบๆ ก่อนพระอาทิตย์จะลับฟ้า สำหรับการเดินทางนั้นค่อนข้างสะดวก สามารถเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สถานีหัวลำโพง ออกประตูหมายเลข 1 แล้วเดินมุ่งหน้ามายังถนนเจริญกรุง ทางวงเวียน 22 เดินมาเรื่อยๆแบบไม่เหนื่อยเพียง 200 เมตร ก็จะพบกับป้าย "ซอยนานา" โดยสังเกตว่ามีร้านเฮง ราดหน้ายอดผักอยู่หน้าซอยก็ได้จ้า

ชาวบ้านที่อาศัยในซอยนี้ เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า ช่วงประมาณ 4-5 โมงเย็น ยังจะเงียบๆ อยู่ นักท่องเที่ยวยังไม่คึกคักกันมากนัก แต่พอถึงช่วง 1-2 ทุ่มขึ้นไปละก็ "สนั่นเฮ" โดยช่วงนั้นเราก็สังเกตเห็นว่ามีชาวต่างชาติเดินสวนไปสวนมาบ้างประปราย ส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นชาวตะวันตกและนักท่องเที่ยวชาวจีน และจากที่สอบถามพบว่า นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบย่านนี้มากที่สุดคือ ญี่ปุ่น...นักท่องเที่ยวจากแดนปลาดิบนั่นเอง

ปากคำจากคนในพื้นที่ เล่าว่า ในสมัยก่อน…ด้วยการที่ซอยนี้เป็นร้านขายยาจีน ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า โรงน้ำแข็ง และโรงกลึงพอตกดึกมาซอยนี้จะเงียบกริบ ชนิดที่ว่าแทบจะไม่มีใครเดินผ่านไปมาเลยด้วยซ้ำ แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีแกลเลอรี่และร้านอาหารมาเปิดกิจการย่านนี้หลายร้าน ทำให้ซอยนี้มีสีสันมีชีวิตชีวาขึ้นมา ลองคิดภาพร้านกาแฟ ที่บริเวณใกล้ๆ มีรถสิบล้อจอดอยู่ที่หน้าโรงกลึง และย่านที่มีแกลเลอรี่งานศิลปะอยู่ใกล้โรงน้ำแข็ง มีรถแล่นไปมาบนถนนแคบๆ ด้วยความเร็วสูง ... อะหึ้ม ช่างเป็นการผสมผสานความแตกต่างกันอย่างมีเสน่ห์จริงๆ

ระหว่างทาง มีอาหารสตรีทฟู๊ดขายเรียงราย จำพวกไส้กรอก ผลไม้ น้ำ อ้อ! แนะนำว่าให้หาอะไรรองท้องมาก่อน เพราะในซอยมีของกินค่อนข้างน้อย เพราะร้านที่เราเล็งๆ กันไว้ยังไม่เปิด เงียบชนิดที่ไม่น่าเชื่อว่าตกกลางคืนมันจะคึกขึ้นได้ แต่ก็ไม่ถึงกับหงอยซะทีเดียว เพราะมีคาเฟ่น่ารักๆ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 11 โมงถึง 3 ทุ่ม ขอบอกว่าร้านนี้นอนแอลกอฮอล์ เอาใจคอเบเกอร์รี่และกาแฟล้วนๆ กับ 

Nahim Cafe 

ส่วนเสาร์-อาทิตย์เปิดตั้งแต่ 9 โมงถึง 3 ทุ่ม ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีหวานๆ ชวนให้หยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพทันที (ทั้งที่ยังไม่ได้สั่งเครื่องดื่มเลย!) คอนเซ็ปต์การตกแต่งค่อนข้างเรียบง่าย มีที่นั่ง 4 โซนหลักๆ หน้าร้าน สแตน หน้าต่าง และมุมสำหรับขาติสต์ คือมาคนเดียว! 

เมนูที่ร้านเน้นอาหารทานเล่น เครื่องดื่มประเภท กาแฟ ชาเขียว นม เสิร์ฟพร้อมเบเกอร์รี่โฮมเมดที่ทางร้านทำเอง แต่ละเซ็ทล้วนน่าทาน และจัดแต่งมาได้น่ารักเอามากๆ ถ่ายรูปกันเมมเต็มเลยทีเดียว

นอกจากความน่ารักของร้าน และเมนูอาหารที่เป็นตัวชูโรงแล้ว อีกไฮไลท์อยู่ที่งานศิลปะ Handcraft สินค้าทำมือน่ารักๆ ที่นำเอกลักษณ์ของย่านนี้ คือการเป็นร้านตัดเสื้อ เย็บผ้า นำมาผลิตเป็นงานดีไซน์ตัดเย็บน่ารักๆ แถมนำมาจัดวางตกแต่งร้านได้อย่างขี้เล่น

ทุกชิ้นสามารถเลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก หรือของฝากก็เก๋ไปอีกแบบ ทั้งสมุด แก้วน้ำ กระเป๋าผ้า ถุงเท้า ตุ๊กตา หมวก เสื้อ และของตกแต่งน่ารักๆ อีกเพียบ จากความใส่ใจทุกรายละเอียด ทำให้การดีไซน์แพ็คเกจขนม จาน ถ้วย แก้วที่ใส่เครื่องดื่ม ทุกอย่างดูละเมียดละไม ทำให้อารมณ์ร่วมของคนที่เข้ามานั่ง ล้อไปกับเสียงเพลงน่ารักๆ ที่เปิดคลอจนเหมือนกำลังอยู่ในเมืองของเล่นเลยล่ะ 

ร้านนี้ มีมุมทำร้ายคนโสดเพราะดีไซน์ออกมาให้เป็นเหมือนโต๊ะทำงาน มีหนังสือ มีโคมไฟ จะหอบงานมานั่งปั่น หรือหาหนังสือมาอ่านชิลๆ ก็เป็นส่วนตัวดี 

อีกมุมที่ชิลและขายความเป็นย่านนี้สุดๆ คือตรงหน้าต่าง ที่นั่งชิงช้าโยกไปมา กับวิวนอกหน้าต่างที่เห็นวิถีชีวิตชุมชนของคนย่านนี้ พร้อมจิบกาแฟไปด้วยเพลินๆ โอย..ฟิน 

อีกมุมที่แปลกตาคือที่นั่งสแตนด์แบบเชียร์กีฬา ที่ไม่ค่อยได้เห็นจากร้านไหนเลย เอาล่ะ ... จะมุมไหนก็มีความพิเศษต่างกันไปหมด โดยรวมเป็นร้านที่น่ารัก อบอวลไปด้วยสีสัน ถึงจะดูโดดๆ ไปจากย่านนี้ แต่ก็ยังมีเสน่ห์ความดั้งเดิมให้เห็น สาวๆ ที่ชอบแชะแอนด์แชร์ สามารถถ่ายรูปได้กับทุกมุมเลย

พักเติมพลังกันเล็กน้อย เพราะเราเห็นคนมุงร้านอาหารชนิดต่อคิวกันยาวเหยียด พอแหวกฝูงชนได้ ก็เจอกับร้านราดหน้า ผัดซีอิ๊ว แม้หน้าตาจะดูธรรมดาทั่วไป แต่ความเป็นมาของร้านนี้แหละ ที่ทำให้คนอยากมาลิ้มลองดูสักครั้ง 

เจ้าของร้านเผยว่า เปิดมารุ่นต่อรุ่นตั้งแต่สมัยสงครามโลก ร้านนี้จึงมีอายุราวๆ 40 ปี เสน่ห์ของร้านคือปรุงอาหารโดยใช้เตาถ่านทุกจาน บอกเลยว่าร้านนี้คิวค่อนข้างเยอะ และทำกันแบบจานต่อจาน คุณพี่คนผัดออกแนวสโลว์ไลฟ์ อยากอร่อยต้องอดทนและสตรองมากๆ เพราะจะว่าไปแล้ว นอกจากบาร์ แกลเลอรี่ ดูเหมือนนี่จะเป็นร้านอาหารร้านเดียวที่ผู้คนสามารถฝากท้องได้ รสชาติกลางๆ เส้นนุ่ม หมูนิ่ม เอาจริงๆ คือไม่อิ่มท้องจนต้องเบิ้ล!

Show Why? Gallery 

เยื้องมาจากร้านผัดซีอิ๊วเป็นตึกเก่าแก่ ทำเลมุมตึกดูสวยงาม ยิ่งพระอาทิตย์ตกดินยิ่งสวย มองลอดผ่านประตูเข้าไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นไทย-ต่างชาติ กำลังขะมักเขม้นตัดไม้จัดเตรียมการอะไรสักอย่าง ดูเหมือนกำลังจะเปิดร้านเหล้า แน่นอน เปิดเมื่อไหร่ นี่จะเป็นร้านที่น่านั่ง แต่ไม่ใช่ 

เพราะนี่คือ Show Why? แกลเลอรี่สำหรับเช่าโชว์งาน Exhibition โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่มักจะมาเช่าเพื่อแสดงงาน น้องหนวดและเจ๊ฮาโกะ ใจกล้า หน้าด้านเข้าไปสอบถามได้ความว่า ย่านนี้กำลังถูกพูดถึงเฉพาะกลุ่ม ว่าเป็นแหล่งศิลปะที่กำลังจะบูม มีแกลเลอรี่ เป็นแหล่งรวมคนทำงานศิลปะ และเหมาะสำหรับมาเสพงานศิลปะจริงๆ และจากการบอกปากต่อปาก ทำให้ตัดสินใจเลือกมาแสดงงานกันที่นี่

หลังตะวันตกดิน ร้านต่างๆ ที่เราทำลิสท์ไว้ก็เริ่มทยอยเปิด แต่โดยรวมทั้งซอยก็ยังคงความเงียบเอาไว้ ผู้คนไม่พุกพล่าน สงบ และเหมาะจะนั่งจิบชิลๆ ดีจัง

El Chiringuito 

ร้านเปิดซิงแห่งวงเวียน 22 ผู้บุกเบิกและทำให้ย่านนี้เป็นที่รู้จักของคนทำงานศิลปะ และในฐานะแหล่งแฮงค์เอาท์แห่งใหม่ ดูจากชื่อร้านก็น่าจะคลำทางได้ว่าไม่ใช่สไตล์ไทย บาร์สัญชาติสเปนที่มีเจ้าของเป็นคนไทยและสามีชาวสเปน ทว่ากลับหลงใหลที่จะนำของเก่าย้อนยุค งานแฮนด์เมดสไตล์วินเทจมาตกแต่งร้านได้อย่างมีเอกลักษณ์ 

ส่วนเมนูอาหารจะเป็นสเปนแบบออริจินัล ตัวชูโรงเป็น Pincho Tortilla อาหารพื้นเมืองของชาวสเปน เรียกแบบไทยๆ ก็ "ไข่เจียวสเปน" ใช้ส่วนผสม หอมใหม่ ไข่ มันฝรั่ง ก่อนจะนำไข่มาคลุกด้วยวิธีตุ๋น ชิมแล้วให้ความรู้สึกเหมือนทานมันฝรั่งปรุงรส แปลกและอร่อยไปอีกแบบ ทางร้านออกตัวว่าเป็นเมนู "นางเอก" ประจำร้าน ใครมาต้องสั่งมาทานแกล้มกับเครื่องดื่ม สนนราคาอยู่ที่ 110 บาท ส่วนเครื่องดื่มที่เป็นซิกเนเจอร์ Sangria เครื่องดื่มสไตล์สเปน ไวน์แดง ผสมกับน้ำผลไม้ ตามด้วยว็อดก้าและโซดา รสชาติหวานอมเปรี้ยว นุ่มลิ้น ทางง่าย แต่แอบเมาเอาเรื่อง แก้วนี้สาวๆ น่าจะโดนใจ แก้วละ 130 บาท อร่อย ถูกจริตลิ้นจนรู้ตัวอีกทีก็จัดไป 3 แก้วแล้ว

ภายในร้านจะค่อนข้างเล็ก และมืด ใครที่ชอบถ่ายรูปแชร์บนโลกโซเชียลอาจจะขัดใจเล็กๆ แนะนำให้มาเสพบรรยากาศ สัมผัสความคลาสสิคด้วยตาตัวเองดีกว่า ดนตรีภายในร้านเปิดเพลงสเปน ทำให้มวลรวมในร้านมีอารมณ์ของบาร์ต่างประเทศ สายนั่งชิลต้องชอบแน่นอน ร้านเปิดให้บริการตั้งแต่ 5 โมง ถึง 5 ทุ่ม 


 23 Bar & Gallery 

เจอความคลาสสิคกันไปแล้ว มาลองสายดาร์กกันบ้าง กับ 23 Bar ที่ดูจากภายนอกยังไงก็ไม่เรียกร้องความสนใจให้แขกเข้าแม้แต่นิดเดียว แถมยังดูน่ากลัวแบบพิลึกด้วยซ้ำ แต่พอเดินผ่านม่านเข้าไปเท่านั้นแหละ เหมือนต้องมนต์ สัมผัสแรกเหมือนโรงเชือดหมูเก่าๆ ไฟแดงๆ สลัวๆ แต่มันสวยจนบอกไม่ถูก 

ทุกอย่างถูกตกแต่งจัดวางแบบ "ตามใจฉัน" เพราะแทบไม่มีอะไรเข้ากันเลย ผนังเต็มไปด้วยรูปภาพศิลปะ เหนือหัวขึ้นไปเป็นโคมไฟสไตล์พี่จีน และโต๊ะอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนจะเจอกับ "พี่โก้" เจ้าของร้านที่กำลังยุ่งอยู่กับการล้างแก้วและเปิดเพลงสไตล์บริตป๊อป ที่โดดจากร้านอื่นๆ ในย่านนี้ 

หลังแลกเปลี่ยนความรู้ทางแอลกอฮอล์กันแล้วได้ความว่า ที่นี่เปิดเป็นบาร์เล็กๆ ฉายควบแกลเลอรี่งานศิลปะ ที่ใครก็สามารถเอางานมาโชว์ได้ เสียค่าเช่าพื้นที่นิดหน่อย แต่คุยถูกคอก็แสดงกันไปฟรีๆ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นภาพเขียน ภาพถ่าย จะเป็นงานปั้นหรือศิลปะแขนงไหน ดนตรี เสวนา ภาพยนตร์ ก็มาจัดได้ พร้อมรองรับการจัดเลี้ยงเล็กๆ ต่อเนื่องจากการแสดงงานด้วย ซึ่งงานแสดงมีถี่ถึงเดือนละครั้ง ทั้งชาวต่างชาติและคนไทย

ถือเป็นร้านที่คอนเซ็ปต์เจ๋ง เอาใจคนรักงานศิลปะ นั่งจิบชิลๆ ก็สามารถพาตัวเองไปเดินดูภาพสวยๆ ที่ชั้นบนได้ แม้จะไม่โก้ หรูหราเหมือนแกลเลอรี่แสดงงานใหญ่ๆ แต่พี่เจ้าของร้านสายดิบได้เปรยว่า "ได้ฟีลความเป็นอันเดอร์กราวด์ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ไม่ต้องใส่สูท ผูกไทมาชมงานศิลปะ เรียบง่ายแบบนี้ จะทำให้ทุกคนเข้าถึงงานศิลปะได้ จะมานี่ที่ต้องตั้งใจมา เพราะมันแทบไม่มีอะไรเลย" 

ส่วนเมนูอาหารที่นี่ไม่มีเสิร์ฟ จัดหนัก วิสกี้ เบียร์ ว็อดก้ากันอย่างเดียว แม้ภายนอกไม่น่าไว้วางใจ แต่ข้างในเป็นมิตร และเป็นร้านที่บอกตัวตนคาแรกเตอร์ของร้านได้ชัดเจน ที่เป็นทั้งร้านนั่งจิบและสังคมที่รวมพลคนรักงานศิลปะเอาไว้

เทพ Bar 

บาร์สไตล์ไทยเก๋ๆ ซ่อนตัวอยู่ในซอย ภายนอกเรียบหรู ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นไทยเอาไว้ตั้งแต่ตรงหน้าประตู แต่ความเก๋อยู่ที่ด้านใน ตกแต่งสไตล์ไทย-โมเดิร์น มีกิมมิคความเก่าแก่จากกงานดีไซน์ภายในที่น่าหลงใหล แต่ที่พีคสุดคือ "ดนตรีสด" ในร้านที่เล่นดนตรีไทย มาเต็มทั้งระนาด ขลุ่ย ซอ ที่ไม่ได้มาเล่นๆ มาแต่เต็มฟูลแบนด์ สร้างอารมณ์ร่วมในการดื่มไปอีกแบบโดนในทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องลองมาสัมผัสกันดูสักครั้ง และเป็นอีกร้านที่กำลังถูกพูดถึงปากต่อปากในโลกโซเชียล ถึงกิมมิคบาร์แบบไทยๆ ที่แปลกเอามากๆทำให้ร้านแต่ละร้านในซอยนานา มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างแต่ชัดเจนแบบสุดๆ ชอบแบบไหนลองไปพิสูจน์กันดู

อัลบั้มภาพ 34 ภาพ

อัลบั้มภาพ 34 ภาพ ของ พาสำรวจ 'ซอยนานา' ย่านสุดฮิปแห่งใหม่ เอาใจคนรักศิลปะ-ปาร์ตี้แฮงเอาต์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook