ช๊อปปิ้งในญี่ปุ่นให้คุ้มค่า..กับ "วิธีขอคืนภาษี" สำหรับนักช็อป

ช๊อปปิ้งในญี่ปุ่นให้คุ้มค่า..กับ "วิธีขอคืนภาษี" สำหรับนักช็อป

ช๊อปปิ้งในญี่ปุ่นให้คุ้มค่า..กับ "วิธีขอคืนภาษี" สำหรับนักช็อป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช็อปปิ้งเรื่องใหญ่

แม้จะติดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูง แต่โตเกียวก็เป็นสวรรค์ของนักช็อปอยู่ดี ใครตั้งใจขนเงินเยนเพื่อไปช็อปปิ้งอย่ามองข้ามเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ เพราะจะช่วยให้ประหยัดได้มากโขเชียว

istockphoto.com

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศญี่ปุ่น ณ ปัจจุบันคือ 8% แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นไม่เกิน 6 เดือน สามารถขอคืนภาษีได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ 

1.สังเกตร้านที่มีป้ายติดว่า "Tax Free" ส่วนใหญ่จะติดไว้หน้าร้าน แสดงว่าสามารถขอคืนภาษีได้

2.ช็อปปิ้งตามกำลัง แต่จดจำกฎการขอคืนภาษีไว้ว่า

- สินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ยา และเครื่องสำอาง ต้องซื้อจากร้านเดียวกัน ภายในวันเดียวกัน โดยราคารวมที่ปรากฎในบิลต้องมีมูลค่า 5,001 เยน 

-สินค้าทั่วไป เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ ต้องซื้อจากร้านเดียวกัน ภายในวันเดียวกัน โดยราคารวมที่ปรากฏในบิลต้องมีมูลค่า 10,001 เยนขึ้นไป

3.นำสินค้าไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ตามปกติ แจ้งความประสงค์ขอคืนภาษีพร้อมยื่นหนังสือเดินทางจากนั้นพนักงานจะคิดเงินโดยหักค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 8% ออก และติดหลักฐานการคืนภาษีไว้ในหนังสือเดินทาง โดยหลักฐานนี้จะถูกเก็บคืนจากเจ้าหน้าที่ที่สนามบินตอนขาออกจากประเทศญี่ปุ่น

4.สินค้าทุกชิ้นที่มีการขอคืนภาษีจะห่อพร้อมแปะสติ๊กเกอร์ไว้อย่างดี ห้ามแกะสินค้าออกมาใช้ก่อน เนื่องจากกฎการขอคืนภาษีกำหนดไว้ว่า "สินค้าขอคืนภาษีทุกชิ้นห้ามใช้ขณะที่ยังอยู่ในประเทศญี่ปุ่น" แม้หลายคนยืนยันว่าไม่มีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่สนามบิน  แต่อาจมีการสุ่มตรวจในบางกรณี ฉะนั้นปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า

นักท่องเที่ยวที่พำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้นที่สามารถขอคืนภาษีได้ ชาวต่างชาติที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป รวมถึงคนญี่ปุ่นทุกคนไม่สามารถขอคืนภาษีได้ในทุกกรณี

ขอขอบคุณข้อมูล จาก สำนักพิมพ์ AMARIN

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook