เช็คอินอู่ฮั่น ตามรอยขงจื้อ พิชิตยอดเขาบู้ตึ้ง ประเทศจีน

เช็คอินอู่ฮั่น ตามรอยขงจื้อ พิชิตยอดเขาบู้ตึ้ง ประเทศจีน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บนโลกกว้างของการเดินทาง มีเรื่องราว และประสบการณ์มากมายให้เราเรียนรู้ไม่รู้จบ และยิ่งบางครั้งหากการเดินทางของเราได้ลองเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางใหม่ๆ ซะบ้าง ก็ทำให้เราได้เห็นเส้นทางใหม่ๆ และได้บันทึกความประทับใจใหม่ๆ มากมายได้เช่นกัน

เหมือนกับทริปนี้ เราได้เดินทางบินลัดฟ้ามาเที่ยว “ชิคาโกแห่งเอเชีย”  หรือเมืองอู่ฮั่น เมืองใหญ่ที่สุดในมณฑลเหอเป่ย์ ของประเทศจีน กับสายการบินแอร์เอเชีย ที่นอกจากเป็นเมืองสำคัญด้านกลางการติดต่อสื่อสารและการขนส่งของประเทศจีนแล้ว

มหานครแห่งนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมายให้เราได้ท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนานอีกด้วย

เตรียมตัวเดินทางไปขึ้นเครื่อง

พร้อมออกเดินทางไปอู่ฮั่น

ก่อนจะออกเดินทางไปตะลุยเที่ยวเมืองอู่ฮั่นกันหนำใจ ก่อนไปเรามาเรียนรู้เรื่องราวข้อมูลพื้นฐานของเมืองนี้กันก่อนสักนิดดีกว่า อย่างที่เกริ่นไปนิดนึงแล้วว่า อู่ฮั่น ตั้งอยู่ในมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศจีน ซึ่งในทางประวัติศาสตร์แล้วเมืองอู่ฮั่น มีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันๆ ปี โดยเกิดจากการรวมตัวของ 3 หัวเมืองใหญ่ไว้ด้วยกัน นั่นคือฮั่นหยาง ฮั่นโข และอู่ชาง

มีอาณาเขตอยู่ในพื้นที่ของแม่น้ำ 2 สาย คือแม่น้ำจางเจียงและฮั่นเจียง และเนื่องจากอยู่ทางเหนือของทะเลสาบต้งถิง ทางตอนกลางของแม่น้ำฉางเจียง จึงได้ชื่อว่า “หูเป่ย”  ซึ่งแปลว่าเหนือทะเลสาบ นั่นเอง

และถ้าเรามองจากแผนที่ประเทศจีน ก็จะเห็นว่า อู่ฮั่น มีพื้นที่ทางเหนือติดกับมณฑลเหอหนาน ด้านตะวันออกติดกับมณฑลอันฮุย และตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงทางใต้ดินติดมณฑลเจียงซีและหูหนาน ตะวันตกติดกับเมืองฉงชิ่ง ตะวันตกเฉียงเหนือติดกับมณฑลส่านซี ซึ่งปัจจุบันอู่ฮั่นมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน

สั่งอาหารอร่อยๆ บนเครื่องบินมากิน

สนามบินอูฮั่น

การเดินทางมาเยือนอู่ฮั่นเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงจากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยเวลาที่จีนเร็วกกว่าไทย  1 ชั่วโมง

 เที่ยวรอบเมืองอู่ฮั่น  ตะลุยเดินแดน “ชิคาโกแห่งเอเชีย”

หลังจากล้อเครื่องบินแตะรันเวย์สนามบินท่าอากาศยานเมืองอู่ฮั่นและผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อย

เราก็เริ่มต้นการเดินทางด้วยการนั่งรถชมวิวเมืองอู่ฮั่นผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ในเมือง เช่น ทะเลสาบตงหู  ทะเลสาบในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน โอบล้อมไปด้วยต้นหลิว และทัศนียภาพที่สวยงามของจุดชมวิว เป็นแหล่งพักผ่อนของชาวอู่ฮั่น และมีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก

หลังจากเช็คอินเข้าที่พักเป็นที่เรียบร้อย ใกล้ๆ โรงแรมของเราที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อู่ชาง ถนน Luoyo Road ก็มีแหล่งชอปปิ้งให้นักท่องเที่ยวออกไปเดินเล่นและสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเมืองอู่ฮั่นได้ ซึ่งตลอดสองข้างทางที่เราเดิน เราได้เห็นว่าอู่ฮั่นเมืองใหญ่ที่บรรยากาศยังดูเงียบสงบ มีต้นไม้เขียวครึ้มทั่วเมือง ข้างทางก็มีร้านขายของกินของฝากอร่อยมากมาย แถมบางจุดยังมีมุมสวยๆ ให้แวะถ่ายภาพได้ด้วย

ส่วนใครเดินแล้วหิว ร้านขายของกินข้างทาง ที่ดูบรรยากาศชาวบ้านหน่อยๆ แต่เมื่อได้กินแล้วขอบอกเลยว่าอร่อยมาก แถมราคายังไม่แพงอีกด้วย เอาเป็นว่าหากใครมาเที่ยวอู่ฮั่นและอยากเข้าถึงวิถีชีวิตแบบชาวอู่ฮั่นจริงๆ ก็ลองมาเดินเล่นชมเมืองและนั่งกินของอร่อยแบบเราได้

หลังจากพักผ่อนกันเต็มอิ่มแล้ว เช้าวันที่สอง เราก็เตรียมพร้อมตะลุยแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ในเมืองอู่ฮั่นกันแบบเต็มที่ โดยทริปนี้เราได้ยินมาว่า ที่อู่ฮั่นเขาจัดงาน Wuhan International Convention & Exhibition  หรืองานเทศกาลท่องเที่ยวของเมืองอู่ฮั่นและในมณฑลหูเป่ย์

ก็เลยขอแวะไปชมกันหน่อย ภายในงานมีการออกบูทของสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ มากมายในเมืองอู่ฮั่นให้เราได้ชม อีกทั้งแต่ละบูธ ก็ยังมีการแสดงเรียกน้ำย่อยให้ผู้มางานได้เป็นขวัญตากันอีกด้วย

เตรียมซื้อบัตรเข้าชมหอนกกะเรียนเหลือง

จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปเที่ยว หอกระเรียนเหลือง แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังใจกลางเมืองอู่ฮั่น หอคอยนี้ก่อสร้างมายาวนานหลายร้อยปีแล้วตามบทกวีในนิทานชื่อดังนับตั้งแต่แต่ปี ค.ศ.223 ตั้งอยู่บนเขาเสอซัน ริมแม่น้ำฉางเจียง เขตอู่ชาง ในอดีตสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นหอสังเกตการณ์ ป้องกันการโจมตีจากศัตรู ที่ผ่านมาแม้หอคอยแห่งนี้จะเคยถูกเผาทำลายจากข้าวศึกศัตรู  แต่ก็ได้มีการสร้างขึ้นใหม่ด้วยปูน และเหล็กเลียนแบบโครงสร้างแบบไม้ที่เป็นของเดิม

วิวจากหอคอย

ระฆังใหญ่ ที่ตั้งอยู่บริเวณหอนกกะเรียนเหลือง

 

เป็นหอห้าชั้น สูง 51 เมตร ระหว่างชั้นยังมีชั้นแทรก รวมทั้งสิ้นเป็นสิบชั้น ซึ่งปัจจุบันถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองอู่ฮั่น และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมาเป็นอันดับต้นๆ แต้วันที่เราไปโชคไม่เข้า เพราะหอคอยกำลังปิดซ่อมปรับปรุงภายนอก  เราก็เลยไม่มีโอาสถ่ายรูปมาให้ชม ได้แต่เดินดูดูบรรยากาศรอบๆ และขึ้นไปชมวิวสวยๆ ด้านบน

ยามบ่าย เราออกเดินทางไปเที่ยว Wanda Movie Park สถานที่ท่องเที่ยวของวัยรุ่นและครอบครัวของชาวอููฮั่น ซึ่งใช้เงินทุนก่อสร้างกว่า 7 พันล้านหยวน สถาปัตยกรรมของ Wanda Movie Park สร้างขึ้นเลียนแบบรูปลักษณ์ของระฆังเปียนจง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่อายุกว่า 2 พันปีของราชวงศ์ฮั่น

 

สถานที่แห่งนี้ถือเป็น Theme Park ในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่กว่า 1 แสนตารางเมตร ประกอบด้วย 6 Theme Park ให้นักท่องเที่ยวเลือกดูได้ตามความชอบและความสนใจ นอกจากนั้นยังมีจอภาพยนตร์ 4D และ 5D โรงละคร ร้านอาหาร และร้านค้ามากมาย เหมาะสำหรับพาเด็กๆ มาเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

ในช่วงแดดร่มลมตก เราก็ชวนกันไปเที่ยว  ถนนคนเดินเจียงฮั่น ถนนคนเดินท่ามกลางบรรยากาศเมืองเก่า เหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการเดินเล่นแบบสบายๆ หลีกหนีความวุ่นวายจากโลกภายนอก เพราะสองฝั่งของถนนคนเดินสไตล์ยุโรปตลอดระยะทาง 1.5 ก.ม.เส้นนี้ เต็มไปด้วยสินค้าชั้นนำแบรนด์ดังๆ จากต่างประเทศมากมาย ร้านค้า ร้านกาแฟ

และที่เที่ยวสุดฮิตอย่างพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ่ด้วย  ใครชอบถ่ายรููปบอกเลยมาถนนคนเดินสายนี้โดนใจชัวร์

เที่ยวเมืองประวัติศาสตร์พันปีและตามรอย ขงเบ้ง

มีคนบอกว่า มาอู่ฮั่น ถ้าไม่ได้แวะที่นี่สักครั้งเหมือนยังมาไม่ถึง สำหรับ พิพิธภัณฑ์มณฑลหูเป่ย พิพิธภัณฑ์ที่มีขื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ที่จัดแสดงแสดงผลงานวัตถุโบราณที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองอู่ฮั่น

ภายในพิพิธภัณฑ์กว้างใหญ่แห่งนี้มีของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากมายที่นนักท่องเที่ยวห้ามพลาดชม ไม่ว่าจเป็นโลงศพขนาดใหญ่มหึมาและชุดระฆังอายุกว่า 2,400 ปีจากหลุมศพของกษัตริย์เฉิงโฮ่วอี้ ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก สมบัติล้ำค่าอย่างหยกและทองคำ รวมไปถึงห้องเรียนรู้ประวัติศาตร์ความเป็นของเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

Thached Cottage Theatre

เมืองอู่ฮั่นนั้นยังได้ชื่ออีกว่า เป็นเมืองแห่งตำนานยุทธจักรนักสู้ เพราะในอดีตมีเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับตำนานนวนิยายชื่อดังอย่างเรื่องสามก๊กที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี มาที่นี่เราจึงไม่ยอมพลาดนั่งไทม์แมทชีนไปตามรอยกันซะหน่อย จากเมืองอู่ฮั่น เราใช้เวลาเดินทางไปเมืองเชียงหยาง ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของจูเก่อเลี่ยงหรือที่คนไทยรู้จักในชื่อขงเบ้ง นักการเมือง และนักการทหารชั้นยอดเยี่ยมในยุคสามก๊กนั่นเอง

เมื่อมาถึงเมืองเซียงหยาง หมุดหมายแรกที่ต้องไปเช็คอินกันก่อนก็คือ การเดินทางไป Thached Cottage Theatre เพื่อชมการแสดงละครเวทีเรื่องราวเกี่ยวประวัติของขงเบ้งตั้งแต่ตอนเล่าปี่เดินทางมาขอให้ไปช่วยรบ ฉากแต่งงาน ไปจนถึงฉากรบตอนโจโฉแตกทัพเรือ ที่รบกันที่ผาแดง ซึ่งฉากนี้ได้นำมาทำเป็นภาพยนตร์ออกฉายไปทั่วโลกด้วย

หลังจากพักผ่อนกันเต็มที่ เช้าวันต่อมา เราก็ได้เดินทางไปเที่ยวชมอุทยาน Gulongzhong แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองนี้ เพราะในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่ของขงเบ้งเมื่อประมาณ 1,700 ปี มาแล้ว

ภายในบรรยากาศร่มรื่นน่าเดินเล่นและพักผ่อน มีวัดและรูปปั้นของขงเบ้งให้นักท่องเที่ยวได้สักการะ รวมถึงมีบ้านขงเบ้งจำลองให้นักท่องเที่ยวได้ชมและระลึกถึงความยื่งใหญ่ของมหาบุรุษคู่แผ่นดินจีนท่านนี้

ล่องเรือชมทะเลสาบ เที่ยวเมืองโบราณพันปี พิชิตยอดเขาบู้ตึ้ง

กำลังสนุกสนานกับเรื่องราวมากมายในประวัติศาสตร์ที่เมืองอูฮั่นและเซียงหยางอย่างเพลิดเพลิน บ่ายๆ เราเลยแวะไปนั่งเรือเล่นกันที่ ทะเลสาบไทจี๋ (Tai Chi Lake Upstream) ตั้งอยู่เมืองเสียงฝาน เมืองโบราณทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูเป่ย ซึ่งที่นี่มีเรือให้บริการนั่งชมวิวทะเลสาบที่แสนกว้างใหญ่ ธรรมชาติสวยๆ เติมพลังก่อนออกเดินทางต่อไปพิชิตยอดเขาบู้ตึ้งในวันถัดไป

หลังจากนั่งเรือเสร็จ เราวางแผนไปกันเที่ยวรอบตัวเมืองเสียงฝาง โดยตั้งใจว่าเราไปชม yu xu palace  หรือพระราชวังต้องห้ามในอดีต ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนี้นั่นเอง ด้านในแห่งออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน ปัจจุบันชั้นในเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปสักการะขอพรได้

หลังจากพักผ่อนกันเต็มที่แล้ว เราก็เตรียมฟิตร่างกายไปพิชิต เขาบู๊ตึ๊ง (Wudang Mountain) ที่คนไทยที่เคยดูหนังจีน หรืออ่านนวนิยายจีนกำลังภายในคงรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งสำนักบู้ตึ้งตามประวัติศาสตร์จีนแล้ว เป็นจุดต้นกำเนิดของปรัชญาคำสอนของลัทธิเต๋าและยังเป็นที่กำเนิดของวิชากังฟูฉบับบู๊ตึ๊งอีกด้วย

มีเรื่องเล่าสืบมาว่า "ปรมาจารย์เจินอู่" หรือ "เสวียนอู่" ได้มาบำเพ็ญตบะจนกระทั่งสำเร็จเป็นเซียนหรือเทพบนยอดเขาแห่งนี้ เขาบู๊ตึ๊งจึงได้กลายมาเป็นแหล่งศึกษาวิชาความรู้ต่างๆ ของนักพรตลัทธิเต๋ามาหลายยุคหลายสมัย และยังเป็นที่กำเนิดของวิชากังฟูฉบับบู๊ตึ๊งอีกด้วย

ปัจจุบันสถานที่นี้ยังเป็นสำนักเรียนของลัทธิเต๋า ยังมีนักพรตผู้ฝึกตนและผู้สนใจเข้ามาหาความรู้อยู่ไม่ขาดสาย

เขตโบราณสถานบนเขาบู๊ตึ๊งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 321 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ โดยยอดเขาแห่งนี้มีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ถ้าหากเรามองจากข้างล่าง เราจะเห็นยอดเขาบนเขาบู้ตึ้งพากันหันไปในทิศทางเดียวหันหมด

เมื่อนั่งรถขึ้นไปได้สักพัก นักท่องเที่ยวจะต้องนั่งกระเช้าต่อไปขึ้นไปบนยอดเขาเทียนจู้  ที่เปรียบเหมือนขุนเขาสัญลักษณ์ของเขาบู๊ตึ้ง และเดินบันไดสูงชันค่อยๆ ขึ้นไปยังวิหารทอง

บันไดสูงชันมาก แต่นักท่องเที่ยวก็ไม่ย่อท้อ

มีเรื่องเล่ากันว่า วิหารทอง เป็นวิหารใหญ่แห่งศาสนาลัทธิเต๋า สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1416 ในรัชสมัยหย่งเล่อฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิง มีความสูง 5.5 เมตร กว้าง 5.8 เมตร ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปสำริดของเทพเจ้าเสวียนอู่ (องค์ต้นกำเนิดตั่วเหล่าเอี๊ย)

เชื่อกันว่า เมื่อได้มีโอกาสมากราบนมัสการ ณ วิหารแห่งนี้ จะนำพาความโชคดีและโชคลาภมาสู่ตนเอง

เรียนมวยไทเก็ก

นอกจากนี้ภายในโบราณยังมีวัดและสวยมากมายให้ชม เช่น ตำหนักจวนหวิน วังจี่อเซียวกงหรือวังเมฆสีม่วง วังหนานเหยียน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา เป็นต้น  อีกทั้งในบางพื้นที่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวมาเรียนวิชามวยไทเก็กอีกด้วย

การเดินทางมาเยือนเมืองอูฮั่น ประเทศจีนในครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์สนุกๆ อีกครั้งในชีวิต ที่ได้มีโอกาสออกมาเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์นอกตำรา เพราะนอกจากเราจะเคยแค่อ่านและดูจากทีวีหรือภาพยนต์แล้ว การได้มาเห็นเรื่องราวต่างๆ ในอดีตผ่านสายตัวเอง ก็ยิ่งทำให้เข้าใจมีความเข้าใจมากขึ้น

แถมการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ทุกวันนี้ใช้งบในการเดินทางไปเยอะ ก็ยิ่งเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการท่องเที่ยวและพักผ่อนด้วยตัวเอง หรือถ้าใครไม่ชอบวางแผนการเดินทางแบบไปคนเดียว ก็สามารถติดต่อบริษัททัวร์หลายแห่งที่เปิดทริปแบบนี้ได้

ออกเดินทางกันเถอะครับ แล้วคุณจะรู้ว่าโลกกว้างมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมาย เพื่อนๆ สามารถรวจสอบตารางเที่ยวบินและโปรโมชั่นไปเที่ยวอู่ฮั่นได้ที่:  www.airasia.com  

ขอขอบคุณ: สายการบินแอร์เชีย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook