ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาลุยสวนทุเรียนเมืองลับแล อร่อยที่สุดในโลก

ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาลุยสวนทุเรียนเมืองลับแล อร่อยที่สุดในโลก

ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาลุยสวนทุเรียนเมืองลับแล อร่อยที่สุดในโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เช้าวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลได้นัดหมายกับ ทนายสายธารและคุณบุญช่วย เจ้าของสวนทุเรียนวันดี เมืองลับแล เพื่อขอเข้าชมสวนทุเรียนหลงและหลินลับแล ซึ่งเป็นทุเรียนที่อร่อยที่สุดในโลก

ถ้าพูดถึงเฉพาะรสชาติ หลินลับแลจะอร่อยกว่าหลงลับแล เพราะเนื้อเนียนและรสชาติกลมกล่อมกว่าหลงลับแล แต่หลินลับแลราคาแพงกว่าหลงลับแล หาทานได้ยาก เพราะติดผลยาก บางปีอาจจะไม่ติดลูกเลย เนื้อน้อย เปลือกหนามาก ชาวสวนเมืองลับแลจึงนิยมปลูกหลงลับแลมากกว่าหลินลับแล เพราะติดผลและการดูแลรักษาง่ายกว่าหลินลับแลมาก อย่างไรก็ตามรสชาติของทุเรียนทั้งหลงลับแลและหลินลับแล จะมีรสชาติอร่อยกว่าทุเรียนพันธุ์อื่นๆ จึงนับเป็นทุเรียนที่อร่อยที่สุดในโลก

สวนทุเรียนวันดีอยู่ที่ผามูบ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกทุเรียนที่ดีที่สุดของเมืองลับแล อุตรดิตถ์ ระหว่างทางเข้าเมืองอุตรดิตถ์ ก็ให้มองหาป้ายทางไปเมืองลับแล เมื่อถึงเมืองลับแลก็ให้ขับรถตามป้ายน้ำตกแม่พูล ก่อนถึงน้ำตกแม่พูลประมาณ 3-4 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาขึ้นเขาไปผามูบไปยังสวนทุเรียนวันดี  ทางแยกเข้าผามูบจะอยู่ก่อนถึงตลาดหัวดงประมาณ 300-400 เมตร ทางเข้าสวนวันดีจะมีป้าย จุดท่องเที่ยวเชิงเกษตร สวนทุเรียนหลงลับแล ของกรมส่งเสริมการเกษตร พิกัด GPS N17.76637 E099.98084

ทนายสายธาร เจ้าของสวนได้มายืนรอที่ปากทางเข้า

ระหว่างทางเดินเข้าสวนวันดี จะผ่านสวนทุเรียนหมอนทอง เราเด็ดมะไฟทานระหว่างทาง รสชาติหวานอมเปรี้ยว อร่อยดี นอกจากนี้ก็ยังมี มังคุดและลองกอง ลองกองของเมืองลับแลจะมีรสชาติอร่อยและแปลกกว่าที่อื่น เพราะนำเอากิ่งลองกองจากทางใต้มาทาบกับต้นลางสาดพื้นเมือง ทำให้ต้นแข็งแรง รสชาติหวานอร่อย ลองกองของเมืองลับแลจึงมักเรียกกันว่า ลางกอง คือ ลางสาดผสมกับลองกอง ต้นมะไฟ

เดินไป คุยไป ชมวิวระหว่างทางไป ในที่สุดเราก็เดินมาถึงสวนวันดี เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ปลูกทุเรียนหมอนทอง หลงลับแล หลินลับแล มังคุด มะไฟ และลองกอง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นทุเรียนหลงลับแล ทนายสายธารไม่ได้พักที่นี่แต่มีบ้านพักอยู่เชิงเขาใกล้ตลาดหัวดง บนนี้วิวสวยและอากาศดีมาก  ทนายสายธารชวนให้มาพักที่นี่ในช่วงหน้าหนาว บอกว่าอากาศหนาว วิวสวยมาก มีหมอกลอยเต็มไปหมด

หลังจากนั่งพัก ดื่มน้ำแล้ว ทนายสายธารก็พาเดินลงเขาไปชมสวนสวนทุเรียนหลงลับแล

ระหว่างทาง คนงานก็จะตัดทุเรียนหลงลับแลกองไว้ระหว่างทาง เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าที่สั่งจองไว้

คนงานต้องปีนขึ้นไปเก็บทุเรียนมาครั้งละลูก โดยปีนขึ้นไปแล้วเด็ดใส่กระชอนไม้ไผ่ยาวๆ แล้วส่งลงมาข้างล่าง ปีที่แล้วใช้วิธีโยนจากบนต้นลงมา โดยคนที่รออยู่ด้านล่างจะใช้กระสอบคอยรับลูกทุเรียนที่โยนลงมาจากบนต้นไม้ แต่วิธีนี้ทำให้ทุเรียนช้ำ ปีนี้เลยใช้วิธีใช้กระชอนไม้ไผ่ยาวๆ ส่งลูกทุเรียนลงมา (ค่าแรงคนขึ้นไปเก็บทุเรียนอย่างต่ำวันละ 500 บาท)

ชาวสวนจะผูกเชือกโยงกิ่งทุเรียนให้มั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งหักจากน้ำหนักของลูกทุเรียน และแรงลมพัด

หลังจากชมต้นทุเรียนหลงลับแลแล้ว ทนายสายธารก็เดินนำลงไปยังหุบเขาด้านล่างที่ปลูกทุเรียนหลินลับแล ที่ต้องปลูกไว้ด้านล่างก็เพราะต้นหลินลับแลชอบอากาศชื้นและเย็น หุบเขาด้านล่างจะมีลำธารน้ำและอากาศเย็นกว่าด้านบน

วิวระหว่างทางเดินลงไปชมทุเรียนหลินลับแลที่ปลูกอยู่หุบเขาด้านล่าง

ในที่สุดเราก็เดินลงมาถึงหุบเขาด้านล่าง เจอทุเรียนหลินลับแล

ทนายสายธารต้องปีนขึ้นไปเด็ดลูกทุเรียนหลินลับแลบางลูกที่ลีบไม่มีเนื้อทุเรียนทิ้ง เพื่อให้ลูกทุเรียนที่เหลือเม็ดใหญ่ สมบูรณ์

หลังจากนั้นเราก็เดินขึ้นเขาไปยังที่พัก ระหว่างทางเจอต้นมังคุด เลยเด็ดมาทานแก้หิวน้ำ

มังคุดที่นี่เนื้อขาว อร่อยทุกลูก

มาถึงที่พักด้านบน ทนายสายธารก็ติดป้ายชื่อสวนบนลูกทุเรียนที่เราสั่งไว้ เตรียมใส่รถมอเตอร์ไซค์ เพื่อขนไปยังที่เราจอดรถไว้ริมถนนด้านนอก คุณบุญช่วยภรรยาทนายสายธารได้แนะนำวิธีดูว่าทุเรียนอ่อนหรือแก่อย่างง่ายๆ โดยให้ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง จับโคน (ไม่ใช่ปลาย) ก้านทุเรียน แล้วลองแกว่งดู ถ้าเป็นทุเรียนอ่อน ก้านทุเรียนจะอ่อนไหวและโยกไปมา แต่ถ้าเป็นทุเรียนแก่โคนก้านทุเรียนจะแข็ง ไม่โยกไปมาเวลาเราแกว่งลูกทุเรียน หลังจากนั้นก็ให้ดูปลายหนามทุเรียน ถ้าทุเรียนแก่ปลายหนามทุเรียนจะมีสีน้ำตาล และร่องระหว่างหนามจะยุบและมีสีน้ำตาล ถ้าหนามทุเรียนและร่องระหว่างหนามไม่ยุบยังเต่งตึงและไม่เป็นสีน้ำตาลแสดงว่าทุเรียนยังไม่แก่

ทุเรียนที่เราสั่งซื้อติดป้ายชื่อสวนเรียบร้อย ที่นี่ขายทุเรียนหลงลับแลเกรด A ราคากิโลกรัมละ 250 บาท แต่ที่ตลาดอ.ต.ก กรุงเทพฯ ขายกิโลกรัมละ 600 บาท ส่วนทุเรียนหลินลับแลที่สวนวันดีขายกิโลกรัมละ 350 บาท แต่ที่ตลาด อ.ต.ก.ขายกิโลกรัมละ 1,200 บาท ราคาต่างกันเป็นอย่างมาก

วิวจากที่พักสวนวันดี

ขนทุเรียนที่เราสั่งไว้ไปยังที่จอดรถด้านนอก

ทางเดินกลับไปยังที่จอดรถ ด้านซ้ายเป็นเหวลึก

ออกจากสวนวันดี เราก็ขับรถไปที่ตลาดหัวดง พิกัด N17.70118 E100.01680 ตลาดหัวดงนับเป็นตลาดผลไม้ขายส่งและปลีก ใหญ่ที่สุดในอุตรดิตถ์ ช่วงนี้ผลไม้ส่วนใหญ่ก็เป็นทุเรียน มีทั้งทุเรียนพื้นบ้าน หมอนทอง หลงลับแล หลินลับแล ที่นี่ขายสินค้าคุณภาพดี ราคายุติธรรมเพราะชาวสวนมาขายเอง ที่อื่นๆ โดยเฉพาะที่ขายอยู่ตามริมถนนข้างทางไปลำปาง ที่นักท่องเที่ยวชอบแวะซื้อ จะเป็นทุเรียนเกรด B ราคาแพง ถ้ามีเวลาและอยากทานทุเรียนคุณภาพดี ราคายุติธรรมก็ให้ไปซื้อที่ตลาดหัวดง เมืองลับแล

พ่อค้ากำลังลำเลียงทุเรียนหมอนทองเมืองลับแลไปขายที่ระยอง ตอนนี้พ่อค้าจีนมากวาดซื้อทุเรียนหมอนทองจากระยองไปขายที่ประเทศจีนจนเกือบหมด พ่อค้าระยองบางคนก็มาซื้อทุเรียนหมอนลับแลราคาถูก (กก.ละ 30-50 บาท) ไปขายที่ระยองราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท

ตลาดหัวดง นักท่องเที่ยวไม่มากเพราะไม่ใช่วันหยุด

ทุเรียนพื้นบ้านขายเป็นกอง กองละ 8-12 ลูก ราคากองละ 200-250 บาท รสชาติดีคล้ายหลงลับแล แต่เนื้อสีขาวไม่น่าทานเลยไม่เป็นที่นิยม

ชาวสวนนำทุเรียนจากสวนมาขายที่ตลาดหัวดง

ออกจากตลาดหัวดง เราก็ขับรถต่อไปอีก 3-4 กิโลเมตร เพื่อไปเที่ยวน้ำตกแม่พูล

น้ำตกช่วงต้นฝน น้ำยังไม่มาก ถ้าเป็นช่วงปลายฝน น้ำจะมากและสวยกว่านี้

จากน้ำตกแม่พูล เราก็ขับรถเพื่อกลับที่พัก ระหว่างทางผ่านร้านเฮือนลับแล เลยแวะนั่งทานกาแฟ

ร้านสวย บรรยากาศดีเยี่ยม

เราเลือกที่จะทานกาแฟด้านนอก เป็นสวนร่มรื่นติดริมน้ำ

หลังจากนั้นเราก็กลับที่พัก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook