"Cesky krumlov" เมืองมรดกโลกสุดน่ารัก สวยดั่งเทพนิยาย

"Cesky krumlov" เมืองมรดกโลกสุดน่ารัก สวยดั่งเทพนิยาย

"Cesky krumlov" เมืองมรดกโลกสุดน่ารัก สวยดั่งเทพนิยาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักเมืองน่ารักๆ ที่มีทั้งความโรแมนติก สีสันบ้านเรือนที่น่ารักสดใสมาก จนเสมือนว่าเรากำลังหลุดเข้าไปเที่ยวเล่นในเทพนิยายกันเลยค่ะ ซึ่งเมืองนี้ก็คือเมือง "Cesky krumlov" (เชสกีกรุมลอฟ) ซึ่งตั้งอยู่ในสาธารณเช็ก โดยทริปน่ารักๆครั้งนี้เราจะไปตามรอยของคุณ fishincan  แห่งห้อง Blue Planet จาก Pantip ที่จะเป็นผู้นำทางในทริปนี้กันค่ะ


แฟนผมที่กำลังท้องได้หกเดือนนิดๆ  วันนึงเธอบ่นๆว่า "ถ้าคลอดแล้วคงไม่ได้ไปไหนอีกนาน" เอ้า!! ถ้างั้นก็ไปซักหน่อยละกัน ไปเมืองที่เงียบๆ น่ารักๆ ซักเมืองนึง หาบ้านหลังเล็กๆ อยู่กัน ผมบอกแฟน เราใช้เวลาหาไม่นาน แล้ว Krumlov ก็โผล่มาให้เราใฝ่ฝัน 

คำนวณความเป็นไปได้แล้วคิดว่าน่าจะไปได้ ทริปนี้เราเตรียมตัวกันก่อนบินไม่เกินสิบวันขอวีซ่าเจ็ดวัน แล้วซื้อตั๋วเครื่องบินก่อนวันไปแค่สามวัน นี่เป็นทริปยุโรปครั้งแรกในชีวิต และเป็นครั้งแรกในชีวิตเหมือนกันที่จะพาคนท้องใหญ่ๆ ไปไกลๆ กันแค่สองคน 

ยินดีต้อนรับสู่ Krumlov เมืองที่สุดแสนโรแมนติกครับ 

จาก PRAHA เรานั่งรถมาไม่นานมาถึงเที่ยงๆ ลงผิดป้ายมาลงด้านหลังปราสาท งง เลย เห็นแต่กำแพงด้านหลังปราสาทผมต้องรับหน้าที่วิ่งสำรวจรอบบริเวณ และให้แฟนยืนรอเฉยๆ พอเจอทางเข้าแล้วก็วิ่งกลับมาบอกแฟนลากกระเป๋าเข้าไปในเมืองกัน วินาทีแรกที่ได้เห็น มันเหมือนกับ "กำลังเดินเข้าเมืองในเทพนิยาย

เสียงล้อกระเป๋าลากดังแกรกๆสนั่นไปทั่วบริเวณ ยิ่งพื้นเป็นหินด้วยยิ่งดังเข้าไปใหญ่ เราเช่าห้องไว้ห้องนึงจาก  อโกด้า ดูจากรูปในเว๊บแล้วน่าสนใจไม่น้อย เพราะห้องที่ว่านั้น ใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าๆทั้งนั้น เราเดินตามแผนที่จนมาเจอ Guest House ที่เราเช่าไว้ ที่ประตูทางเข้านั้น มีป้ายติดไว้ว่าเป็นภาษาอังกฤษว่า "มาถึงแล้ว โทรมาได้ที่เบอร์ xxxxxxx " ผมได้แต่อุทานในใจว่า "เอ้ยแล้วจะเอาโทรศัพท์ที่ใหนโทรละเนี่ย" แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับว่า "เอ้ย..... บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่เลยหรือเนี่ย" 

ผมขอร้านอาหารข้างๆให้เค้าโทรบอกเจ้าของ Guest house  ไว้ ว่าเราได้มาถึงแล้ว ในขณะเดียวกันผมก็ปลอบใจภรรยาว่า" สงสัยตอนกลางวันคนออกไปเที่ยวหมดละมั้ง " เพราะเราสองต่างก็รู้กันดีว่า เราปอดแหกกันยิ่งกว่าอะไรดี รออยู่เกือบชั่วโมง เจ้าของบ้านก็มาเปิดให้ เราขนสัมภาระเข้าไปในบ้าน เจ้าของบ้านเป็นป้าผู้หญิง ท่าทางใจดี พูดอังกฤษตะกุกตะกัก ถามเราว่าอยู่สามวันใช่มั้ย เราบอกว่าใช่ แล้วป้าก็บอกว่า " ยูสองคนน่ะ อยู่กันอะโลนเลยนะ สามวันนี้ไม่มีคนอื่น " ในขณะวินาทีที่กำลังตะลึงงันอยู่นั้น ป้าก็บอกอีกว่า " เต็มที่เลย ทำตัวตามสบาย ไม่มีใคร จะมีแค่คนเอาอาหารเช้ามาวางไว้ให้ "  รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันที

เมื่อป้าบ๊ายบายเดินจากไป ทิ้งไว้แต่ความเงียบงัน สิ่งแรกที่ผมต้องทำเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวของเรา คือ เดินสำรวจบ้านสามชั้นนี้ให้ทั่ว ว่ามีใครแอบอยู่หรือเปล่า ภรรยาให้กำลังใจอยู่ชั้นล่างตรงประตูทางออกส่วนตัวผมนั้น ในมือกำมือถือเปิดเพลง "เรือเล็กควรออกจากฝั่ง" ไว้แน่น 

ขึ้นมาชั้นสอง ชั้นนี้มีสองห้องนอน กับหนึ่งห้องน้ำ และห้องครัวทุกห้องเปิดประตูแง้มๆไว้นิดหน่อยไม่ปิดสนิทให้มีช่องว่างแห่งความท้าทายช่องว่างที่ทำให้เราอยากรู้อยากเห็น และกระวนกระวายใจ หากไม่ได้เปิดออกดู กว่าจะเปิดประตูแต่ละห้องได้ ใจเต้นตุบตับ ถ้าเป็นหนังก็คงอารมณ์เหมือนคนดูจะรู้ว่าเปิดไปต้องเจอแน่ อย่าเปิดนะ แต่พระเอกก็ยังเปิดเข้าไปเหมือนไม่ได้ยินเสียงคนดูจะตะโกนห้าม

เปิดเข้าไปแต่ละห้องก็ดูดีทั้งนั้น ของเก่าที่ใช้ ดูด้วยตาไม่ต้องสำรวจอะไรมากมายก็พอจะรู้ว่าเก่าจริงแน่ๆ โต๊ะเก้าอี้ต่างๆลวดลายสวยแปลกตา ดูสวยและน่ากลัวไปพร้อมกันแต่ที่อดจะกลัวไม่ได้จริงๆคือ ทำไม เตียงถึงได้มีรูปคนติดอยู่ด้วย รูปคนติดเตียงแบบนี้ จะให้คิดเป็นอื่นได้อย่างไร นอกเสียจากรูปเจ้าของแน่นอน จะติดทำไม ไม่เข้าใจ กลัวใครจะมาแย่งหรอกลัวใครจะมาแย่งหรอๆๆๆ แย่แล้ว ถ้าเค้ากลัวใครจะมาแย่งจริงๆ สงสัยคนๆนั้นคงเป็นเรา คืนนี้อาจจะต้องนอนพื้น 

หลังจากสำรวจชั้นสองครบทุกห้อง ก็มาถึงห้องครัว ที่ปลายสุดห้องครัวมีประตูเล็กๆบานนึง เปิดดูเป็นบันไดแคบๆพอดีตัว มืดๆ ปลายบันไดมีเก้าอี้ตัวใหญ่ตั้งประจันหน้าอยู่ เป็นทางสู่ห้องใต้หลังคา ผมหันหลังเดินออกมาไม่คิดจะเดินขึ้นไป แต่เหมือนใจมันรบเร้า นั่นไง อารมณ์พระเอกหนังผีเลย รู้ว่าต้องเจอ แต่ก็ยังอยากรู้ ฝืนใจเดินขึ้นไป ไอโฟนในมือถูกเร่งเสียงจนสุด พร้อมกับก้าวแรกช้าๆ 

ชั้นใต้หลังคานี้รู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้ รีบๆ เปิดดูทีละห้องแล้วก็รีบวิ่งลงมา ก่อนลงบันได หันเก้าอี้ตรงบันไดไปทางอื่นด้วย เผื่อมีคนอื่นมาจะได้ไม่กลัว โดยรวมแล้วบ้านหลังนี้ใช้ได้เลย สวยจริง กับราคาคืนละ สองพันกว่าบาท คุ้มเลย 

เรานอนห้องล่างสุดติดทางออก คิดว่าห้องนี้ล่ะปลอดภัยสุดละ จัดที่จัดทางเรียบร้อย ก็จัดการล็อคประตูออกไปเดินเล่นกันซักหน่อย กุญแจบ้านก็ดอกเบ้อเริ่มเทิ่ม ถ้าหายไม่รู้จะไปหาทำคืนให้ที่ไหน 

จากหน้าบ้านเดินออกมาก็เป็นทางเข้าปราสาท Krumlov พอดี เราค่อยๆเดินขึ้นไปบนปราสาท ฝนตกปรอยๆ วันนั้นไม่ค่อยมีคนเดินขึ้นไปสูงพอสมควร คนท้องไม่เหนื่อย แต่คนแบกกล้องแบกนู่นแบกนี่ให้คนท้องนี่เหนื่อย ระหว่างเดินเข้าไปปราสาทช่วงตึกแรกๆ จะไม่เห็นวิวอะไรเลย

จนกระทั่งเดินไปจนสุดตรงนู้นในภาพล่างนี้ที่เห็นเป็นทางเดินตรงปลายๆนั่นแหละ ที่เป็นจุดที่คนถ่ายรูปกันเต็มไปหมด เพราะเป็นจุดที่จะได้เห็นทั้งเมือง

และแล้วก็มาถึงจุดนี้จนได้ ถ่ายพาโนรามาซะหนึ่งรูป 

ยืนถ่ายรูปนี้อยู่ครึ่งชั่วโมง ท่ามกลางฝนตกปรอยๆ อากาศหนาวเย็นๆ ภรรยายืนบ่นหนาวๆ อยู่ไม่ไกล ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน 5555 มันโรแมนติกตรงไหนเนี่ยยย ถ่ายเสร็จ เดินขึ้นไปด้านบนปราสาท จะมีทางเดินเล็กๆ ไม่รู้ไปไหน หน้าที่ผมคือวิ่งไปดูก่อนว่าไปได้มั้ย แล้วค่อยวิ่งกลับมาบอกว่าได้ไม่ได้แฟนจะได้ไม่ต้องเดินให้เมื่อย เห็นมั้ยๆ พระเอกสุดๆ ผมก็วิ่งไปตามทางเล็กๆ มันพาอ้อมมาลงอีกด้านนึงของเมือง ไม่ว่าจะด้านไหน มุมไหน ก็สวยทุกมุมจริงๆ 

แล้วก็ย้อนเข้าไปเดินเล่นในเมือง พอตกเวลาซักทุ่มนึง ก็ไม่ค่อยมีคนแล้ว เงียบเชียบ แต่ที่นี่พระอาทิตย์ตกประมาณสามทุ่มกว่าๆ เกือบสี่ทุ่ม เจอร้านรองเท้าบาจา ไม่ต้องตกใจ บาจา ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยอนุบาลนั้น จริงๆแล้ว มันเป็นยี่ห้อร้องเท้าที่มีจุดต้นกำเนิดมาจากประเทศนี้ 

แหม ตอนแรกก็ดีใจ นึกว่าแบรนด์ไทยดังไกลถึงเมืองนอก ดีนะไม่ได้พูดให้ใครฟัง 

เดินมานานเริ่มหิว หาร้านกินข้าวเย็นกันเดินผ่านร้านนึกในตรอกแคบๆ มีคนนั่งกินขาหมูเยอรมันอยู่ ใช่เลย ขอลองซักหน่อย นั่งลงปุ๊บ พนักงานเสิร์ฟมาปั๊บ สั่งเลยด้วยความมั่นใจ "พอร์ค เลคคคคค " พนักงานสะดุ้งเฮือกกกกกกก ถามกลับ "พอร์ค เลคคคคค" ลากท้ายเสียงสูงปรีด เอาละ เรารู้ละต้องมีอะไรผิดแน่ จูงมือพนักงานไปที่เตาบอกเอาแบบนี้ พนักงานบอก "พอร์ค นี " เออ นั่นแหละ เอาเนี่ยแหละ บอกพนักงานไป มันยังหัวเราะอยู่ไม่หยุดภรรยาบอกขอเถอะอย่าเล่าเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ เดี๋ยวมีคนพลาดเหมือนเรา 5555 

มาเสริฟ์พร้อมกับมัสตาดและก็ผักไรอีกนิดหน่อย กินกะเบียร์ดำ อร่อยมาก ไม่แพงด้วย จำได้คล้ายๆว่า ประมาณ 450 พอๆกับเมืองไทยบางร้านนี่แหละ เบียร์แก้วละประมาณ 50 บาท อร่อยชิล กินเสร็จเดินออกมา พระอาทิตย์พึ่งตกไปไม่นาน เดินกลับบ้านพักทำไมเมืองที่พลุกพล่านสุดๆตอนกลางวัน พอค่ำๆ มันเงียบเชียบเหลือเกิน ที่ใหนได้ จริงๆแล้วเวลามันปาไปสี่ทุ่มกว่าแล้ว เงียบมาก แต่ยังมีอารมณ์หยุดถ่ายรูปได้อยู่ 

กลับถึงบ้านพักเกือบเที่ยงคืน โห บ้านนี่ตอนกลางวันว่าน่ากลัวแล้วนะตอนกลางคืนนี่ยิ่งกว่า เข้าห้องเปิดฮีตเตอร์ ดีนะเอาลำโพงเล็กติดตัวมาได้ มีไว้เพื่อทำลายความวังเวงโดยเฉพาะเปิดดังเต็มที่ เพราะสำรวจแล้ว รอบๆข้างไม่มีบ้านไหนมีคนอยู่เลย เหมือนจะเป็นร้านที่มีคนมาเปิดตอนกลางวัน แต่พอเย็นก็ปิดร้านไปอยู่ที่อื่นกันหมด เหลือกันสองคน ในบ้านหลังใหญ่ นอนตัวติดกันทั้งคืน จะเอาหมอนข้างมากั้นกลางยังไม่ได้ อย่าว่าแต่หมอนข้างเลย จะนอนตะแคงหันหน้าออกยังไม่กล้าเล้ยยยยยย หลับยาวไปถึงเช้า ตื่นมาสบาย ไม่เจออะไร แปลว่า "ผ่าน" ตามสัญชาติญาณ ถ้าคืนแรกไม่มีอะไร ก็จะไม่กลัวละ วันนี้เช้าออกมาเดินเล่นคนเดียวแฟนบอกเดินจนเท้าบวมขอพักหน่อย ผมถามว่าอยู่คนเดียวไม่กลัวหรอ แฟนบอกสบายมาก ไปเถอะ ผมเดินออกจากบ้านมาได้ไม่กี่ก้าว เสียงเพลงก็ลั่นดังจากในบ้านจะทะลุออกมานอกบ้าน 

เช้านี้เดินเล่นๆรอบเมืองเริ่มจากริมแม่น้ำก่อน บรรยากาศดีมากๆ เลยตอนเช้า สดชื่น 

จากนั้นก็เดินมาที่จุดชมวิว ที่เห็นปราสาททั้งหลัง รีบไปแต่เช้า เพราะถ้าสายคนจะเยอะมาก 

ตั้งใจว่า เดี๋ยวคืนนี้จะกลับมาเก็บตรงนี้ตอนกลางคืน เสร็จแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปบนปราสาทเพื่อเก็บภาพมุมสูงอีกนิดหน่อย วิ่งกันทั่วเมืองเลยทีเดียว 

วันที่สองนี่ได้ขึ้นไปบนหอคอยปราสาท เสียค่าขึ้นไปไม่แพงมาก แต่ขึ้นบ่อยๆ ก็มีหมดตัวได้ ต้องเลือกช่วงเวลาดีดี พอเห็นฟ้าใสๆ ปุ๊บรีบวิ่งขึ้นเลย เก็บรูปรอบเมืองได้เป็นอย่างดี 

วันนี้บ่ายฝนตกกลับมาพักผ่อนที่บ้านนอนเล่น สบายใจละ ได้ถ่ายเยอะละ เหลือรอเก็บคืนนี้อย่างเดียว นอนยาวเลย จะได้มีเรี่ยวแรงตอนกลางคืน 

คืนสุดท้าย มานั่งเล่นดูปราสาทที่นี่ จุดที่เล็งไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า ซื้อเบียร์มานั่งกินไปพลาง อากาศเย็นๆกำลังสบายไม่หนาวเกินไป

นั่งจับมือกัน ดูปราสาท ได้แต่คิดว่าจะได้กลับมาอีกมั้ยหนอคราวหน้าพาลูกมา ก็คงไม่สงบแบบนี้หรอก นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่จะได้เที่ยวกันสองคนแบบนี้ เป็นอารมณ์โรแมนติกผสมปลงๆ เลยออกมาปะแล่มๆ แต่กระนั้น เชื่อมั้ยว่า การที่ได้มาอยู่เมืองแบบนี้ ในบ้านหลังใหญ่กันสองคนมันก็ทำให้ความรักที่จางๆ หลังจากอยู่ด้วยกันมาสิบปี  ทำให้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกครั้งได้ 

Krumlov ขอบคุณนะ ที่ทำให้ชั้นอายุ 14 อีกครั้ง 

ปล. เหลือรูปที่ ปราก อีกเยอะมาก ยังไม่มีเวลาทำ ลูกออกมาสามเดือนละ พึ่งจะมีเวลาได้ว่างทำ Review รูปทั้งหมดถ่ายด้วย fuji x pro1

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ ของ "Cesky krumlov" เมืองมรดกโลกสุดน่ารัก สวยดั่งเทพนิยาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook