"เชียงคาน" .. เวลายังคงเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความสุข

"เชียงคาน" .. เวลายังคงเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความสุข

"เชียงคาน" .. เวลายังคงเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความสุข
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เนื้อหาจาก: https://www.facebook.com/thesixthfloorgallery

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้พอมีเวลา เลยขอมาปัดฝุ่นอัพบล็อคสักนิดครับกับรีวิวไปสัมผัสตัวตนของเชียงคาน เมืองเล็กๆ ริมฝั่งโขง หลายท่านอาจจะเคยได้รับชมในบอร์ด Blueplanet ไปบ้างแล้วส สำหรับท่านที่ชอบผลงานของ Life&Travel และเล่น Facebookสามารถเข้าไปกด Like ที่ http://www.facebook.com/pages/Thesixthfloor-gallery/210639142304196 เพื่อรับข่าวสารการเคลื่อนไหวของ Life & Travel รวมทั้งเรื่องน่าสนใจ ของแวดวงการท่องเที่ยวและการพักผ่อน ตามคอนเซ็ป Stay with Style : Recommended by The SixthFloor ได้ครับ พร้อมแล้วเฃิญรับชมได้เลยครับ


เคยถามตัวเองอยู่หลายครั้ง ...ถ้ามีเวลาเพียงแค่ 2 วัน 1 คืน กับจุดหมายปลายทางใดๆ สักแห่ง จะเพียงพอรึไม่ ? กับการได้สัมผัสและตอบคำถามข้างในลึกๆ ...ว่าปลายทางที่เราเลือกนี้ พอจะมีอะไรมัดใจให้เรากลับมาเยือนอีกครั้งได้ไหม ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรไปไกลกว่านั้น...รถบัส VIP ของ บริษัทขนส่ง ค่อยๆจอดอย่างช้าๆ พนักงานเดินขึ้นมาพร้อมกับประกาศให้ผู้โดยสารทราบว่า รถได้หมดระยะแล้ว ... เช้าตรู่วันนี้.. ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ผมมาถึง "เชียงคาน" แล้ว เป็นเช้าที่ยังงัวเงียและเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการเดินทาง โดยปกติรถทัวร์จะออกเดินทางช่วงค่ำๆ และเดินทางถึงเชียงคานในเช้าตรู่ เป็นเมืองท่องเที่ยวในหลายๆเมือง ที่เดินทางมาง่ายเหลือเกินไม่ต้องต่อรถอะไรให้ยุ่งยาก เพราะรถทัวร์จะมาจอดในตลาด อ.เชียงคานเลย ผมลงจากรถและมองดูซ้ายขวา ... เชียงคานดูท่าจะยังไม่ตื่นจากภวังค์เท่าไหร่ บ้านเมืองเงียบ สงบ ตลาดก็ยังไม่คึกคัก มีเพียงคุณลุงที่ขับรถสามล้อมาเทียบเคียงพร้อมถามว่า "หนุ่มๆ มีที่พักหรือยัง ... ถ้ายังไม่มีจะพาไปให้ " สำหรับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ผมอาจจะเบือนหน้าหนี เพราะเบื่อกับการตามตื้อ...แต่วันนี้แปลกไป ...เพราะคำถามนี้มาด้วยรอยยิ้ม ...เอ.....หรือคำถามในใจจะได้คำตอบเร็วกว่าที่คิด

เรือนแรมลูกไม้ คือ ที่พักของผมในคืนนี้...ผมเคยได้เห็นที่นี่จากหลายๆ สื่อทั้งทีวีและหนังสือ ความคลาสสิคของตัวอาคารที่อดีตเคยเป็นบ้านคหบดีเก่า เชื้อเชิญให้ผมตกลงปลงใจเลือกที่นี่ได้ไม่ยาก ถ้าตัดเอาความคลาสสิคของรูปแบบไป ผมยังไม่ค่อยประทับใจกับที่นี่เท่าไหร่นัก หลายอย่างดูเก่า และค่อนข้างฝุ่นเยอะ ในตอนที่ผมเข้าไปพักเล่นเอาจามไปหลายที แต่บ่นในใจไปก็เท่านั้น กับราคาสบายกระเป๋า ออกไปหาอะไรกินตอนเช้าดีกว่า  เชียงคานเป็นอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดเลย หลายคนบอกว่าชุมชนแห่งนี้มีเสน่ห์หลายอย่าง ที่กำลังเป็นที่ถูกอกถูกใจคนเมืองและนักท่องเที่ยว หลายคนรักเชียงคานเพราะผู้คนที่นี่น่ารักและเป็นมิตร เมื่อได้มาเยือนสักครั้ง มาแล้วรู้สึกว่ามีญาติเพิ่มขึ้นในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้ หลายคนยังบอกอีกว่า...ความเป็นกันเองของผู้คนในเชียงคานนี้ พร้อมจะต้อนรับแขกมากหน้าหลายตาที่เวียนผลัดกันมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสายเสมอ แหม...หลายคนบอกกล่าวถึงเมืองนี้เอาไว้ซะสวยหรูเช่นนั้นเหลือเกิน ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาหาโอกาสที่จะมาใช้เวลาในเมืองเล็กๆแห่งนี้ ที่เค้าว่ากันว่า สุข สงบ และร่ำรวยไปด้วยมิตรภาพ แล้วเราจะสัมผัสบางสิ่ง ที่เชียงคานได้อย่างที่ตั้งคำถามไว้รึไหมหนอ ?

เชียงคานเล็กกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ถนนเส้นหลัก เส้นริมโขงความยาวสัก 200-300 เมตรที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินกันยามเย็น ดูจะเป็นมุมที่คึกคักและจอแจเป็นที่สุดแล้ว ไม่รู้เชื่อกันมั้ย แค่ 2 วัน 1 คืน ผมเดินไปกลับบนถนนเส้นนี้ไม่ต่ำกว่า 6 รอบ แต่พูดก็พูดน่ะ ถ้าคนเยอะๆ ผมว่าไม่น่าเดินเป็นอย่างยิ่ง ช่วงกลางคืนวันเสาร์ คนจะเยอะมาก เยอะจนผมเอียน ต้องหลบไปเดินเล่น ถนนด้านหลังที่เป็นทางจักรยานดีกว่า ชิลล์กว่าเยอะ สำหรับเชียงคาน ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ การไปไหนมาไหนด้วยจักรยาน ดูจะคล่องตัวและสบายไม่น้อย ที่พักบางแห่งมีบริการให้ฟรีด้วย ถ้าไม่มีก็เดินหาเช่าได้ หรือให้สบายกว่านั้น จะขับมอเตอร์ไซด์ก็ไม่ว่ากัน ยังพอได้อยู่ ใครขับแข็งก็ยังสามารถขับไปเที่ยวที่ภูทอกได้เลยด้วยซ้ำ แต่อย่าซิ่งมากละ คนส่วนใหญ่บนถนนริมโขงนี้เค้าเดินเท้ากัน เช่นเดียวกับผม....ที่เลือกเดินเพื่อสัมผัสเชียงคาน อาจจะถึงจุดหมายปลายทางช้ากว่าแบบอื่น แต่ซึมซับกับบรรยากาศได้ดีกว่าเยอะ เยอะจนอาจจะมองเชียงคานต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไป ที่มาเพียงเพื่อถ่ายรูปกับป้าย กับตู้ไปรษณีย์แล้วก็จากไป พร้อมกับไปบอกใครสักคนต่อว่า... เชียงคานไม่เห็นมีอะไรเลย

เชียงคานมีถนนเล็กๆ ด้านหลังริมน้ำโขงยาวรวม 1 กิโลเมตร  เป็นอีกหนึ่งมุมช่วงเวลายามเย็นที่หลายคนเลือก อาจจะด้วยเพราะบรรยากาศสบายๆพลาง ชมสายน้ำในแม่น้ำโขง ที่ค่อยไหลเอื่อย ซึ่งเป็นสิ่งที่คงหาไม่ได้ในเมืองใหญ่ที่เร่งรีบกระมังไม่ว่าจะยามเช้า หรือยามเย็น สายน้ำนี้ก็เหมือนห้องครัวขนาดใหญ่ ที่ใครหลายคนต้องฝากท้องเอาไว้ ในบางทีก็เป็นเหมือนห้องทำงานที่แสนกว้างสุดลูกหูลูกตา ราวกับเป็นห้องทำงานของซีอีโอบรรษัทมหาชนข้ามชาติ เพียงแต่นี่....คงไม่ใช่บริษัทที่วัดความสำเร็จด้วยตัวเลขผลประกอบการ ที่เชียงคานมีความกลมกลืนของคนท้องถิ่นที่อาศัยมาตั้งแต่ยุคปู่ ย่า ตา ยาย กับ "ผู้มาอยู่ใหม่" ที่ลงหลักปักฐานที่นี่ ถ้าได้ลองพูดคุยกับเจ้าของร้านขายของ หรือเจ้าของที่พักหลายแห่ง ส่วนใหญ่ก็เป็นเหมือนอีกใครหลายคนที่ "เคย" เป็นนักท่องเที่ยวที่แวะมาเยือนเชียงคาน แล้ว"หลงรัก"จนยอมเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นชาวเชียงคานเต็มตัวไปเลย

ความลงตัวในจุดที่พอดี ของ "ธุรกิจ" และ "วิถีชุมชน" ก็ยังเป็นข้อกังขาครับ พูดมันก็พูดกันได้ จะหว่านล้อมให้ดูสวยหรูยังไงก็ทำได้ หลายคนบอกว่าพ่อค้าเหมือนพวกตั๊กแตนที่แห่กันมากอบโกย เข้ามาทำให้เชียงคานเปลี่ยนไป บางทีความบิดเบี้ยว และคำถามก็ยังออกมาให้เห็น ถ้าได้ลองสังเกตและคิดเยอะๆ  ผมใช้เวลาทั้งวันเดินไปมาบนถนนเส้นนี้ พูดคุยกับผู้คนทั้งคนท้องถิ่นและผู้มาใหม่ทั้งหลาย ที่นี่มีทั้งความฝัน ... เรื่องราว ... และแรงบันดาลใจน้อยๆ พอได้สัมผัส "มีโอกาส ลองมาอยู่ที่นี่ดูสิ ...มาอยู่สักพักแล้วมาลองทำงาน มาสร้างผลงานกัน..." เสียงนุ่มๆ แต่สัมผัสได้ในความมุ่งมั่นของชายคนนี้บอกกับผม ภายในห้องเล็กๆ ที่ถูกกั้นแบ่งจากแฟรี่ เกสเฮาส์บนถนนริมโขง ถูกใช้เป็นเหมือนแกเลอรี่เล็กๆ ที่เอาไว้แสดงผลงานและความแหลมคมทางความคิด จนบางคราก็ไปไกลถึงอิสระทางจินตนาการ ของชายคนนี้ คนผ่านไปมาอาจจะต้องสะดุดตาของห้องเล็กสีขาวแสนสวย และอดไม่ได้ที่จะต้องแวะเข้ามาชม มาซื้อของติดไม้ติดมือที่วางขายอยู่ เขามาอยู่ที่นี่ได้หลายเดือนแล้ว มาเพื่อทำงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เป็นการทำงานเขียนกวีอยู่ชิ้นนึง เป็นแนวเขียนสไตล์ Canto ที่เขาชื่นชอบ ในแต่ละวรรคไม่กำหนดจำนวนพยางค์ ลักษณะเด่นของแคนโต้คือใช้คำน้อย แต่ให้ความหมายลึกซึ้ง คล้ายโคลงไฮกุของญี่ปุ่น)

บางทีเมืองเล็กๆแห่งนี้ก็เหมาะกับการได้นั่งคิด นั่งเขียนผลงาน สร้างผลงานคุณภาพที่ไม่ถูกจำกัดไว้ด้วยกรอบ การ "ปลดล็อค" จากกรอบ สำคัญมาก.... สำหรับการสร้างสรรค์สิ่งใดๆ เกือบหนึ่งชั่วโมงของบทสนทนาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกอิ่มใจไม่น้อย เป็นความสุขเล็กๆที่ผมได้อยู่ใกล้กับคนที่มี "ความฝัน" เราไม่รู้หรอกว่าหนทางกว่าจะถึงฝันต้องแลกด้วยอะไร หรือต้องผ่านอะไรไปบ้าง คนที่กำลังวิ่งตามความฝันมักจะมีพลังบางอย่างที่กระจายตัวอยู่รอบ ผมสัมผัสได้ และถึงแม้จะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการจะไปถึงความฝันของบุคคลที่ผมสนทนาด้วย ผมก็มีความสุขไม่น้อยแล้ว เราจากกันด้วย Canto สั้นๆ ที่ทิ้งท้าย ให้ผมต้องคิดต่อและอดยิ้มตามไม่ได้ "ท่ามกลางลานน้ำพุ ปลาตัวน้อย ลอยไปหาก้อนเมฆ" ต่อให้โลกจะพัฒนาตัวเองให้ก้าวไกล เทคโนโลยีจะพัฒนาไปสักแค่ไหน ศิลปะและวัฒนธรรมของท้องถิ่นก็เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องอนุรักษ์เอาไว้ ของบางสิ่งไร้ค่าและถูกเมินในสายตาของใครบางคน  แต่ในสายตาอีกหลายคนก็เป็นสิ่งล้ำค่าและรักมันอย่างไม่มีข้อแม้


"ชาวไทดำ" เป็นพื้นเมืองที่อพยพมาจากลาว  ปัจจุบันตั้งรกรากอยู่ที่บ้านนาป่าหนาด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเชียงคานมากนัก ผลิตภัณฑ์จำพวกงานทอผ้า ของประดับสวยงามตามศิลปะของชนไทดำชุมชนเล็กๆแห่งนี้ ถูกส่งต่อมาจำหน่ายใน "ร้านสองผัวเมีย" ที่นี่เป็นทั้งมุมขายของที่ระลึกและเกสเฮาส์ในตัว มองเผินๆอาจจะเป็นเพียงร้านที่คอยดักขายของที่ระลึกแก่คนผ่านไปมา แต่เมื่อได้นั่งฟังความเป็นมาและเจตนารมณ์ในการช่วยต่อลมหายใจและจิตวิญญาณของคนไทดำ ผมกลับพบว่าแม้ร้านนี้จะขนาดเล็ก แต่หัวจิตจิตใจของเจ้าของไม่เล็กเลย "จุ่มยายพัด" ร้านอาหารที่อยู่เคียงข้างชาวเชียงคานมากว่า 70 ปี โดยมีรุ่นบุกเบิกเป็นคุณยายอ้วน ในชื่อเมนู "ลงสรง" จากรุ่นสู่รุ่นส่งต่อสูตรอาหารจานเด็ดมาจนในชื่อปัจุบันคือ จุ่มนัว  เรียกง่ายๆ ว่า จุ่มยายพัด ถามใครในเชียงคานก็รู้จักกันหมด สมัยก่อนขายเป็นเพิงรถเข็นอยู่ริมโขง ตอนนี้ย้ายมาเป็นตึกแถวอยู่บนถนนศรีเชียงคาน ซอย 10 ไม่ได้มีแค่จุ่มนัว ยายพัดยังมีข้าวเปียกเส้น และขนมจีนน้ำยา ให้เราๆ ท่านๆ ได้ลิ้มลองในความอร่อยด้วย นอกจากนี้อาหารที่ควรจะลิ้มลองเมื่อมาเชียงคานก็เช่น ข้าวปุ่นน้ำแจ่ว เมนูนี้กินตอนเช้าน่ะ สายแก่ๆหน่อยระวังจะหมด ไม่บอกว่าร้านไหนอร่อย ไปถึงแล้วลองไปถามคนพื้นที่แล้วไปลองกินดูเลยครับ

จากวิกหนังเร่ วิกลิเก โรงละคร มาเป็นพัฒนาภาพยนตร์ และเปลี่ยนชื่อมาเป็น "สุวรรณรามา" โรงหนังหนึ่งเดียวในเชียงคานตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2515 จนถึงปัจจุบันกว่า 40 ปี แม้ตอนนี้เหลือเพียงความทรงจำในอดีตที่หอมหวาน.... แต่กลิ่นอายและเรื่องราวที่ผ่านมาก็ยังพอให้เราได้สัมผัสอยู่บ้าง สมัยรุ่งเรือง คนฝั่งลาวก็ยังข้ามแม่น้ำโขงมาดูกันเลยทีเดียวน่ะ นี่เป็นเพียงแค่ "มุมชีวิต" บางส่วนเท่านั้น สำหรับ เชียงคาน เมืองมันเล็กมากขนาดนี้... บ่อยครั้งผมไม่ค่อยอยากทำรีวิวสถานที่ใดๆ ให้มันละเอียดนัก เอาแค่หอมปากหอมคอ จุดหมายสำคัญคือขอเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่เห็นแล้ว อยากออกไปเที่ยวกันมากกว่า  เชียงคานมาง่ายมาก นั่งรถทัวร์นี่มาจอดถึงตลาดเลยน่ะ คิดได้เช่นนี้แล้วก็ไม่รู้จะรีวิวให้เห็นไปทำไมทุกซอกทุกมุม อยากให้มาเอง มาสัมผัส มาทักทาย มาพูดคุยกับคนที่นี่ สำหรับเชียงคาน ไม่เห็นจะต้องรู้หมดก่อนจะไปเลยว่าที่นี่มีร้านอะไรดัง มีร้านอะไรที่ไม่ควรพลาด บางทีชีวิตพลาดอะไรที่ใครๆก็เจอ .. แล้วได้ไปสัมผัสกับอะไรใหม่ๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำมากกว่า

ผู้คนที่นี่น่ารักนะ มาถามกันซึ่งๆ หน้าไปเลยครับ "คุณป้าครับ เย็นนี้ผมไปกินข้าวที่ไหนดีครับ"ปู่ย่า ยาย คุณลุง คุณน้า เค้าพร้อมจะยิ้มให้และบอกคุณแทบจะทุกเรื่องเลยละ ขอเพียงคุณเริ่มลองกล้าเปิดตัวเอง สัมผัสวิถีชุมชน ในพื้นที่ใหม่ๆที่คุณกำลังเดินเข้าไป คุณยายท่านนี้ยังชูสองนิ้วคอนเฟิร์มมาเลยว่า หนูๆ มาแล้วต้องกลับมาเป็นครั้งที่สองแน่จ้ะ... ล้อเล่นนะครับ....คุณยายชูสองนิ้ว หมายถึงเวลา 2 ชั่วโมงที่คุณยายใช้ในการเย็บผ้านวม 1 ผืน ผ้านวมเป็นสินค้าดังอย่างหนึ่งของร้านนิยมไทย นักเดินทางท่านใดอยากซื้อกลับบ้าน แนะนำให้เดินไปสั่งก่อนแล้ววันกลับค่อยแวะไปเอาก็ได้ครับเป็นครั้งแรกของผมกับเชียงคาน มาแบบไม่ได้คาดหวัง...ไม่ได้วางแผนอะไรทั้งสิ้น ถ่ายรูปก็ไปแบบเรื่อยๆ ไม่ซีเรียส เดินเรื่อยเปื่อย ถ่ายง่ายๆ คิดง่ายๆ ชีวิตการเดินทางก็ง่ายขึ้นเยอะ 

วันเสาร์และอาทิตย์ดูท่าเชียงคานจะครึกคริ้นเป็นพิเศษตั้งแต่เช้ามืด...กิจกรรมตักบาตรข้าวเหนียวยามเช้า เป็นอีกช่วงเวลาที่ใครหลายคนสนใจ และอยากลองสัมผัส จริงๆแล้วผมได้คุยกับคนพื้นที่ เค้าบอกว่า ถ้าให้ถูกประเพณีปฏิบัติจริงๆ เราจะใส่บาตรเพียงแค่ข้าวเหนียวเท่านั้น ส่วนกับข้าวเราจะต้องตามไปถวายที่วัดต่อ แต่หลังๆ ด้วยกลายเป็นอีกหนึ่งจุดขายของที่เชียงคาน นักท่องเที่ยวนิยม ทำให้เริ่มมีการเอากับข้าวใส่บาตรไปพร้อมกันเลย หรือพวกขนมเวเฟอร์ เห็นแล้วรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สำหรับท่านที่เตรียมจะถ่ายรูปช่วงนี้ ก็ฝากให้ระมัดระวังกิริยาต่างๆรวมทั้ง เรื่องการจะไปรบกวนการเดินบิณฑบาตของพระท่านด้วย ไม่ใช่ว่าสักแต่จะเอารูปสวยๆ มุมเทพๆ แต่ในสายตาคนอื่นมองมันจะไม่งามเอาน่ะ

สำหรับผม อาศัยไปนั่งตรงสุดปลายของกลุ่มคนตักบาตรเลยครับ อย่างน้อยยังพอมีเวลาก่อนพระท่านจะเดินมาถึงตรงด้านหน้าพอได้เก็บรูปมาได้บ้าง ยังไม่ทันจะได้เดินเที่ยวเล่นในตอนสายได้สักเท่าไหร่ ฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำแก่เชียงคาน หลายครั้งที่รู้สึกว่าการเที่ยวหน้าฝน ดีตรงความชุ่มชื้น เขียวขจี แต่ถ้าให้ฝนตกตลอดทั้งวัน ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราต้องเซ็งและนั่งคุดคู้อยู่แต่ในห้อง มองในแง่ดี คิดด้านบวก ....การได้นั่งเฉยๆ ดูฝนตก บางทีก็ช่วยทำให้ได้อยู่กับตัวเองเยอะกว่าที่เคยครับ ในเวลาปกติที่ต้องเร่งรีบอยู่ในเมืองใหญ่...บางทีการมาเที่ยวเลยได้เอาใจตัวเองด้วยการใช้ชีวิตช้าๆ ดูบ้าง ไม่ต้องแข่งกับใคร ไม่ต้องมีเงื่อนไขในชีวิตเยอะมันก็สบายดีไปอีกแบบน่ะ แต่รสนิยมการเที่ยวแบบนี้มันก็บังคับกันไม่ได้ บางคนชอบจะตะลุยไปทุกที เก็บทุกจุดที่เค้าให้แวะ ต้องกินร้านที่เค้าว่ากันว่าดังให้ครบ ต้องมีรูปในทุกจุดที่โฆษณา ก็ห้ามกันไม่ได้ ... ทางใคร ทางมัน แฮบปี้กับชีวิตแบบไหนก็ตามนั้นดีกว่า หวังว่ากระทู้นี้พอจะจุดไฟท่องเที่ยวให้ใครบางคนได้บ้าง มาแล้วลองสั่งอะไรกินอร่อยๆ ดู  มาแล้วมาเดินเล่นริมโขง ยามเย็น หรือจะเช้าตรู่อากาศดีๆ  มาแล้วลองพูดคุยกับคนที่นี่ อย่าอ้างว่าเชียงคานไกลแล้วไม่มีเวลาพอ

เอาจริงๆ ถึงใกล้กว่านี้ถ้าหัวใจไม่ผลักดันก็ไม่ยอมไปไหนกันหรอก เชื่อเถอะ เชียงคาน ออกเดินทางศุกร์เย็น วันอาทิตย์กลับมายังทันน่ะ ดูต้นไม้บางชนิดที่ไม่ต้องดูแลมาก ตายยาก  ยังต้องมีบางเวลาที่หันไปรับแดดเพื่อเติมเต็มพลังชีวิต ออกไปรับพลังใจก้อนใหญ่ๆ จากความสุข ความสงบและมิตรภาพดีๆ สักนิด กลับถึงบ้านจะได้มีแรงออกไปต่อสู้กับสังคมเมืองอีกครั้ง 2 วัน 1 คืน อาจจะดูสั้น และเร็วเกินไป แต่กระนั้น คำถามที่ผมคาใจก่อนจะมาถึงเชียงคานก็พอจะมีคำตอบให้เห็นได้ชัดขึ้น สำหรับผม ...ความสุขมีอยู่จริง และหาได้ที่เชียงคาน รถทัวร์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหน้าตลาดอีกครั้ง ลาก่อนเชียงคาน... ลากันวันนี้เพื่อจะได้รอเวลาที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง 

ขอบคุณข้อมูลจาก: https://www.facebook.com/thesixthfloorgallery

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

อัพเดตสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น เกาะล้าน เชียงใหม่ สวนผึ้ง หัวหิน เกาะเสม็ด

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ ของ "เชียงคาน" .. เวลายังคงเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือความสุข

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook