วันเดียว เที่ยวเกาะแสม เกาะล้าน

วันเดียว เที่ยวเกาะแสม เกาะล้าน

วันเดียว เที่ยวเกาะแสม เกาะล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เฮ้ย! อยากไปทะเล" คำพูดง่ายๆ แต่น้ำเสียงจริงจังของเพื่อนซี้ ที่กล่าวออกมาในเช้าวันเสาร์ แบบปนอารมณ์บังคับ ได้ทำให้เราคิดหนักเรื่องต้องจัดทัวร์สนองนีดให้เดอะแก๊งค์ แต่งวดนี้ จะไปซ่าที่ทะเลไหนดี ที่ใกล้ สวย และประหยัด??? ในที่สุด คำตอบของอาการอยากไปทะเลแบบกระชั้นชิด ก็มาออกกันที่ "เกาะล้าน" เกาะใกล้ๆ ที่อยู่ในพัทยา เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวต่างชาติและคนไทย

เช้าวันอาทิตย์แก็งค์ชีพจรลงเท้าได้รวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในเวลา 6 โมงเช้านิดๆ จากนั่นทุกคนจึงเดินย้ำต๊อกไปกันต่อที่วิกตอรีย์ พอยต์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของรถตู้หลากบริษัท ที่มีเส้นทางการเดินรถจากเมืองหลวงไปยังเกาะล้าน

สำหรับรถเที่ยวแรกของวันจะออกเดินทางในเวลา 7 โมงเช้า ซึ่งแน่นอนว่า แก็งค์เราเรียงคิวซื้อตั๋วกันถ้วนหน้า ในราคาที่นั่งละ 97 บาทขาดตัว เมื่อโดดเข้าที่นั่งแล้วหันซ้ายแลขวาเพียงไม่กี่ครั้ง พี่พลขับก็ตะโกนถามว่า "มีใครแวะลงที่ไหนไหมครับ"

เงียบ...(ไม่มีเสียงตอบรับจากนักเดินทาง)


"ถ้าไม่มีปลายทางคือเกาะล้านเลยนะครับ" เมื่อสิ้นเสียงคนขับ ล้อของรถตู้สีขาวที่ทั้งเย็น สะอาด ปลอดภัย และกว้างขวาง ก็เริ่มหมุน เพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะล้าน็เริ่ม็ โดยตลอดการเดินทางหมอกค่อนข้างหนาจัด จนอดคิดไม่ได้ว่า เป็นเพราะเราไม่ค่อยได้ตื่นเช้า หรืออากาศที่แปรปรวนของเมืองหลวง หมอกถึงได้หนาเช่นนี้

ตลอดระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร รถตู้ของใช้เวลาในการเดินทางราว 1 ชั่วโมงกว่าๆ โดยไม่ทันจะได้หลับตาก็มาถึงท่าเรือของแหลมบาลีฮาย ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่รอซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยังเกาะล้าน แล้วเราก็เนียนเดินไปซื้อตั๋วกับเขาด้วย งานนี้ โดนกันไปคนละ 150 บาท ทั้งขาไปและกลับ ซึ่งมารู้เอาตอนจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วว่า ยังมีเรือข้ามฟากที่คนไทยนิยมไปในราคาเพียง 30 บาท เท่านั้น

การซื้อตั๋วแบบ 150 บาทนี้ คุณจะต้องเลือกให้ดีว่าจะลงที่หาดใด โดยพวกเราเลือกลงหาดที่ไกลที่สุด นั่นก็คือ หาดแสม ผู้ที่ลงหาดนี้จะได้รับสติ๊กเกอร์สีส้มสะท้อนแสงมาแปะไว้ที่เสื้อ ส่วนสติ๊กเกอร์สีเขียวป้ายแรก ต้องลงที่หาดทองหลาว และสติ๊กเกอร์สีแดงลงหาดตาแหวน

สำหรับการไปลงรือจะมีด้วยกัน 3 วิธี หนึ่งคือ เดินชิลๆ ไปตามสะพาน มองฟ้ามองน้ำไปเรื่อย วิธีที่สองคือนั่งสองแถวฟรีติ๊ดชึ่งกันไปแป๊ปเดียวถึงที่ ส่วนวิธีสุดท้ายคือ ไปกับวิน (มอเตอร์ไซค์) ที่ราคารอบละ 25 บาท


ก่อนจะเดินลงเรือขอบอกว่า การทำตัวให้ดูดีมีชาติตระกูล จะทำให้คุณได้เสียสตางค์กับของที่ระลึกน่ารักๆ เพราะกลุ่มผู้ทำมาหากินริมท่าเรือจะถือกล้องถ่ายรูปนักท่องเที่ยว แล้วนำภาพไปทำเป็นนาฬิกา ซึ่งเมื่อกลับมาจากเกาะ ก็คงได้ควักเงินซื้อกันแน่แท้

เมื่อมาถึงเรือ จุดที่ไม่ควรนั่งอย่างแรงคือบริเวณ "ท้ายเรือ" ที่เราได้ไปเผชิญหน้ากับประสบการณ์สยองเรียบร้อยแล้ว หากนั่งจุดดังกล่าว คุณจะต้องโดนควันเรือเหม็นๆ ตีเข้าหน้า แถมยังต้องเจอกับเทศกาลปล่อยเต่าของชาวต่างชาติ ที่กรุ่นๆ ตลบอบอวลตลอดระยะทาง แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะเมื่อหันไปดูเรือที่จอดอยู่ด้านหลัง ก็อาจต้องอุทานออกมาดังๆ ว่า "แม่เจ้า! ขอแลกตั๋วคืนได้ไหม" เพราะเรือไฮโซ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ต้องจ่ายหัวละเท่าไร แต่มองดูแล้วมันน่านั่งมากก..ก เนื่องจากเก้าอีกเป็นเตียงชายหาด ที่ผู้โดยสารจะได้นอนเอกเขนกชมวิวแบบไม่ต้องเบียดเสียด แถมท้ายเรือของแกยังเด็ดสะระตี่ ตรงที่บันไดไม่ต้องใช้ เพียงลื่นลงสไลเดอร์ลงน้ำได้เลย (แหม...งวดหน้าเห็นที่ว่า ต้องไปโดน)

ลอยคออยู่บนเรือ 2 ชั้น เป็นเวลากว่า 30 นาที ผู้โดยสารทุกท่านก็ต้องลงไปต่อเรือลำเล็ก เพื่อไปหาดแสม ซึ่งเมื่อมาถึง จะมีหนุ่มๆ บีชบอยคอยถือธงส้ม พาเหล่านักท่องเที่ยวไปจับจองเตียงชายหาด แล้วนั่นก็ทำเอาเสียเงินไปอีกคนละ 50 บาท แต่ถ้าคุณเป็นผู้มีอันจะกิน แล้วต้องการเตียงใกล้ชิดกับชายหาด จะต้องจ่ายเพิ่มอีกหัวละ 50 บาท เพื่อให้น้ำซัดขาตียง

หลังจากได้ที่ทางแล้ว ก็มาถึงการสำรวจเกาะ ซึ่งการไปไหนมาไหนบนเกาะนี้ คุณสามารถเลือกที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซค์ในราคาวันละ 250-400 บาท เช่าจักยานปั่นชั่วโมงละ 100 บาท (อันนี้ไม่แนะนำ เพราะอาจตะคริวกินน่อง เนื่องจากทางส่วนใหญ่เป็นเขาชัน) หรือจะไปมาแบบชิลๆ ด้วยการโบกรถสองแถวในราคาย่อมเยาก็ได้


ส่วนคำว่า "หน้าบ้าน" จะเป็นอีกหนึ่งคำที่คุณควรทำความคุ้นเคยให้ดี เพราะเมื่อมาเหยีบเกาะล้าน แล้วถามคนท้องถิ่นว่า ร้านขายยาไปทางไหน พวกเขาจะตอบว่า หน้าบ้านเลย (หน้าบ้านใครหรอ) และเมื่อถามอีกว่า เซเว่นอยู่ที่ไหน คำตอบที่ได้ก็ยังคงเป็น หน้าบ้าน ซึ่งหน้าบ้านที่เขาพูดถึงนี้ ก็คือเป็นท่าเรือที่ชื่อว่าหน้าบ้าน ซึ่งบริเวณที่ว่า จะคับคั่งไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยวและร้านรวงแบบชิคๆ ที่มีทั้งร้านถ่ายรูปราคาประหยัด ร้านขายกาแฟรสชาติกลมกล่อม และร้านขายโปสการ์ดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

เมื่อเดินชิลแถว หน้าบ้านจนหนำใจ ก็ถึงเวลาที่จะกลับไปเล่นน้ำ ณ หาดแสม ระหว่างทางจะมีจุดชมวิวเล็กๆ ซึ่งพี่คนขับรถบอกกับพวกเราว่า "สวยครับ เห็นพัทยาจากมุมสูงๆ ไกลๆ ได้อารมณ์ดี พอนักท่องเที่ยวกลับกันหมด ที่เกาะล้านจะเงียบสงบ เราอยู่กันแบบชาวบ้าน ไม่ค่อยมีแสงสี จะคึกคักก็เฉพาะเพียงตอนกลางวัน" พอได้ยินแบบนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกอยากมานอนค้างที่เกาะแห่งนี้จริงๆ ถ้าได้เห็นพัทยาแบบมากแสงสี ในขณะที่เราได้นอนฟังเสียงจิ้งหรีด คงเป็นอีกประสบการณ์ที่ดี

กลับมายังหาดแสม ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งหาดบนเกาะล้าน ที่มีน้ำใสสะอาด ใสแจ๋วถึงขั้นที่สามารถว่ายน้ำเล่นกับปลาเล็กปลาน้อยได้เลย ส่วนเรื่องขอชายงหาดก็ไม่น้อยหน้าเกาะทางใต้ เพราะเม็ดทรายขาวละเอียด แต่อาจมีหินก้อนเล็กๆ เป็นกระจุกบ้างบางที่

น้ำของเกาะล้านค่อนข้างขึ้นเร็วมาก ประมาณ 4 โมงเย็น น้ำก็เริ่มซัดมาถึงแถวแรกของเตียงชายหาดแล้ว และที่สำคัญการเล่นน้ำช่วงบ่ายแก่ๆ จะสนุกกว่าเล่นในตอนเช้า เพราะจะมีคลื่นแรง วัยโจ๋คงได้กระโดดเหนือเกลียวคลื่นกันมันหยดติ๋ง

หากได้เล่นน้ำกันไปเพลิน เชื่อเถอะว่าสิ่งหนึ่งที่ต้องมีโผล่มาในหัวสมองของคนไทยคือคำถามที่ว่า "นี่เราอยู่ประเทศไหนหว่า ใช่ไมอามี่รึเปล่าเนี่ย?" ซึ่งเหตุผลที่ต้องคิดแบบนี้ ก็เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ดังนั้น คุณอาจต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษ แบบฝึกให้คล่องก่อนมาว่า "Sorry" เผื่อว่าเผลอเดินไปเตะทรายเข้าหน้าฝรั่งที่นอนผึ่งมะพร้าวกันอยู่

ส่วนแฟชั่นเด็ดที่คุณผู้หญิงไม่ควรพลาดหากมาเยือนเกาะล้านก็คือ บิกินี่ ขอบอกเลยว่า อย่าเขิน เพราะคนที่นี่เขาใส่กันแทบทุกคน และไอ้พวกส้นสูงหรือผ้าใบสุดหรู ถอดเก็บไว้ซะที่บ้าน เนื่องจากเราต้องลุยน้ำลงทั้งขาไปและกลับ


หลังจากเล่นน้ำจนเหนื่อย ก็มาพักผ่อนหาของทะเลสดๆ กินกันริมหาด ซึ่งราคาค่าอาหารซีฟู้ดที่นี่ก็ไม่แพงอย่างที่คิด กุ้งเป็นกุ้ง ปูเป็นปู ตัวโตๆ มีให้ซัดกันแบบอิ่มเกินคาด แถมผู้บริการก็ใจดีสุดๆ เพราะถ้าต้มยำไม่ร้อน เขาก็จะนำไปอุ่นให้ แถมยังเติมน้ำให้อีกต่างหาก คิดดูแล้วกันว่า บริการประทับใจขนาดไหน

นอกจากอาหารการกินแล้ว บรรดาคอแอลกอฮอล์บนเกาะนี้ก็ย่อมเยา ซึ่งเครื่องดื่มเย็นๆ ที่เราขอแนะนำว่า คุณต้องจัดมาซักหนึ่ง คือ เจ้าค็อกเทลที่อยู่ในลูกสับประรด ให้รสชาติหวานนิดเปรี้ยวหน่อย จิบหลังขึ้นจากน้ำ ให้ความสดชื่นกำลังดี การดื่มด่ำกับธรรมชาติ ที่ความเจริญเข้าถึง แต่คนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวยังสามารถคงความงามนั้นให้ธรรมชาติได้สวยงามดังเดิม เป็นสิ่งที่สามารถหาได้จากเกาะล้าน ความงามที่อาจไม่ใช่ความงามแบบดิบๆ แต่สามารถผสมผสานกับความศิวิไลซ์ได้อย่างลงตัว จะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ใกล้ๆ ที่เราอยากชวนคุณมาสัมผัส น้ำทะเลใสแจ๋ว ชายหาดสีขาว และชาวบ้านผู้เป็นมิตร ไม่จำเป็นต้องออกไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียวถ้าอยากเจอ เพียงสองคำสั้นๆ "เกาะล้าน" กับหนึ่งวันที่มิอาจลืม


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook