Gyu-Gyu-Tei บางนา ไม่สุกมาก แต่สุขมาก

Gyu-Gyu-Tei บางนา ไม่สุกมาก แต่สุขมาก

Gyu-Gyu-Tei บางนา ไม่สุกมาก แต่สุขมาก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรื่องความชอบ มันเป็นเรื่องส่วนตัว ต่างคนต่างความคิด ต่างจิตใจ ต่างนิสัย จึงทำให้เกิดความชอบที่แตกต่างกันตามมา บางคนนำความชอบที่ว่ามาเป็นงานอดิเรกทำในเวลาว่างแก้เครียด บางคนถึงกับจริงจังนำความชอบมาเป็นงานประจำ ด้วยความคิดที่ว่า ถ้าเราทำในสิ่งที่เราชอบ เรามักจะทำออกมาได้ดีและจะมีความสุขไปกับมัน

ร้าน กิวกิวเต้บางนา

จากความชอบส่วนตัวนั่นเองที่ทำให้เกิด กิวกิวเต้ บางนา ที่นี่เป็นการร่วมหุ้นกับเจ้าของเดิมที่สาขารัชดาและทองหล่อ นำมาบริหารเองหมดทุกอย่าง ด้วยความคิดที่ว่าไว้ตอนต้น อยากทำงานอยู่ในความชอบเพื่อให้เกิดความสุข

การตกแต่ง ดีไซน์ออกมาในสไตล์ที่แตกต่างจากสาขาอื่น ที่นี่เน้นบรรยากาศ นั่งสบาย เพดานสูงโปร่ง เพื่อให้ผ่อนคลาย อีกทั้งยังออกแบบทางเดิน โดยไม่ให้ลูกค้ารบกวนกันเอง ด้วยการเดินเข้า-ออกทางเดียว เพื่อไม่ให้เป็นการเดินผ่านหลังระหว่างโต๊ะกันไปมา ด้วยพื้นที่ที่ไม่มากนัก จึงใช้กระจกบานใหญ่เข้ามาช่วยสะท้อนบรรยากาศในร้าน จนทำให้รู้สึกว่าร้านช่างดูกว้างใหญ่ไม่อึดอัด พร้อมเปิดเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ ให้รู้สึกเพลิดเพลินจำเริญใจในระหว่างปิ้งย่าง และถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ที่นี่มีห้องรับรองขนาดสิบกว่าท่าน ไว้สังสรรค์หรือคุยงานกันได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร

บรรยากาศภายในร้าน

ห้องรับรองขนาดสิบกว่าท่าน

เนื้อของที่นี่ เป็นเนื้อที่ถูกนำมาจากญี่ปุ่น โดยการคัดเลือกมาอย่างดีจากผู้ที่เป็นต้นกำเนิดของกิวกิวเต้ และเนื้อที่ถือเป็น Signature Dish ของทางร้าน เมื่อมาแล้วต้องสั่ง คือ กิวกิวเต้ ดับเบิ้ล จัดเรียงมาในรูปของดอกกุหลาบอย่างสวยงาม เนื้อชิ้นหนากำลังดีพอดีคำ มีเทคนิคในการทานเล็กน้อยให้อร่อยแบบสุดยอด ด้วยการพลิกเนื้อตอนย่างแค่ครั้งเดียว พอเราเอาเนื้อลงไปย่างให้คีบแง้มๆ ดู พอเห็นว่าเริ่มสุกและสังเกตที่ขอบว่ายังแดงอยู่ ให้พลิกทันที จากนั้นรอซักพัก ก็นำขึ้นมาทานได้เลย อย่าเพิ่งใจร้อนรีบเป่าหรือจิ้มน้ำจิ้ม ให้ลองทานเลย เนื้อนุ่มๆ ร้อนๆ หวานหอม และสำหรับคนที่ไม่ทานเนื้ออย่าเผลอได้ลอง คุณจะต้องยอมแพ้ให้กับเนื้อชิ้นนี้อย่างแน่นอน ที่แนะนำให้ลองทานแบบยังไม่ต้องจิ้ม เพราะอยากให้ได้ลิ้มรสแท้ๆ ของเนื้อเมื่อย่างเสร็จ และเทคนิคดังกล่าวนั้น เนื้อที่ได้จะสุกกำลังดีแต่ไม่ทั้งหมด เนื้อจะนุ่มและชุ่มปาก การย่างก็เช่นกันไม่แนะนำให้พลิกบ่อยเพราะจะทำให้เนื้อแห้งและกระด้างจนเกินไป แต่ถ้าชอบทานแบบสุกมาก สุกทุกส่วน ก็ไม่ว่าอะไร เพราะว่ามันคือความชอบของใครของมัน

กิวกิวเต้ ดับเบิ้ล จัดเรียงมาในรูปของดอกกุหลาบอย่างสวยงาม

แง้มดูหน่อยซิ...

เห็นชิ้นใหญ่ๆ ลายสวยๆ คือ สันคอหมูดำ เนื้อนุ่มมาก สำหรับนักทานจะรู้ดีว่าส่วนนี้มีความนุ่มมากแค่ไหน เอาใจคนไม่ทานเนื้อได้เป็นอย่างดี ไขมันที่แทรกตัวอยู่ตามเนื้อนั้น เป็นไขมันดี ทำไมถึงบอกเป็นของดี ก็เพราะจากการเลี้ยงดูอย่างดี กินดีอยู่ดี หมูมีความสุข อาหารที่ทานส่งผลต่อเนื้อที่ได้ ทานกันได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวคลอเรสเตอรอล

สันคอหมูดำ เนื้อนุ่มมาก

ยังอยู่กันที่เนื้อหมู เนื้อหมูที่นี่เป็นหมูปลอดสาร 100% ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีเนื้อจึงมีสี ขาวๆ ส้มๆ อมชมพูนิดๆ นี่คือหมูโทโร่ เนื้อนี้จะมีความเด้งกว่าเนื้อชนิดอื่นเล็กน้อย แต่ยังคงความนุ่มและชุ่มด้วยมันที่มากกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความหนึบและเคี้ยวเพลิน

หมูโทโร่ ของที่นี่เป็นหมูปลอดสาร 100%

ทานแต่เนื้อ แต่หมู ก็จะดูเลี่ยนเกินไป ขอข้าวผัดกระเทียมมาเบรคไว้ซักครู่ ข้าวญี่ปุ่นเม็ดโตเต็มคำ ผัดกับกระเทียมสุดหอม พร้อมโรยหน้าเพิ่มด้วยกระเทียมอีก ขอเตือนไว้ว่าเรามีเนื้ออีกหลายชนิด อย่าเพิ่งเพลินไปกับเม็ดข้าว เพราะด้วยเม็ดที่ใหญ่ทำให้อิ่มเร็ว ต้องค่อยๆ ทาน ข้าวคำเนื้อคำ แบบนี้สิที่ลงตัว

ข้าวผัดกระเทียม เม็ดโต เต็มคำ

ริบอาย เนื้อลายสวยไม่แพ้กัน พวกเนื้อสดๆ อยากให้ได้รสดี รสอร่อย ต้องจิ้มน้ำมะนาวเล็กน้อย มะนาวช่วยชูรสชาติและความหอมของเนื้อออกมาได้เป็นอย่างดี

ริบอาย ลายสวย ๆ

ที่นี่มีเมนูโดนๆ สำหรับคนชอบผัก คนไม่รักผักอย่าเพิ่งส่ายหน้าถ้ายังไม่ได้ลอง ซันจุกับสลัดกิวกิวเต้ เริ่มที่ซันจุกันก่อนดีกว่า ผักที่ใช้มีสองชนิด Butter Head กับแตงกวาญี่ปุ่น นำมาห่อไว้ด้วยกัน แล้วจิ้มน้ำจิ้มซันจุ เป็นความสุดยอดของญี่ปุ่นจริงๆ ที่เค้าเรียกว่าน้อยแต่มาก ของเพียงเท่านี้ มีทั้งความกรอบ ความสด เพิ่มรสด้วยน้ำจิ้มแสนอร่อย ไม่ได้มีสูตรตายตัวว่าต้องทานแบบนี้เสมอไป ใครอยากเอาเนื้อมาพันรวมด้วย ก็จะช่วยให้อร่อยได้ไปอีกแบบ

น้ำจิ้มรสเด็ด ซันจุ

สลัดกิวกิวเต้ ผักสดชนิดเดียวกัน แต่เปลี่ยนวิธีนำเสนอ ผักถูกหั่นให้เล็กลง เพื่อทานได้ง่าย ราดด้วยน้ำสลัดมันงาหอมมันสูตรพิเศษ ผักที่เห็นเป็นผักออร์แกนิก ปลอดสารแต่ไม่ปลอดความสวย ถ้าผักส่วนไหนไม่สวย ก็จะไม่นำมาใช้และทิ้งไป ทำธุรกิจแบบนี้ต้องใจเขาใจเรา ในมุมกลับกันถ้าเราไปทานที่อื่นแล้วเจอของไม่สวยไม่สด เราจะยอมจ่ายตังค์เพื่อซื้อทานมั้ย เป็นสิ่งที่เจ้าของร้านนี้ ใช้เป็นหลักในการให้บริการมาตลอด

ต่อกันด้วย สลัดกิวกิวเต้

และแล้วเราก็จะได้ลิ้มลองสุดยอดแห่งเนื้อ ที่ได้สมญานามว่า King of Beef เนื้อมัทซึซะกะ เนื้อที่เค้าบอกว่าถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี บางทีอาจดีกว่าเลี้ยงคนเด้วยซ้ำ ค่อยๆ ย่างอย่างเทคนิคที่บอก ค่อยๆ ทานเพื่อให้ได้สัมผัสทุกรส แต่เหมือนว่าจะไม่ค่อยได้เคี้ยวเท่าไหร่นัก เพราะเมื่อเข้าปากเคี้ยวได้ไม่กี่ที สุดยอดเนื้อก็ได้ละลายหายไปในปากอย่างไม่น่าเชื่อ

สุดยอดแห่งเนื้อ สมญานามว่า King of Beef เนื้อมัทซึซะกะ

ทางร้านยังมีเนื้อให้เลือกทานกันอีกมากมาย ตอนดูเมนูก็แอบสงสัยว่า เนื้อบางอย่างหน้าตาก็คล้ายกัน รสชาติ รสสัมผัส มันจะต่างกันจริงหรือ เหมือนสุภาษิตที่ว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ สิบมือคลำไม่เท่าทำเอง ต้องได้มาลองถึงจะได้รู้ว่ามันต่างกันจริงๆ อย่างเนื้อ คุโระเกะ วะกิว บางครั้งทานไปก็งงไป ว่าเนื้ออะไรเป็นอะไร แต่เมื่อได้ทานจะจำได้ทันที เพราะเนื้อแต่ละชนิด มันจะให้รสชาติ ความรู้สึก และสัมผัสที่ต่างกัน เนื้อตัวนี้จะมีมันแทรกเป็นลายหินอ่อน หรือ marbling มันที่ว่าเมื่อย่างจะช่วยให้เนื้อนั้นชุ่ม และนุ่มลิ้น พร้อมกับให้ความหวานของเนื้อกับกลิ่นหอมหวนในคราวเดียวกัน เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

คุโระเกะ วะกิว เนื้อตัวนี้จะมีมันแทรกเป็นลายหินอ่อน

ตั้งแต่มานั่งทาน จะรู้สึกแปลกและแตกต่างอะไรในบางอย่าง เมื่อนั่งสังเกตดีๆ ที่นี่จะไม่มีควันให้เห็น อย่างที่รู้ๆ กัน ปิ้งย่างจะมาพร้อมควันคลุ้งไปทั่ว จนทำให้มีกลิ่นติดตัว สอบถามได้ความว่า ทางร้านวางเครื่องดูดควันวางขนาบเตาไว้ถึงสองตัว และวางระบบท่อลมลงพื้นให้หมด จึงหมดความกังวลเรื่องนี้ได้ในทันที

มีเครื่องดูดควัน ขนาบเตาทั้ง 2 ข้าง ทำให้ไม่ได้กลิ่นติดตัว

ปิ้งย่างทั้งทีก็จะต้องขอกิมจิและสาหร่ายทะเลเย็นมาเป็นเครื่องเคียงซักหน่อย รสชาติอร่อยไม่น้อยหน้าเนื้อย่างเลย และจะยิ่งให้ดีต้องมีซุปมิโซะไว้ซดให้คล่องคอ พร้อมลุยต่อกับเนื้อต่างๆ

กิมจิและสาหร่ายทะเลเย็น

ซุปมิโซะไว้ซดให้คล่องคอ

อาหารสไตล์นี้เราอาจจะไม่ได้เห็นวาซาบิแน่นอน เพราะถ้านำมาจิ้มคงจะไม่เข้ากันนัก แต่ถ้าอยากทานหรือลูกค้าถามหา ทางร้านก็มีบริการในรูปแบบของ ไอศครีม? ใช่แล้ว!! ไอศครีมชาเขียววาซาบิ หอมนมผสมชาเขียวและวาซาบิบางๆ ถึงกับต้องยิ้มหวานให้ไอศครีมรสนี้ แปลกแต่ก็อร่อย มีที่ กิวกิวเต้บางนา ที่เดียวเท่านั้น

ปิดท้ายด้วยไอศครีมชาเขียววาซาบิ มีที่ กิวกิวเต้บางนา ที่เดียวเท่านั้น

เป็นการทานปิ้งย่าง ที่ไม่รู้จะอิ่มกันเมื่อไหร่ ถ้าถามเหตุผลว่าทำไมถึงยังไม่รู้สึกว่าอิ่มจนแน่น ทั้งๆ ทีเนื้อนั้นก็ชิ้นใหญ่ ให้เยอะและทานไปหลายจาน คำตอบที่ได้คงเป็นเพราะอะไรหลายๆ อย่าง จากการทานในรูปแบบของกิวกิวเต้ ค่อยๆ ทาน ค่อยๆ ย่างทีละชิ้น สุกน้อยสุกมาก ซึ่งแตกต่างจากการทานแบบเหมาหัวหรือบุฟเฟ่ต์ที่ต้องเน้นปริมาณ แข่งกับเวลา แต่อาจจะขาดเรื่องรสชาติไป ที่ยังไม่รู้สึกอิ่มจนทานไม่ไหวคงเป็นเพราะบรรยากาศในร้าน โล่ง โปร่ง สบายตา พร้อมเสียงเพลงเบาๆ ที่เราคุ้นหู จะเรียกว่าฟังสบายหู ดูสบายตาก็ว่าได้ หรือที่พูดมาทั้งหมดเรากำลังมีความสุข สุขกับการทาน สุขกับอาหาร สุขกับบรรยากาศ สุขกับการพูดคุย สุขกับความรู้สึกเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ และในเมื่อเรากำลังมีความสุขอยู่กับมัน ฉะนั้นเราจะรีบอิ่มกันไปทำไม

Gyu Gyu Tei @ Bangna

ที่อยู่ : 1668 ถนน บางนา-ตราด กม.4 (ขาเข้า) (บางนา-ตราด กม. 3.5) บางนา กรุงเทพมหานคร โทร : 02-746-7771, 087-085-0008

http://www.facebook.com/GYU.GYU.TEI.Bangna

รัชดา : 02-691-2151

ทองหล่อ : 089-921-4346

 

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

 อัพเดตสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น เกาะล้าน เชียงใหม่ สวนผึ้ง หัวหิน เกาะเสม็ด

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ ของ Gyu-Gyu-Tei บางนา ไม่สุกมาก แต่สุขมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook