เที่ยวตามคำขวัญ จ. สกลนคร เที่ยวสนุก ไปได้ทุกสถานที่

เที่ยวตามคำขวัญ จ. สกลนคร เที่ยวสนุก ไปได้ทุกสถานที่

เที่ยวตามคำขวัญ จ. สกลนคร เที่ยวสนุก ไปได้ทุกสถานที่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สกลนคร เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีความหลายหลายทางธรรมชาติและวัฒนธรรม โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถึง 6 กลุ่มคือ ไทลาว, ภูไท, กะเลิง, ญ้อ, โย้ย และโส้ นอกจากนี้ยังมีความงดงามทางธรรมชาติอย่างหนองหารอีกด้วย

คำขวัญประจำจังหวัด : พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม

"พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน"


พระธาตุเชิงชุมเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำ จ. สกลนคร มีความ เกี่ยวโยงกับตำนานประชุมรอยพระพุทธบาทเชื่อวาพระธาตุเชิงชุมสร้างขึ้นในสมัยที่พระเจ้าสุวรรณภิงคาระ เป็นเจ้าเมืองหนองหารหลวง หรือ จ. สกลนครในปัจจุบัน ราว พุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ ยุคเดียวกับการสร้างพระธาตุพนม ชื่อ "เชิงชุม" มาจากตำนานอุรังคธาตุ ตอนพระพุทธเจาเสด็จมาประทับ รอยพระพุทธบาทไว้บนแผ่นศิลาร่วมกับอดีตพระพุทธเจ้าทั้งสาม ทั้งมีพุทธทำนายว่า ในอนาคตพระศรีอริยเมตไตรย พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ แห่งภัทรกัป จะเสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทเช่นกัน  ต่อมาแผ่นศิลาจมหายไปในน้ำ ด้วยความศรัทธา พระเจ้าสุวรรณภิงคาระ เจ้าเมืองหนองหารหลวง จึงทรง สร้างเจดีย์ศิลาแลงครอบบริเวณที่แผ่นศิลาจมหาย เจดีย์นั้นคือพระธาตุ เชิงชุม หลักฐานโบราณคดีบ่งชี้วา เมื่อแรกสร้าง พระธาตุเชิงชุมเป็นปราสาท หินในศาสนาพราหมณ์ซึ่งได้รับอิทธิพลจากขอม  ล่วงถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ไดรับอิทธิพลล้านช้าง จึงดัดแปลงเป็นพุทธสถาน โดยสร้างเจดีย์ยอดบัว เหลี่ยมแบบศิลปะลาวครอบทับเจดีย์องค์เดิม พร้อมสร้างสิมไว้ใกล้กัน  ต่อมา มีการสร้างวิหารเชื่อมต่อกับพระธาตุ เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพอพระองค์แสน" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสกลนคร อายุกว่า ๑๐๐ ปี

"พระตำหนักภูพานคู่เมือง"


พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์เป็นศูนย์รวมจิตใจพสกนิกร และเป็นที่มาของ ความเจริญในเมืองสกลนครพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ใหสรางพระตำหนักภูพานราชนิเวศนบนเทือกเขาภูพานในปี พ.ศ. 2518 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจใหแก ราษฎรในพื้นที่ในช่วงเวลาที่สังคมไทยมีความขัดแย้งทางอุดมการณ์การเมือง อย่างรุนแรง และเป็นที่ประทับเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจในภาคอีสาน พระตำหนักมีพื้นที่ 1.950 ไร่ แบ่งเป็นสวนพระตำหนัก ประกอบด้วย หมูพระตำหนัก 4 หลัง บานพักขาราชการ 68 หลัง อาคารสำนักสงฆ์ 1 หลัง  สวนภูมิทัศน์ เป็นสวนพรรณไม้ที่นำไม้ดอกไม้ประดับมาปลูกแซมกับป่าธรรมชาติ  และสวนคืนชีวิตสู่ป่า คือพื้นที่กวา 1.000 ไร่ที่ปลูกป่าทดแทน และเลี้ยงสัตว์เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ การสร้างพระตำหนักยังทำให้เมืองสกลนครเจริญขึ้นในเวลาต่อมา ทั้ง การพัฒนาสาธารณูปโภคและการมีโครงการส่งเสริมศิลปาชีพช่วยใหชาวบ้าน มีรายได้เพิ่มขึ้น

"งามลือเลื่องหนองหาร"


หนองหาร หนองน้ำใหญที่สุดในภาคอีสาน งดงามด้วยธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ และเป็นอู่อารยธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ หนองหารมีพื้นที่ราว 123 ตร.กม. หรือ 77,000 ไร่ นับเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน และใหญ่เป็น อันดับ 2 ของประเทศ รองจากบึงบอระเพ็ด จ. นครสวรรค์  ด้วยสภาพพื้นที่ที่ต่ำที่สุดในแอ่งสกลนคร จึงมีลำน้ำ ๑๓ สายไหลลง หนองหาร พร้อมพาอินทรีย์สารมาด้วย ส่งผลให้หนองน้ำแห่งนี้ เปนพื้นที่ชุมนที่อุดมสมบูรณ  การร่วมสำรวจของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ พบว่า มีพืชน้ำ ๕๙ ชนิด สัตว์น้ำ ๕๕ ชนิด และนก ๓๓ ชนิด ความอุดมสมบูรณ์ของหนองหารส่งผลให้ในอดีตเมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน พื้นที่โดยรอบเป็นที่ตั้งชุมชนซึ่งเชื่อว่าเจริญขึ้น พร้อมกับอารยธรรมบ้านเชียง จ. อุดรธานี นักวิชาการสันนิษฐานว่า หนองหารเกิดจากการยุบตัวของ แผ่นเปลือกโลกเมื่อ 250-70 ล้านปีก่อน เนื่องจากชั้นหินเกลือใต้ ดินถูกน้ำชะล้างเป็นโพรงขนาดใหญ่   ขณะเดียวกันก็มี ตำนาน "ผาแดงนางไอ" เล่าถึงการเกิดหนองหารด้วยว่า พญานาค อาฆาตแค้นคนที่กินเนื้อบุตรชายตน จึงบันดาลให้แผ่นดินทรุดจม ลงทั้งเมืองกระทั่งกลายเป็นหนองหาร

"แลตระการปราสาทผึ้ง"


ชาวสกลนครนิยมทำปราสาทผึ้งขนาดใหญ่ตระการตาถวายสักการะแด่พระพุทธเจ้าในวันออกพรรษา เดิมชาวบ้านทำปราสาทผึ้งในงานทำบุญแจกข้าวให้ผู้ตาย ด้วยความเชื่อว่าการถวาย ปราสาทผึ้งเป็นกุศลสูงส่ง เมื่อผู้ถวายสิ้นชีวิตแล้วจะได้ไปอยู่ในวิมานบนสวรรค์  ต่อมาได้ปรับ เปลี่ยนเป็นการทำปราสาทผึ้งเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในช่วงเทศกาลออกพรรษา ระหว่างวันขึ้น 12 ค่ำถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 อันเป็นวาระที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มาโปรดเวไนยสัตว์ โดยชาวสกลนครจะจัดขบวนแห่ปราสาทผึ้งไปยังพระธาตุเชิงชุมปราสาทผึ้งแบบดั้งเดิม หรือ "หอผึ้ง" โครงทำจากไม้และกาบกล้วยเป็นรูปทรงคลายสิม พื้นบ้าน จากนั้นประดับดวย "ดอกผึ้ง" หรือขี้ผึ้งที่หล่อเป็นรูปดอกไม้ ต่อมามีการประยุกตทำ เป็นปราสาทผึ้งขนาดใหญ่โตตระการตา ลักษณะเป็นปราสาทเรือนยอดหลายหลังต่อเนื่องกัน จำลองแบบคลายวิมานบนสวรรค โดยขึ้นโครงด้วยไม้ แล้วประดับด้วยขี้ผึ้งที่หล่อเป็นหน้าบัน ช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง ลวดลายวิจิตร รวมทั้งกำแพงแก้วด้วย  สวนฐานปราสาทมักประดับ ด้วยขี้ผึ้งที่หล่อเป็นภาพพุทธประวัติหรือวัฒนธรรมพื้นบ้าน

"สวยสุดซึ้งสาวภูไท"


ภูไทเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่เป็นลำดับ 2 ของสกลนคร และสาวภูไทก็ได้ชื่อว่ามี ความอ่อนหวานทว่าทรหดอดทน ภูไท หรือผูไท เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีประชากรมากเป็นลำดับ 2 ของ จ. สกลนคร รองจากกลุ่มไทย-ลาว  เดิมชาวภูไทอาศัยอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทและแคว้นสิบสองปันนา ทางตอนใต้ของประเทศจีน หลังจากนั้นอพยพมาที่ประเทศลาว  ครั้นในช่วงรัชกาลที่ 3-5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เกิดเหตุการณ์ไม่สงบหลายครั้ง ชาวภูไทจำนวนมากจึงอพยพ ข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งบ้านเรือนที่ จ. สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ใน จ. สกลนคร ชาวภูไทตั้งถิ่นฐานหนาแน่นที่ อ. วาริชภูมิ อ. พรรณานิคม และ ต. โนนหอม อ. เมืองสกลนคร หญิงสาวภูไทมีความอ่อนหวานและมีฝีมือในการทอผ้า โดยเฉพาะผ้าแพรวา ทั้ง ยังฟ้อนภูไทได้อ่อนช้อย กระทั่งได้รับเลือกให้แสดงต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอยูเสมอ ขณะเดียวกันสาวภูไทก็ทรหดอดทน ทำนาทำไร่ได้ไม่แพ้ผู้ชาย

"ถิ่นมั่นในพุทธธรรม"


เมืองสกลนครเป็นแหล่งชุมนุมสายพระป่าหรือพระสงฆ์ธรรมยุตนิกายฝ่ายวิปัสสนาธุระด้วย จ. สกลนครเป็นที่ตั้งของเทือกเขาภูพานซึ่งมีบรรยากาศสงบเงียบเหมาะแก่การปฏิับัติธรรม อีกทั้งอยู่บนเส้นทางธุดงค์จาก จ. อุบลราชธานีอันเป็นศุนย์กลางธรรมยุตนิกายของภาคอีสานไปยังจุดสำคัญต่างๆ เช่นกรุงเทพฯ ภาคเหนือหรือประเทศลาว ทำให้มีพระสงฆ์ธรรมยุตินิายฝ่ายวิปัสสนาธุระมาบำเพ็ญสมณธรรมจำนวนมาก รวมถึงมีพระเถระชื่อดังหลายรูป เช่นพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตโต พระอาจารย์หลุย จันทสาโร พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี เป็นต้น ด้วยคุณความดีและบุญบารมี เมื่อท่านละสังขาร บรรดาศิษย์และผู้เสื่อมใสจึงร่วมใจกันสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นอนุสรณ์หลายแห่ง เช่นพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เจดีย์พิิพิธภัณฑ์พระอาจารย์หลุย จันทสาโร เทสกเจดีย์รังสีอนุสรณ์ และพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์ฝั้นอาจาโร เป็นต้น

 

อัพเดตเรื่องท่องเที่ยวสนุกๆ มากมาย (คลิก)

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ เที่ยวตามคำขวัญ จ. สกลนคร เที่ยวสนุก ไปได้ทุกสถานที่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook