Simon Roberts ช่างภาพสารคดี ภาพทิวทัศน์

Simon Roberts ช่างภาพสารคดี ภาพทิวทัศน์

Simon Roberts ช่างภาพสารคดี ภาพทิวทัศน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่างภาพสารคดีภาพทิวทัศน์

มันคืออะไรเหรอเนี่ย? ภาพถ่ายทิวทัศน์ที่คุณวางแผนไว้ซึ่งก็รวมถึงการท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับนะเหรอ? Simon Roberts จะมาถกกันถึงวิธีการถ่ายภาพทิวทัศน์ของอังกฤษที่ไม่เหมือนใครของเขากับ Geoff Harris


Sunderland Fans, 2008

กองเชียร์ท้องถิ่นกำลังมุ่งไปชมแมทช์การแข่งขันกับ Liverpool ที่ Stadium of Light "บรรยากาศแบบนี้แทบจะเป็นเสมือนกับการไปจาริกแสวงบุญเลยทีเดียว" Roberts ย้อนอดีตให้เราฟัง

Interview ---> Simon Roberts

Profile
* Simon Roberts เกิดเมื่อปี 1974 และศึกษาด้าน Human Geography ที่ Sheffield University ก่อนที่จะไปเรียนต่อทางด้าน Photojournalism
* ภาพถ่ายของเขาได้แสดงนิทรรศการไปทั่ว และล่าสุดก็ไปจัดแสดงที่ Chicago และ Shanghai
* Motherland ซึ่งเป็นงานเขียนชิ้นสั้นๆ ของเขาถูกตีพิมพ์ในปี 2007 และได้รับการชื่นชมอย่างสูง งานเขียนชิ้นที่สอง We English กำลังวางขายอยู่ในปัจจุบัน (Chris Boot Ltd.)

Roberts พูดถึงวิธีการถ่ายภาพของเขา

"ผมตัดสินใจที่จะออกห่างจากการถ่ายภาพบุคคล และทดแทนมันด้วยไอเดียของกลุ่มคนที่รวมกันอยู่ในทิวทัศน์นั้นแทน"

Blackpool Beach, 2008

การตั้งกล้องแบบ 5x4 นั้นช่วยได้มากเลยในที่นี้ "ผมคาดหวังว่ามันอาจจะมีปัญหาบ้างในสถานการณ์ที่ซึ่งมีผู้คนมากมายอยู่ใกล้กับตัวกล้อง แต่ตอนที่ผมตั้งกล้องเสร็จแล้วนั้น บรรดาคนที่สนอกสนใจนั้นกลับเลิกสนใจไปหมดแล้ว"

Aintree, 2008

Ladies' Day ในแบบสุดเหวี่ยง เต็มไปด้วยของมึนเมา Roberts นั้นค่อนข้างอ่อนไหวกับความแตกต่างเพียงเล็กน้อยของระบบชนชั้นของชาวอังกฤษ แต่ก็อยากที่จะหลีกเลี่ยงภาพถ่ายแบบเก่าๆ ของชนชั้นสูง "ผมคิดว่ามันน่าสนใจกว่าที่จะถ่ายภาพนักพนันทั่วไปธรรมดา" เขากล่าว

คุณรอจนกระทั่งสถานที่หรือว่าชายทะเลนั้นว่างเปล่าจากผู้คนก่อนที่จะถ่ายภาพได้บ่อยหรือไม่?

คุณก่นด่านักท่องเที่ยวที่เดินเปะปะเข้ามาในองค์ประกอบภาพของเนินเขาที่ว่างเปล่า และทำให้ภาพมันเสียไปด้วยเสื้อแจ็กเก็ตสีสันแสบทรวงบ่อยแค่ไหนล่ะ? ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากความหลงใหลของเราต่อความโรแมนติกและภาพที่น่าถ่าย ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากรสนิยมทางการถ่ายภาพในปัจจุบันของเรา ภาพทิวทัศน์ที่อยู่ใน ‘จินตนาการ' ของเรามีแววที่จะออกมาในแบบที่ปราศจากผู้คน ดังนั้น มันจึงน่ายินดีที่ได้พบกับ Simon Roberts ผู้ซึ่งมีความสนอกสนใจเป็นอย่างมากในการเก็บภาพทิวทัศน์สังคมและวัฒนธรรมอย่างที่มันเป็นไป
คอลเล็กชั่นล่าสุดของ Roberts คือ We English ได้เผยถึงความหลงใหลถึงเรื่องที่ว่าชาวอังกฤษนั้นทำอย่างไรกับทิวทัศน์ของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เป็นเรื่องของกิจกรรมการพักผ่อน คอลเล็กชั่นนี้เต็มไปด้วยภาพของท้ายรถ ภาพจุดที่สวยๆ ของท้องถิ่น และเกมฟุตบอลในวันเสาร์ เช่นเดียวกับการตามหาภาพอันสวยงามในแบบปกติอย่างเช่นการตกปลา และการเยี่ยมชมโบราณสถานที่สวยงาม

"การมองไปยังกิจกรรมยามว่างนั้นเตะตาผมเข้าอย่างจัง เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ดึงเอาความคิดของการเปลี่ยนวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาติอังกฤษออกมา" Roberts ได้อธิบายจากที่ทำงานของเขาใน Nottingham "ภาพทิวทัศน์นั้นได้บ่งบอกถึงตัวเราเองได้มากกว่าสิ่งที่เราทำในที่ทำงานเสียอีก กิจกรรมยามว่างนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เป็นแรงกระตุ้น เปิดเผยเกี่ยวกับสิ่งที่เราเห็นตัวเองอย่างไร เช่นเดียวกับว่าเราคาดหวังว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไรนั่นเอง และทิวทัศน์นั้นก็ถือเป็นส่วนที่อยู่ภายในของประสบการณ์ยามว่างของเรานั้นเอง มันถือว่าเป็นสินทรัพย์อันมีค่า เราบริโภคมันและใช้ประโยชน์จากมัน และทำให้มันเป็นของเราเอง แม้ว่าเราแทบจะไม่ได้เป็นเจ้าของมันเลย"

อิทธิพลทางด้านศิลปะ

Roberts เกิดที่ Croydon ในปี 1974 และเขาได้อธิบายถึงการที่ตัวเองได้รับการเลี้ยงดูมาในแบบ ‘ชาวอังกฤษเต็มขั้น' เขามักจะสนใจในการถ่ายภาพ แต่เลือกที่จะเรียนทางด้านภูมิศาสตร์ที่ Sheffield University เนื่องจาก "พ่อแม่ของผมไม่ค่อยจะสนับสนุนไอเดียที่ผมจะเรียนการถ่ายภาพนัก" โชคดีที่การฝึกงานในด้านภูมิศาสตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านภูมิศาสตร์มนุษย์และวัฒนธรรมนั้น ถือเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลอย่างเต็มขั้นต่อตัวเขาในงานเวลาต่อมา หลังจากที่ได้รับปริญญาแล้ว เขาได้ย้อนไปยังสิ่งที่เขาหลงรัก และได้ลงฝึกทำเพื่อที่จะเป็นช่างภาพข่าว "ผมได้ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าผมไม่ต้องการที่จะเป็นผู้สื่อข่าวเลย แต่ได้เรียนรู้ทักษะบางอย่างที่เป็นประโยชน์อย่างเช่นวิธีการอธิบายเรื่องราว เป็นต้น
บุคคลผู้มีอิทธิพลในช่วงแรกๆ ก็รวมถึง Ansel Adams ( Roberts ได้ไปเที่ยว Yosemite เมื่อตอนที่เป็นเด็ก) และ Don McCullin รวมถึงช่างภาพแนวเสียดสีเรื่องตลกอย่าง Steven Shore, Paul Graham และ Martin Parr ต่างก็เป็นผู้ที่ Roberts ให้ความสนใจ เช่นเดียวกับภาพยนตร์และการวาดภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานของ Turner, Constable และ Dutch masters ช่างภาพที่แสดงถึงมิติมนุษย์ของทิวทัศน์

โปรเจ็คท์การถ่ายภาพครั้งใหญ่ครั้งแรกของ Roberts ก็คือ Motherhood (2007) อันเป็นผลของการใช้เวลา 1 ปีในการท่องเที่ยวไปทั่วรัสเซีย "ผมพร้อมที่จะพัฒนาธีมบางเรื่องที่ผมได้ค้นพบที่นั่น" Roberts อธิบายเมื่อเราถามเกี่ยวกับแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังงาน We English "Motherland ถือเป็นการค้นหาความรู้สึกของชาวรัสเซียที่มีต่อแผ่นดินเกิดของพวกเขา ความรู้สึกต่อสถานที่นั้นก็ดูลึกลับบ้าง ทั้งกว้างใหญ่และธรรมดาๆ ในเวลาเดียวกันมันก็ชักนำผมให้คิดเกี่ยวกับความรู้สึกของผมเองต่อประเทศอังกฤษ"

นี่คืออังกฤษ

ดังนั้น เหตุใดจึงเป็นเพียงอังกฤษล่ะ ทำไมถึงไม่ใช่ส่วนอื่นๆ ของสหราชอาณาจักรด้วยล่ะ? "ในขณะนี้ ด้วยการกระจายอำนาจชาวสกอตและชาวเวลส์ ดูเหมือนจะมีความรู้สึกในเอกลักษณ์ของชาติที่แรงกว่า มันดูว่า ณ จุดนี้มันเกี่ยวข้องกันพอดีที่จะดูที่อังกฤษ ซึ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและความผสมผสานของเชื้อชาติเปลี่ยนแปลงไปอย่างตลอด มันทำให้ผมมีขอบเขตที่แคบลงด้วย และชื่อของคอลเล็กชั่นนี้ We English ซึ่งมีธงชาติอยู่ด้านหน้านั้นก็ดูเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มาก มันช่วยดึงความสนใจของคน เมื่อเราเห็นธงของ St George ปลิวไสวอยู่หน้าบ้าน และมักจะคิดว่าพวกเขาเป็นพวกขวาจัดสุดขั้ว แต่เหตุใดจึงเป็นอย่างนั้นล่ะ?

ดังนั้น Roberts จึงได้ออกเดินทางไปทั่วอังกฤษด้วยรถบ้าน พร้อมกับภรรยาที่กำลังท้องของเขา ลูกสาวอายุ 2 ขวบ และกล้อง large format ขนาด 5x4 การตัดสินใจของ Roberts ที่จะถ่ายภาพในแบบ large format แทนที่จะเป็นกล้อง D-SLR 35 มม. นั้นช่วยเป็นข้อได้เปรียบหลักสำหรับเขาในสังคมอันเต็มไปด้วยความกลัวของพวกเราในปัจจุบัน "การเซตอัพกล้องขนาด 5x4 นั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจสำหรับสาธารณะในเรื่องที่ว่า หลังจากชั่วขณะหนึ่ง ผู้คนก็จะลืมเกี่ยวกับคุณไป และก็จะกลายเป็นตัวของตัวเองในที่สุด ด้วยกล้อง 5x4 คุณไม่สามารถที่จะหลบหลีกและทำตัวลึกลับได้เลย และผมคิดว่าสิ่งนี้เองที่ช่วยให้สาธารณชนรู้สึกวางใจ และจงอย่าลืมว่าเมื่อคุณถ่ายภาพ คุณไม่ได้ดูไปยังตัวแบบของคุณผ่านทางกล้อง..."

นั่นก็คือ Roberts นั้นระมัดระวังในการสนทนากับครอบครัวที่เขากำลังจะถ่ายภาพด้วย และใช้แบบฟอร์ม Model Release เมื่อจำเป็น "ผมไม่เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกก่อการร้ายหรือว่าพวกโรคจิตกับเด็กแต่อย่างใด แต่ตำรวจเคยเตือนผมครั้งหนึ่งฐานสร้างการกีดขวาง!" กล้องแบบ Large Format นั้นก็หมายถึงว่า Roberts สามารถใช้ผู้คนในปริมาณเท่าไรก็ได้ที่เขาต้องการในภาพทิวทัศน์โดยไม่จำเป็นต้องเสียสละรายละเอียดใดออกไป

ทิวทัศน์มนุษย์

โดยการมองไปยังภาพของ Roberts เป็นที่แน่ชัดว่าการเน้นย้ำไปยังผู้คนที่กำลังมีปฏิสัมพันธ์กับทิวทัศน์นั้นทำให้งานของเขาออกมามีรสชาติไม่เหมือนใคร เขาอธิบายวิธีที่ได้พัฒนาทักษะของเขาในขณะที่กำลังศึกษาโปรเจ็คท์ We English ใน Skegness เมื่อปี 2007

"ผมตัดสินใจที่จะออกห่างจากการถ่ายภาพบุคคล และแทนมันด้วยไอเดียของกลุ่มคนที่รวมกันอยู่ในทิวทัศน์นั้นแทน" Roberts กล่าว "การถ่ายภาพจากตำแหน่งที่อยู่สูงกว่า (มักจะเป็นการถ่ายจากหลังคารถบ้านของเขา) ช่วยให้ผมสามารถได้ความรู้สึกของปฏิสัมพันธ์ของคนกับทิวทัศน์และกับคนอื่นๆ ได้มากขึ้น ผมยังตัดสินใจว่าตัวแบบนั้นจะออกมาค่อนข้างเล็กในภาพ แม้ว่าไม่ค่อยจะเล็กมากจนคุณไม่สามารถสังเกตการแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขา การสวมใส่เสื้อผ้าหรือว่ากิจกรรมของพวกเขาได้แต่อย่างใด วิธีในการดูแบบนี้ได้รับอิทธิพลมา โดยการดูจากงานของช่างวาดทิวทัศน์ Dutch and Flemish สมัยศตวรรษที่ 16 ซึ่งมักจะแสดงภาพยามฤดูหนาวออกมาเต็มไปด้วยชีวิต"

บางครั้ง Roberts ใช้วิธีการนี้ในแบบสุดขั้ว ยกตัวอย่างเช่น ชอบที่จะถ่ายภาพประตูทางเข้า Lindisfarne แทนที่จะเป็นตัวสถานที่เองซึ่งคนนิยมถ่ายภาพเป็นอย่างมาก "ตัวประตูถือเป็นทางเข้าหลัก ผมสนใจในเรื่องที่ว่าใครใช้ทิวทัศน์มากกว่า ดังนั้น ‘จุดเด่น' ของทิวทัศน์นี้จึงถูกละเลยไปอย่างตั้งใจ" Roberts ยังพยายามที่จะทำให้คนตระหนักถึงว่า ทิวทัศน์ของอังกฤษซึ่งเรามักจะคิดไปเองว่าจะคงอยู่ตลอดไปและ ‘ไม่ถูกแตะต้อง' นั้นอันที่จริงได้ถูกตกแต่งรูปร่างมาเป็นพันๆ ปีแล้วจากการปฏิสัมพันธ์ของผู้คนนั่นเอง

ว่ากันถึงชนชั้น

อังกฤษนั้นก็คืออังกฤษ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำว่า ชนชั้น อันน่ากลัวไปได้ในเวลาที่เราถกกันถึงงานของ Roberts "มันดูราวกับว่าผมเพิ่งจะถ่ายภาพชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง แต่ผมยังถ่ายภาพงานอีกมากมายซึ่งชนชั้นสูงนั้นก็ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น Grange Park Opera และการแข่งโปโลที่สนามของ Cirencester Park เป็นต้น และด้วยภาพถ่ายของนักกระดานโต้คลื่นที่ Devon ซึ่งถือกันว่าเป็นสถานที่ของชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง คุณไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นใคร นั่นก็คือ ที่ Grand National นอกเหนือจากชนชั้นสูงแล้ว ก็ยังมีนักพนันธรรมดาอยู่อีก 70,000 คนและผมก็คิดว่ามันน่าสนใจยิ่งกว่าในการที่จะถ่ายภาพพวกเขา ผมเพียงแค่ต้องการที่จะหลีกเลี่ยงหมวกทรงสูงและเสื้อหางยาวเหล่านั้นเสีย"

Roberts นั้นสนใจอย่างยิ่งที่จะชี้ให้เห็นว่า We English นั้นมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ถือเป็นการรวมของอดีตที่แปลกๆ ที่ทำมาโดยคนแปลกๆ แต่ทว่า บางครั้ง เขาฉลองความต่อเนื่องในชนบท เช่นเดียวกับภาพถ่ายของ Haxey Hood อันเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงและวุ่นวายจากการถูกยึดครองจากชาวบ้านแถบนั้น

ดังนั้นแล้ว Roberts ได้เคยใช้กล้องดิจิทัล SLR ทั่วไปหรือว่า Photoshop หรือไม่? "สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของการถกเถียงกันระหว่างฟิล์มหรือว่าดิจิทัลแต่อย่างใด แต่เป็นการถกเถียงในเรื่องของฟอร์แมตมากกว่า ในขณะนี้ ผมพบว่ากล้อง Large Format นั้นทำงานได้ดีที่สุดสำหรับผม แต่ผมก็ใช้กล้อง D-SLR 35 มม. เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ผมใช้ Canon EOS 5D เพื่อช่วยรวบรวม Digital Scrapbook ของภาพทิวทัศน์ที่ผมได้กลับไปทีหลัง สำหรับ Photoshop แล้ว ผมมักจะใช้มันหลักๆ สำหรับการทำความสะอาดภาพสแกน แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะใช้มันมากขึ้นในอนาคตหรอก การปรับแต่งภาพโดย Photoshop นั้นไม่ได้ทำให้ผมรำคาญแต่อย่างใด เนื่องจากผมไม่ได้แสดง We English ดังว่ามันเป็นงานทางด้านสื่อมวลชน ถ้าหากผมจำเป็นต้องอธิบายแล้วล่ะก็ ผมก็จะบอกว่า มันเป็นการถ่ายภาพสารคดีทิวทัศน์นั่นเอง

เคล็ดลับของ Simon Roberts

* เป็นผู้เขียนงานของตัวคุณเอง ไม่ใช่เป็นเพียงผู้แสดงภาพความคิดของผู้อื่น

* ทำการศึกษาวิจัยและเป็นผู้เชี่ยวชาญเล็กๆ ในตัวแบบที่คุณได้เลือกสรร

* มองหาผู้ที่เราชื่นชอบ ผู้ซึ่งคุณเชื่อถือในความคิดเห็นของเขา และให้เขาช่วยปรับแต่งและวิจารณ์งานของคุณอยู่เรื่อยๆ

* อย่ากลัวที่จะลองเสี่ยง และอย่านำแนวคิดของคุณไปแลกกับเงิน

* จงอดทน

ในกระเป๋าของเขา


"เพื่อที่จะถ่ายภาพสำหรับ We English ผมได้ใช้กล้อง Large Format ขนาด 5x4 ของ Ebony ซึ่งมาพร้อมกับเลนส์ Schneider 150 มม. ผมถ่ายด้วยฟิล์ม Fuji Pro 160-S และจากนั้นก็สแกนมันลงไป ทำให้ภาพสะอาดด้วย Photoshop ผมยังใช้ขาตั้งกล้อง Manfrotto ด้วย และยังใช้ Canon EOS 5D เพื่อที่จะสร้าง Digital Scrapbook"

Lindisfarne, 2008

ประตูทางเข้าไปยัง Lindisfarne Castle บน Holy Island ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับการดูแลโดย The National Trust "ผมชอบความรู้สึกของตัวอักษรและขอบเขตของการแปลความหมายของมัน" Roberts กล่าว

Cumbria, 2008

ภาพถ่ายของ Lingmell fell ภาพนี้ใน Wasdale valley ได้สรุปเอาความหลงใหลของ Roberts ที่มีต่อวิธีที่ว่าชาวอังกฤษมีปฏิสัมพันธ์กับทิวทัศน์ของพวกเขาเป็นอย่างไรได้อย่างดี บรรดานักท่องเที่ยวถือเป็นส่วนประกอบที่เป็นปกติในภาพถ่ายทิวทัศน์ของเขา ทำให้ภาพนี้ให้ความรู้สึกร่วมสมัย แต่ก็ดูเป็นอมตะแบบแปลกๆ

ชมภาพทิวทัศน์แปลกๆ อีกมากของ Simon Roberts ได้ที่ www.simonroberts.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook