ฟ้าสวย ทะเลใส ที่มัลดีฟส์เมืองไทย เกาะหลีเป๊ะ

ฟ้าสวย ทะเลใส ที่มัลดีฟส์เมืองไทย เกาะหลีเป๊ะ

ฟ้าสวย ทะเลใส ที่มัลดีฟส์เมืองไทย เกาะหลีเป๊ะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ต้องไปไกลถึงต่างแดนในประเทศไทยเราเองก็มีทะเลสวยๆ ที่น่าหลงใหลชวนให้ไปเยือนอยู่มากมายหลายแห่ง ฉบับนี้คู่หูเดินทางขอพาท่านผู้อ่านทุกท่านมุ่งหน้าสู่ภาคใต้มายังจังหวัดสตูล จังหวัดที่มีเกาะน้อยใหญ่ที่สวยงามขึ้นชื่ออยู่หลายเกาะ แต่ที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักกันดีก็ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา มีเกาะน้อยใหญ่มากถึง 51 เกาะ อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ 40 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานครกว่า 900 กิโลเมตร เรียกว่ากว่าจะถึงก็ต้องใช้เวลากันเป็นวันเลยทีเดียว เพื่อแลกกับความสวยงามที่น่าประทับใจ วันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาเที่ยว "เกาะหลีเป๊ะ" หรือที่เค้าเรียกกันว่า "มัลดีฟส์เมืองไทย" มาทำความรู้จักกับเกาะน้อยใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนฤดูกาลเปิดเกาะจะมาเยือนในกลางเดือนนี้

เกาะหลีเป๊ะ

เกาะหลีเป๊ะ หมายถึง เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ ซึ่งมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นชาวเล (ชนเผ่าอุรักลาโว้ย) บนเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง รอบเกาะเต็มไปด้วยปะการังอันสมบูรณ์ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียด เป็นศูนย์กลางของความสะดวกสบายมากมายทั้งที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวยามค่ำคืนครบครัน บนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านกลุ่มชาวเลในอดีตที่มีการตั้งชุมชนนานกว่า 100 ปี กิจกรรมที่นิยมบนเกาะหลีเป๊ะ ได้แก่ การดำผิวน้ำ และการดำน้ำลึก เพราะเพียงแค่ออกจากชายหาดก็สามารถสนุกกับการดำผิวน้ำได้ทันที น้ำใส หาดทรายขาว เวลาน้ำลงสามารถเดินเล่นดูปลาการ์ตูนและดอกไม้ทะเลได้สบาย เพียงคุณก้มหน้ามองลงไปในน้ำเท่านั้น แต่ควรระวังเวลาเดินอาจจะพลาดเหยียบหอยเม่นได้เพราะค่อนข้างมีเยอะอยู่เคียงคู่กับดอกไม้ทะเลเลยก็ว่าได้ หรือบางทีอาจจะมีปลากระเบนว่ายหลงเข้ามาบ้าง แต่จุดดำน้ำที่ดีที่สุดจะถูกรวมอยู่ในทริปดำน้ำแบบวันเดียวที่ถือว่าเป็นทริปยอดนิยม มีการนำชมเกาะต่างๆ ใกล้เคียง รวมถึงการรับประทานอาหารเที่ยงบนชายหาดที่สวยงาม ร้านดำน้ำ และรีสอร์ทต่างๆ จะมีอุปกรณ์ดำน้ำให้เช่า และสามารถจัดเรือให้บริการสำหรับทริปดำน้ำได้

บนเกาะหลีเป๊ะแห่งนี้จะมีชายหาด อยู่ 3 แห่ง คือ หาดพัทยา (บันดาหยา) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ เป็นหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ชายหาดยาวเป็นโค้งเว้ารูปครึ่งวงกลม หาดขาวสะอาดตลอดแนว และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุด เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก มีความหลากหลายทั้งที่พัก อาหาร และเครื่องดื่ม ต่อมาคือ หาดซันไรส์ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าเกาะหลีเป๊ะ ร่มรื่นไปด้วยทิวมะพร้าวน้อยใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายตลอดแนวหาด สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงาม มองเห็นหน้าเกาะอาดังได้อย่างดี มีบ้านเรือนชาวเลอาศัยอยู่กระจัดกระจายไม่หนาแน่น และมีรีสอร์ทที่พักริมหาดให้เลือกบริการพอสมควร สุดท้ายคือ หาดซันเซ็ท เป็นหาดที่มีขนาดเล็กที่สุดและมีที่พักอยู่น้อยกว่าหาดอื่นๆ เน้นบรรยากาศความเงียบสงบเป็นส่วนตัว

เกาะอาดัง

เป็นเกาะที่ขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ห่างจากเกาะหลีเป๊ะไปเพียง 1.6 กิโลเมตร มีเนินทรายสีขาวแหลมยื่นออกมารับลมทะเล พร้อมแนวต้นสนที่ขึ้นกันเรียงรายอยู่บริเวณชายหาด และหน้าที่ทำการอุทยานฯ เรียกว่า ชายหาดแหลมสน เป็นจุดที่ตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีบ้านพัก ลานกางเต็นท์ บรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว เพราะเป็นเกาะของอุทยานแห่งชาติจึงไม่มีการตั้งชุมชน ชายหาดแหลมสนนี้ถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นจุดหนึ่งที่สวยงามมาก เหมาะสำหรับที่จะเล่นน้ำ พักผ่อนนอนเปลญวนที่บริเวณชายหาด อ่านหนังสือเล่มโปรด สูดอากาศบริสุทธิ์ เกี่ยวก้อยหวานแหวกับคนรู้ใจ ตกดึกก็ออกมานอนนับดาวบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก

หรือถ้าใครชอบผจญภัยท้าทายเล็กน้อยก็ให้เดินมายังภูเขาด้านหลังที่ทำการฯ หรือ "ผาชะโด" ขึ้นมาข้างบนจะเป็นจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเกาะหลีเป๊ะและเกาะรังกาวีของมาเลเซียได้ มีอยู่ด้วยกัน 3 จุด คือ จุดเหนื่อยน้อย เหนื่อยมาก และเหนื่อยมากที่สุด ความสูงถึงจุดสุดท้ายประมาณ 700 เมตร ความสวยงามก็แตกต่างกันไปตามความพยายามและความฟิตของร่างกาย เพราะทางขึ้นค่อนข้างลาดชันบางช่วงต้องปีนก้อนหินขึ้นไป ควรพกน้ำและเสบียงไปด้วยเพื่อเป็นการเติมพลังระหว่างทาง

เกาะราวี

เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงอีกเกาะหนึ่งโดยเฉพาะ หาดทรายขาว ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แวะพักรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะออกเดินทางไปดำน้ำดูปะการังต่อ

หาดนี้เหมาะแก่การเล่นน้ำเพราะหาดไม่ลาดเทมาก มีปะการังอ่อนและดอกไม้ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ มีปลาการ์ตูน ปลาบูลแท๊งค์ ปลานกแก้ว ปลาสิงโต และปลาอื่นๆ อีกสารพัด นอกจากนี้ยังมีมุมสวยงามจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ใครได้ไปเป็นต้องถ่ายรูปนี้มาทั้งนั้น นั่นคือ รูปขอนไม้สีขาวนวลที่ลอยมาติดที่เกาะแห่งนี้มีลักษณะกิ่งก้านทอดยาวยื่นเข้าไปในทะเลตัดกับสีฟ้าของน้ำได้อย่างงดงาม

เกาะหินงาม

อยู่ห่างจากเกาะอาดังไปทางทิศตะวันตกไม่ไกลนัก มีความโดดเด่นแปลกตาด้วยหาดหินก้อนกลมรีผิวเนียนเรียบ มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไปเรียงรายให้ชมลานตา เมื่อคลื่นสาดใส่เนื้อหินจะเป็นเงาวาววับให้สีพื้นเข้มสลับกับริ้วรายสีอ่อนที่แฝงอยู่ในเนื้อหินให้งดงามจับตา อย่างไรก็ตามเป็นที่เชื่อกันว่ามี "คำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา" สำหรับผู้ที่ทำการเคลื่อนย้ายหินงามออกไปจากเกาะแห่งนี้ จะพบแต่ความทุกข์และโชคร้ายนานา เพราะฉะนั้นเก็บได้เฉพาะความทรงจำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ร่องน้ำจาบัง

เป็นจุดดำชมปะการังอ่อนหลากสี อยู่ห่างจากเกาะอาดังประมาณ 5 กิโลเมตร จาบังมีลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำมี 5 ยอด แต่ละยอดตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ยอดเขาใต้น้ำ 4 ใน 5 ยอดนั้นปกคลุมด้วยปะการังอ่อนที่มีสีสันสวยงาม ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาหลากหลายชนิด อีกทั้งยังพบดาวขนนกเกาะอยู่ในบริเวณนี้ด้วย ข้อควรระวังเป็นอย่างมากคือ สายน้ำค่อนข้างแรง เวลาดำน้ำต้องเกาะเชือกไว้ตลอดเวลา มิฉะนั้นอาจหลุดลอยไปตามกระแสน้ำได้

เกาะหินซ้อน

เป็นไฮไลท์เกาะหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เรือนำเที่ยวจะพาอ้อมชมลักษณะการทับซ้อนของก้อนหินโดยรอบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกกัน เกาะนี้เป็นเกาะเล็กๆ มีลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากน้ำ บางก้อนก็ทับซ้อนกันประหนึ่งงานศิลปะกลางท้องทะเล มีปะการังหลากหลายสีกระจายตัวอยู่ทั่วไป

เกาะไข่

อยู่ตรงจุดกึ่งกลางระหว่างเกาะตะรุเตา กับ เกาะอาดัง มีสัญลักษณ์ที่โดดเด่นคือ เป็นที่ตั้งของซุ้มประตูหินธรรมชาติ อันเป็นสัญลักษณ์ของตะรุเตา นอกจากจะมีซุ้มประตูหินแล้ว เกาะไข่ยังมีชายหาดที่สวยงามสามด้าน คือ ด้านทิศตะวันตก ทิศตะวันออก และด้านทิศใต้ ยกเว้นด้านทิศเหนือ หรือ ด้านหลังซุ้มหิน ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหินระเกะระกะ แนวหาดทรายทิศตะวันตกและทิศใต้ ถูกคลื่นซัดมาพบกันที่กลางน้ำเกิดเป็นสันทรายยาวลงไปในทะเล ทั้งสองด้านของหาดทรายเหมาะสำหรับเล่นน้ำมากเพราะน้ำไม่ลึก เชื่อว่าคู่รักใดได้ลอดซุ้มประตูหินแห่งนี้ แล้วอธิษฐานจะมีความรักเป็นนิจนิรันดร์

การเดินทางมาเที่ยวที่นี่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานขับรถผ่านหลายจังหวัด เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำให้คุณผู้อ่านออกเดินทางแต่เช้ามืด แล้วมาจอดแวะพักดื่มชากาแฟที่อำเภอหัวหินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ณ ร้านกาแฟข้างบ้าน กันก่อน เพราะมีเมนูอาหารเช้าแบบง่ายๆ พร้อมเครื่องดื่มร้อนและเย็นที่อร่อยและมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ให้บริการ ร้านอยู่เยื้องๆ กับสถานีรถ บขส. เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วค่อยออกเดินทางกันต่อ แล้วแวะหามื้อกลางวันตามจังหวัดที่ผ่าน เรารับรองว่าเที่ยวทริปนี้ทริปเดียวได้ครบทุกบรรยากาศ และยิ่งเมื่อเดินทางมาถึงยังเกาะหลีเป๊ะแล้ว คุณจะได้พบกับความสวยความของธรรมชาติที่เหมือนรางวัลของชีวิตสำหรับการพักผ่อน ฉันรักเธอมัลดีฟส์เมืองไทย!!!

TIPS รู้ก่อนเที่ยว

การเดินทาง

• รถยนต์
จากกรุงเทพฯ ขับมายังจังหวัดเพชรบุรี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านเข้าเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง จากพัทลุงไปอำเภอรัตนภูมิ จังหวัดสงขลา ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 แล้วแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 406 ถึงจังหวัดสตูล ระยะทาง 973 กิโลเมตร

• รถโดยสารประจำทางสถานีขนส่งสายใต้
- รถโดยสารปรับอากาศวีไอพี 24 ที่นั่ง กรุงเทพฯ-สตูล รถออกเวลา 18.00 น. ระยะเวลา 12 ชั่วโมง
- รถโดยสารปรับอากาศ ม.4(ข) 50 ที่นั่ง 2 ชั้น กรุงเทพฯ-สตูล รถออกเวลา 18.35 น. ระยะเวลา 13.30 ชั่วโมง
- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 1490 หรือ www.transport.co.th

• ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว คือ ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน ถึง 15 พฤษภาคมของทุกปี

• ท่าเรือข้ามเกาะ มี 2 ท่า คือท่าเรือปากบารา และท่าเรือตำมะรัง ในทุกๆ วัน จะมีเรือเฟอร์รี่และเรือสปีดโบ๊ทให้บริการ ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง ประมาณ 1.30 ชั่วโมง สำหรับเรือสปีดโบ๊ท ส่วนเรือเฟอร์รี่ ประมาณ 2.30 ชั่วโมง เมื่อลงรถ บขส. แล้วสามารถต่อรถสองแถวไปยังท่าเรือได้

• สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงาน โทร. 0-7471-1055
ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0-7472-1375
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. 0-7478-3485, 0-7472-8027-8

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

อัลบั้มภาพ 36 ภาพ

อัลบั้มภาพ 36 ภาพ ของ ฟ้าสวย ทะเลใส ที่มัลดีฟส์เมืองไทย เกาะหลีเป๊ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook