วันเวลาหมุนไป อุทัยฯ เหมือนเดิม

วันเวลาหมุนไป อุทัยฯ เหมือนเดิม

วันเวลาหมุนไป อุทัยฯ เหมือนเดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคยเป็นหรือเปล่า เมื่อคิดอยากจะเดินทางก็ลุกขึ้นแพ็คกระเป๋าแล้วออกเดินทางทันที ไปแบบไม่มีจุดหมาย ไปแบบไม่มีอะไรในหัว และไปทั้งๆ ที่ตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า ไปไหน และไปทำไม ครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉันหยิบกระเป๋าคู่ใจใบเดิม แล้วยัดสิ่งของจำเป็นไม่กี่อย่างเข้ากระเป๋าแล้วออกลุย ออกไปจากวันเวลาที่หมุนเร็วเหลือเกิน หมุนเร็วจนชอบคิดไปเองว่าไม่มีเวลา แต่ครั้งนี้ฉันจะมีเวลา และจะไปหยุดเวลาไว้ที่ลำน้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี


ตลาดเช้าริมน้ำสะแกกรัง

สงสัยฉันจะรีบออกมากไปหน่อย เพราะขับรถมาเรื่อยๆ ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงก็ถึงใจกลางจังหวัดอุทัยธานี บรรยากาศรอบด้านเงียบสงัด เราก็มาถึงตลาดเช้าริมน้ำสะแกกรังกันแล้ว แต่พ่อค้าแม่ค้ายังคงบางตา ไม่มีแผงที่มาจับจองพื้นที่บนถนนวางผักนานาชนิดแบกะดินขาย

เวลาตีสามกว่าๆ หากเป็นในกรุงเทพฯ ผู้คนคงกำลังหลับสบาย หรือไม่ก็เมาชนิดหัวทิ่มกันได้ที่ แต่สำหรับผู้คนที่นี่ ชีวิตกำลังเริ่มต้นขึ้น ควันจากเตาทอดปาท่องโก๋ลอยตามลม เสียงนกตามเสาไฟเริ่มจอแจ ถนนวงเวียนเส้นนี้ปราศจากรถรา บ้านเรือนสองข้างทางปิดสนิท แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ของบ้านไม้แบบเดิมๆ และแทบทุกหลังจะเป็นประตูบานเฟี้ยม พร้อมป้ายชื่อร้านที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

ฉันเดินผ่านจุดที่พ่อค้าแม่ค้าต้องมาตั้งแผง ตรงเข้าไปในตลาดเช้าลานสะแกกรังเพื่อไปชมบรรยากาศริมน้ำสะแกกรังตอนดึก ผ่านคุณยายที่กำลังตั้งแผงขายน้ำพริกนานาชนิดคนเดียว ก็เลยแวะทักทายตามประสาคนแปลกหน้าอย่างฉัน คุณยายเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนตลาดแห่งนี้มีบ้านไม้สองชั้นอยู่ริมน้ำ และขายของกันในบ้าน แต่ตอนนี้บ้านไม้พวกนั้นได้ถูกรื้อถอนออกไป กลายเป็นแผงตลาดแบบมีร้านและแบบแบกะดินอย่างที่เห็น พลางชี้ลงไปในแม่น้ำแล้วบอกว่า สมัยก่อนยายก็เคยปลูกบ้านอยู่บนน้ำแบบนั้นเหมือนกันแต่ว่ามันค่อนข้างลำบาก หากหน้าน้ำ น้ำก็เยอะ บ้านที่สร้างคร่อมไว้บนแพลูกบวบไม้ไผ่ก็ต้องมีการเปลี่ยนซ่อมแซมทุกๆ 2 ปี บ้านยายก็เลยย้ายขึ้นมาอยู่บนฝั่งจะสะดวกกว่า

เวลานี้รายละเอียดของเรือนแพลูกบวบไม้ไผ่ยังไม่ชัดเจน ฉันก็เลยเดินรอบๆ ตลาด ซึ่งตลาดเช้าแห่งนี้จะมีลักษณะเป็นตัวยู เดินไม่นานก็คงครบทุกร้าน

ฉันรู้สึกได้ถึงเวลาที่หยุดนิ่ง บ้านไม้บางหลังยังคงเดิม มีเพิ่มเติม และเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยและสภาพแวดล้อม คุณยายยังขายน้ำพริกแบบเดิม คุณป้าแผงโน้นยังขายปลาที่จับได้จากปลายแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งวางขายเพียงไม่กี่กิโลฯ ร้านกาแฟโบราณของคุณลุงที่ยืนยิ้มให้คนหน้าแปลกอย่างฉันตอนดึกแบบนี้ กลิ่นกาแฟเตะจมูกชวนให้แวะจิบกาแฟตอนเวลาเกือบตีสี่ พร้อมไข่ลวกร้อนๆ รอเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ฉันนั่งมองพี่ผู้ชายตัวโตกำลังจัดการแบ่งปลาสวายตัวใหญ่ออกเป็นชิ้น มองคุณป้าอีกร้านกำลังย่างปลาดุก ส่งกลิ่นอร่อยได้ที่
เวลาตีห้าครึ่งได้เวลาที่พระสงฆ์จากวัดบริเวณใกล้เคียงเดินเข้ามาในตลาดเพื่อรับบิณฑบาตจากพ่อค้าแม่ค้า และลูกค้าที่มาซื้อ-ขายของในตลาดแห่งนี้ และเมื่อใส่บาตรเรียบร้อย ฉันก็นั่งคุยกับคุณป้าที่กำลังง่วนกับการปอกเปลือกหน่อไม้ป่า คุณป้าเล่าให้ฟังว่า เราขายของแบบพอเพียง อย่างแรกคือ เก็บไว้กิน เหลือก็เอามาขาย ได้วันละไม่กี่บาทก็พออยู่กันได้ ขายของตามฤดู เก็บมันนกตามป่ามาขายบ้าง หน่อไม้จากเขาบ้าง และก็ตกปลามาขายบ้าง ก็มีความสุขดี ซึ่งจากแผงเล็กๆ ที่วางกับพื้น ก็มีปลาไม่กี่ตัว ขายกิโลฯ ละไม่เกิน 50 บาท ผักกองเล็กๆ น้อยๆ กล้วยจากสวนเล็กๆ แค่นี้ เสียค่าส่วนกลางเพียงที่ละ 5-10 บาทสำหรับตั้งขายกับพื้น ก็พออยู่พอกิน

เวลาหกโมงกว่าแล้ว พระอาทิตย์ยังตื่นสาย ไม่ปรากฏกายให้เห็น ฉันเดินวนตลาดที่ตอนนี้คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาซื้อของสดไปขายบ้าง ซื้อกับข้าวบ้าง รวมทั้งมีผู้สูงอายุมาเดินออกกำลังกายบริเวณลานสะแกกรังที่สร้างขึ้นเพื่อจัดงานประเพณีต่างๆ ของจังหวัด การค้าขายของตลาดเช้าแห่งนี้จะขายปลาสดเป็นส่วนใหญ่ ของขึ้นชื่อที่นี่ก็คือ ปลาแรด มีทั้งแบบสดและแบบทอดกรอบร้อนๆ ขาย มีปลาไหล ปลาสวาย ปลาช่อน ปลานิล และของสดทั้งหลาย ขนมครกร้อนๆ ในกระทงใบตอง...อร่อย

เกาะเทโพ

เสียงไก่ขันดังขึ้นต่อเนื่อง และเวลาเช้าก็มาถึง แม้ว่าพระอาทิตย์จะไม่ขึ้นให้เห็นก็ไม่เป็นไร ภาพเบื้องหน้าที่เห็นก็ยังคงสวยงามไปอีกแบบ แบบฝนโปรย แม่น้ำสะแกกรังสีขุ่นไหลแรงแต่อบอุ่น เรือนแพหลากหลายหลังยังคงนิ่งสงบบนผิวน้ำ ผู้คนยังคงใช้เรือพายในการเดินทางอยู่บ้าง ข้ามฝั่งบ้าง และยังคงมีการปลูกเตยบนแพ รวมทั้งเลี้ยงปลาในกระชังอยู่เหมือนเดิม

และที่สำคัญ มณฑปทรงแปดเหลี่ยมที่เห็นรางๆ ในยามค่ำคืนก็เห็นชัดขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ วัดอุโปสการามหรือวัดโบสถ์ที่ชาวบ้านเรียกกัน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตลาดเช้า ตั้งตระหง่านให้โชว์มนตร์เสน่ห์ความเป็นโบราณสถานที่สร้างขึ้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น การไปชมวัดแห่งนี้เราต้องข้ามสะพานปูนไปยังเกาะเทโพ

ชาวบ้านที่มาขายของกันที่ตลาดเช้าริมน้ำ ส่วนหนึ่งเดินทางข้ามสะพานมาจากเกาะเทโพ นำพืชผัก และผลไม้จากถิ่นปลูกมาขายกันที่ตลาด ชาวบ้านที่นี่ทำการเกษตร ทำสวนส้มโอ ของขึ้นชื่อในจังหวัดอุทัยธานี และทำนาข้าว ผู้คนที่นี่มีแต่รอยยิ้ม และอยู่กันอย่างพอเพียงตามวิถีชีวิตเดิมๆ

เมื่อข้ามกลับมายังตลาดเช้าอีกครั้ง แม่ค้าบางคนขายของหมดแล้วกลับบ้าน บางคนยังนั่งขายไปคุยกันไป ฉันเดินออกจากตลาดเช้าเพื่อเดินชมเมืองเล็กๆ น่ารักนี้อีกสักหน่อย เดินดูบ้านเรือนที่เริ่มเปิดร้านขายของ มีทั้งร้านขายยาโบราณ ร้านโชห่วยเล็กๆ ร้านขายขนมปังสังขยา ร้านโจ๊กหมู ร้านขายหนังสือ ร้านขายอุปกรณ์ทำการเกษตร และมียังมีรถสามล้อถีบ ไว้เป็นพาหนะในการเดินทางอยู่เหมือนเดิม แต่อาจจะมีน้อยกว่ารถมอเตอร์ไซค์ที่เริ่มวิ่งกันให้ขวักไขว่ตามถนนสายเล็กๆ แห่งนี้

มองนาฬิกา เวลาเพิ่งจะแปดโมงเช้ากว่าๆ ตั้งใจว่าจะลุยไปยังอำเภออื่นๆ อีก ไม่ก็เดินทางขึ้นเหนือ ขอนั่งพักสมองและร่างกายที่อุทัยธานีก่อน นั่งมองผู้คนที่ร้านโจ๊กหมู ดื่มกาแฟอีกสักแก้ว แล้วค่อยว่ากัน เวลาที่นี่เดินช้าจริงๆ ไม่ว่าโลกภายนอกจะหมุนเร็วแค่ไหน แต่โลกภายในนี้ชั่งน่ารักและหมุนช้าจริงๆ

เรื่อง : ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ / ภาพ : นวมินทร์ กุลประดิษฐ์

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ วันเวลาหมุนไป อุทัยฯ เหมือนเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook