บนเมฆหมอกฤดูฝน ณ จ.ชัยภูมิ

บนเมฆหมอกฤดูฝน ณ จ.ชัยภูมิ

บนเมฆหมอกฤดูฝน ณ จ.ชัยภูมิ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สายฝนช่วงเดือนสุดท้ายใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ความชุ่มฉ่ำของต้นไม้น้อยใหญ่ และกลิ่นดินเปียกน้ำเจือจางลง อากาศเย็นๆ กำลังไหลเวียนเข้ามา ก่อนที่ฤดูฝนสิ้นสุดเราเดินทางมาที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อมาเก็บเกี่ยวไอหมอกสีขาว พื้นที่สีเขียวสุดสายตา และบ้านดินแสนน่ารัก

มิตรภาพอบอุ่น จากชุมชนบ้านดิน

เมื่อเราเลี้ยวรถเข้าสู่ ต.บ้านไร่ เห็นบ้านดินสีส้มอยู่ไม่ไกล เสียงทักทายอย่างเป็นกันเองของลุงจรวด ผู้ดูแลชุมชนบ้านดินก็ดังขึ้น พร้อมกับเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด เชื้อเชิญให้กินข้าวกินปลาก่อนที่จะไปชมความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ แต่เราอยากรู้ที่มาที่ไปของชุมชนบ้านดิน ก็เลยขอเดินชมชุมชนแห่งนี้ แบบทุกซอกทุกมุม

ชุมชนบ้านดินแห่งนี้ เกิดจากการรวมตัวกันของชาวบ้านจำนวน 16 หมู่บ้าน เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับตัวเอง โดยสร้างเป็นบ้านดินที่ทำมาจากดินธรรมชาติในพื้นที่ผสมแกลบ ย่ำดินกันเอง ก่อโครงสร้างบ้านกันเอง แต่โครงหลังคาต้องอาศัยเหล็ก เพราะจะปลอดภัยกว่าหลังคามุงจาก

ที่นี่ยังมีสโมสรบ้านดินขนาดใหญ่ไว้รองรับกลุ่มนักศึกษา หรือหมู่คณะขนาดใหญ่ที่มาเรียนรู้เรื่องการสร้างบ้านดิน มีแปลงผักปลอดสารพิษไว้เก็บมาทำอาหารให้นักท่องเที่ยว มีโรงเพาะเห็ดนางฟ้า แปลงเพาะพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่ปลูกในโครงการ อาทิเช่น ดอกกระเจียวใหญ่ ที่จะบานหลังจากที่กระเจียวเล็กในป่าหุบลง

แต่ความสนุกมันอยู่ที่การได้ลงมือทำ ย่ำดิน ลงบล็อกดิน และการฉาบสีดินเองกับมือ ละเลงดินแดงที่ผสมกับแป้งเปียก น้ำ และน้ำมันจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วใช้มือเรานี่แหละ...ทาๆ ป้ายๆ ลงไปบนผนังของตัวบ้านดิน (เพื่อเพิ่มสีสันให้บ้านดิน) จนเสร็จไปกว่าครึ่งก็ต้องขอตัว เพราะลุงจรวดจะพาไปชมบ้านดินแบบที่ชาวบ้านอาศัยอยู่กันจริงๆ ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากชุมชนบ้านดินนี้มากนัก ทั้งยังเป็นบ้านดินต้นแบบอีกด้วย

อ้อยอิ่งบนทิวยอดไม้

ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน เราแวะไปยัง ผาน้ำย้อย ซึ่งอยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าหนองใหญ่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา เป็นจุดชมวิวที่สวย อากาศเย็นสบาย ลมเย็นปนละอองฝนกระทบผิว มองจากฝั่งนี้เห็นต้นไม้น้อยใหญ่อยู่เบื้องล่าง ชาวบ้านในละแวกนี้ชอบมาปิกนิกกันที่นี่ โดยนำอาหารมานั่งรับประทานบริเวณศาลาไม้ไผ่ที่มีการจัดเตรียมไว้ให้ อีกอย่างบริเวณนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง แต่เสียดายที่วันนี้ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ ทำให้เราต้องเดินทางกลับบ้านดินกัน ได้เห็นบรรยากาศเพียงครู่เดียวแต่ก็ชื่นใจแล้ว

เดินล่องลอยบนสายหมอก

...เราเลือกที่จะเดินขึ้นหอชมวิว เพื่อให้ตัวเองอยู่ท่ามกลางหมอกหนาและสามารถมองเห็นวิวรอบตัวได้ 360 องศา ป่าด้านข้าง ด้านหลัง ถูกหมอกบังจนเห็นสีเขียวจางๆ หูได้ยินเสียงน้ำตกในป่าเบาๆ อยู่ด้านหลัง บ้านดินกว่า 50 หลังเล็กลงถนัดตาเมื่อมองจากจุดนี้ อีกพักใหญ่กว่าสายหมอกจะจางลง เรากลับมาที่หน้าบ้านของเรา นั่งละเลียดกาแฟร้อนรสขม อ้อยอิ่งกับอากาศเย็นสบาย...

ใกล้ๆ กัน มีจุดชมวิว ช่องหินหนีบ ซึ่งเป็นรอยแตกของหินที่คนสามารถผ่านเข้าไปได้ เมื่อมองจากบริเวณด้านบนของช่องหินหนีบ จะเหมือนยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่โต และเมื่อมองลงไปอีกฝั่งก็จะเป็นผืนป่าที่อยู่เบื้องล่าง จากจุดนี้สามารถทำกิจกรรมเดินป่า โดยเดินจากอุทยานแห่งชาติป่าหินงามมาถึงที่บ้านดินได้ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร แต่วันนี้สภาพอากาศไม่เหมาะเลย เราจึงได้แต่ยืนมองผืนป่าอยู่เงียบๆ ลุงจรวดคงเห็นสายตาที่บ่งบอกความเสียดายของเรา ก็เลยพาไปยังน้ำตกที่ไม่ไกลจากชุมชนบ้านดินมากนัก และยังเป็นเส้นทางขากลับกรุงเทพฯ ของเราได้ด้วย นั่นก็คือ น้ำตกเทพพนา น้ำตกชั้นเล็กๆ เหมาะกับการพาครอบครัวมานั่งกินลมชมวิวเป็นอย่างมาก

บอกลาทุ่งมันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพด และบ้านดิน รวมทั้งครอบครัวลุงจรวด บริการ-ที่พักสบายๆ และอาหารแสนอร่อย พร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตรตลอดเวลาในการมาเยือนบ้านดิน จากที่เคยคิดว่าหน้าฝนไม่เหมาะกับการท่องเที่ยว ซึ่งมันอาจจะไม่สะดวกมากนักในหลายๆ พื้นที่ แต่ฉันก็ได้เห็นหมอกหน้าฝนที่สวยไม่แพ้หมอกหน้าหนาว ได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ และได้เรียนรู้การสร้างบ้านดิน รวมทั้งวิถีพอเพียงแบบคนบ้านดินอีกด้วย

เรื่อง : ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ / ภาพ : กิตติวัฒน์ สิทธิ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook