สุขเงียบๆ ในจังหวัดพิษณุโลก

สุขเงียบๆ ในจังหวัดพิษณุโลก

สุขเงียบๆ ในจังหวัดพิษณุโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ทุกวันนี้วันเวลาหนึ่งปีดูเหมือนจะผันผ่านไปไวเหลือเกิน  ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วความเร็วในการเดินของเข็มนาฬิกา และการโคจรของดาวเคราะห์นั้น ก็ยังใช้เวลาเฉกเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง  ที่รู้สึกอย่างนั้นคงเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน ได้บีบครั้นรัดตัวและหัวใจให้มีความสับสนวุ่นวายมากขึ้น ไม่เหมือนแต่เก่าก่อน

     ในหนึ่งปีหากเรามาปลีกเวลาให้หวนคิดถึงเรื่องราวแห่งความสุข  คงได้คำตอบแก่ตัวเองว่ามีไม่กี่เรื่อง แต่ถ้าให้หวนนึกถึงเรื่องราวแห่งความทุกข์ คงได้คำตอบที่มากโข… เพราะอะไรทำไมเราถึงมีความทุกข์มากกว่าความสุข  หรือว่าเราไม่ค่อยได้ทำอะไรให้กับตัวเอง ในทางกลับกันเรากลับดันทุรังทำอะไรเพื่อคนอื่นมากขึ้น หรือมากจนเกินไป จนหลงลืมที่จะทำอะไรเพื่อตัวเอง

     การหาความสุขให้กับตัวเองแบบไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนั้นมีอยู่หลายวิธีการ  แต่ละคนล้วนมีแนวทางของตน  ผมเองก็เช่นเดียวกันที่มีวิธีการหาความสุขให้กับตัวเอง โดยผมเลือกที่จะปิดโทรศัพท์มือถือสักสองสามวัน แล้วออกเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ  โดยเลือกที่จะไปในเส้นทางที่ยังไม่เคยไปมาก่อน  แต่ในบางครั้งก็เป็นเส้นทางที่เคยไปมาแล้วเกิดความประทับใจจนอยากไปอีก 

     อย่างในครั้งนี้ผมเลือกจะให้รางวัลกับตัวเองในช่วงครึ่งปีแรกของการทำงานหนักมาเป็นเวลาหกเดือน ด้วยการเดินทางท่องเที่ยวไปในจังหวัดที่ผมเคยประทับใจจนอยากจะไปหลายๆ ครั้ง นั่นก็คือ การไปไหว้หลวงพ่อใหญ่ ที่จังหวัดพิษณุโลก  แต่ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ตรงที่ผมเลือกความสะดวกในการเดินทางให้กับตัวเองมากขึ้น ด้วยการซื้อแพ็คเก็จ “บินไปบินกลับ ขับรถเที่ยว”  ซึ่งเป็นโครงการใหม่ล่าสุดจาก ททท. และ บริษัท วิท แอนด์ วิสดอม จำกัด ได้ร่วมกันจัดแคมเปญสะดวกราคาถูกออกมากระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย ให้มีความคึกคัก และให้นักท่องเที่ยวมีความครึกครื้น มากยิ่งขึ้น 

     ผมโทรศัพท์ไปจองแพ็คเก็จ และแจ้งเพียงสั้นๆ ว่า “อยากจะไปเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก แล้วพักที่รีสอร์ทสวยๆ แบบส่วนตัว….และขอรถยนต์แอร์เย็นๆ ไว้ขับเที่ยวเล่นสักคัน” เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยง่ายดาย ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่นัดหมายกับหวานใจคนที่หนึ่ง (ถ้าคนที่หนึ่งไม่ว่างก็ชวนคนที่สอง…ฮิฮิ..ล้อเล่นน่า…)  แล้วเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ออกเดินทางเท่านั้นเอง 

     จังหวัดพิษณุโลก ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาคเหนือตอนล่าง เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวสูง แทบจะเป็นน้องๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ก็ว่าได้  ภายในตัวจังหวัดมีองค์ประกอบครบเครื่อง เช่น วัดวาอารามเก่าแก่มากมาย พิพิธภัณฑ์  ศูนย์การเรียนรู้  ค่ายทหาร  ด้านรอบนอกก็มีธรรมชาติป่าเขา สายน้ำลำธาร สวนไร่นา วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และอีกมากมายที่สามารถทำให้ผู้มาเยือนได้รู้สึกประทับใจได้ไม่ยาก 

     เช้าตรู่ของวันเสาร์ต้นเดือนกรกฎาคม วันนี้ที่ผมเฝ้ารอคอย วันแห่งความเป็นส่วนตัว นับตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่องบินของสายการบินนกแอร์โลโก้รูปปากนกสีเหลืองน่ารัก  โทรศัพท์มือถือถูกผมกดปุ่มปิดและมันจะปิดอยู่อย่างนั้นอีกสามวันเต็ม  นับตั้งแต่ผมเริ่มต้นใช้โทรศัพท์มือถือหลายปีที่ผ่านมา ความเป็นส่วนตัวก็เริ่มถดถอยลดน้อยลง เรื่องราวเครียดๆ เริ่มมีมากขึ้น ผิดไปจากแต่ก่อนที่ยังไม่ได้ซื้อหามาใช้  เทคโนโลยีมักเป็นดาบสองคมเสมอ มันคงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เลือกใช้ความเก่งกาจของมัน  สำหรับผมแล้วการได้ปิดเครื่องเสียบ้าง ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาทองของความสุข 

     มองผ่านปุยเมฆลงไปเห็นผืนดินรอบขอบเมืองกรุงเทพฯ ที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากตึกรามเป็นตารางไร่นาสีเขียวเหลืองดำ ฝนฟ้าที่เคยฉุ่มฉ่ำในฤดูกาลปีนี้เริ่มเคลื่อนคลานขยับออกไปอย่างไร้ทีท่าไม่รู้ว่าปีหน้าจะเป็นเช่นไร หากเรายังพิศมัยทำร้ายธรรมชาติกันอยู่  การเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ มาถึงจังหวัดพิษณุโลก ช่วยให้ประหยัดเวลาขึ้นอีกหน่อย แม้มันจะไม่มากนักแต่ก็ช่วยให้สะดวกสบายมากขึ้น 

     รับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาก็เจอกับบูธรถเช่า Budget  ที่ตั้งอยู่ทางซ้ายมือใกล้ประตูทางออก  ผมเดินเข้าไปแจ้งชื่อ และ Booking Number เจ้าหน้าที่ก็พาไปรับรถคันใหม่เอี่ยมที่หน้าประตูของสนามบิน  เอาละ…คราวนี้รถพร้อม คนพร้อม ก็ออกตะลอนเที่ยวจังหวัดพิษณุโลกเมืองสองแคว กันได้เลย

ใครคือผู้สร้างพระพุทธชินราช

     คำพูดที่ว่า “หากใครมาเที่ยวจังหวัดพิษณุโลกแล้ว ไม่ได้มาไหว้พระพุทธชินราช ก็เหมือนว่ามาไม่ถึง”  คงยังใช้คำพูดนี้ได้อยู่ เพราะสิ่งแรกที่เกือบทุกคนจะคิดถึงจังหวัดพิษณุโลก นั้นก็คือ พระพุทธชิราช พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวพิษณุโลก  

     พระพุทธชินราช  ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท จัดเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามมากที่สุดในประเทศไทยองค์หนึ่ง   ตามตำนานได้กล่าวกันเอาไว้ว่า  ในสมัยพระศรีธรรมไตรปิฎก (พระยาลิไท) หลังจากสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุแล้ว ได้โปรดให้สร้างพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ คือ พระพุทธชินราช  พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา โดยพระยาลิไท ได้รวบรวมสุดยอดช่างฝีมือการหล่อพระพุทธรูป ทั้งจากเมืองสวรรคโลก  เมืองศรีสัชนาลัย และเมืองสุโขทัย  มาช่วยกันสร้างพระพุทธรูป ทั้ง 3 องค์นี้

     เมื่อทำการเททองแล้ว  ปรากฏว่า มีเพียงพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา เท่านั้นที่ทองแล่นออกมาติดทั้งองค์อย่างสมบูรณ์   แต่พระพุทธชินราชนั้นปรากฏว่าทองไม่ติดเต็มองค์ สร้างความแปลกประหลาดให้กับบรรดาช่างและผู้ที่อยู่ในพิธีเป็นอย่างมาก  หลังจากนั้นช่างก็ทำการสร้างหุ่น และเททองหล่ออีก 3 ครั้ง แต่เหตุการณ์ก็เป็นเฉกเช่นเดิม    

  

     เมื่อพระยาลิไททราบถึงเหตุการณ์นั้น ก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ช่วยดลใจให้ทำการเททองพระพุทธชินราชสำเร็จตามพระประสงค์ จากนั้นก็ให้ช่างปั้นหุ่นเพื่อเททองใหม่อีกครั้งหนึ่ง  และในครั้งนี้มีชีปะขาวจากไหนไม่ทราบได้มาช่วยปั้นหุ่น  และช่วยเททองหล่อพระพุทธรูป โดยไม่พูดจากับใคร  ในคราวนี้เองเมื่อเททองแล้วบรรดาช่างได้แกะพิมพ์ออกมา ปรากฏว่าเนื้อทองแล่นสมบูรณ์ติดเต็มองค์เหลืองอร่าม มีสัดส่วนงดงามอย่างหาที่ติมิได้  

     พระยาลิไทรู้สึกโสมนัสเป็นอย่างมาก พระองค์จึงตรัสให้ชีปะขาวเข้าพบ  แต่กลับไม่มีใครสามารถพบเจอชีปะขาวคนนั้นได้อีกเลย  มีเพียงผู้อยู่ในเหตุการณ์บอกต่อกันว่า  หลังจากที่เททองหล่อพระพุทธชินราชเสร็จแล้ว  ชีปะขาวได้เดินหายไปทางประตูเมืองด้านทิศเหนือ  จึงเป็นที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่า ชีปะขาวคนนั้นคือเทวดาที่แปลงกายลงมาเพื่อช่วยหล่อพระพุทธชินราชให้สำเร็จสวยงาม  และเป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดพิษณุโลกสืบไป 

     สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลก นอกจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร แล้วยังมีวัดอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกันอีก 2 วัด และมีความน่าสนใจเหมาะแก่การเที่ยวชม ซึ่งได้แก่ วัดราชบูรณะ โดยตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งทิศตะวันออก  โดยตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร    สิ่งสำคัญภายในวัดคือชายคาของพระโบสถมีลักษณะพิเศษ คือเป็นรูปเศียรนาค 3 เศียร มีลักษณะอ่อนช้อยงดงามไม่เหมือนกับพระอุโบสถของวัดอื่นๆ  และอีกวัดหนึ่งคือวัดนางพญา ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร  เป็นวัดที่มีการขุดค้นพบกรุพระเครื่อง ที่เรียกกันในกลุ่มผู้สะสมพระเครื่องว่า “พระนางพญา” ซึ่งเป็นพระที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพิษณุโลก

ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา เอกลักษณ์ของจังหวัดพิษณุโลก

     นอกจากการเดินเที่ยวชมวัดทั้งสามวัดที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันนี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่น่าสนใจนั่นก็คือการไปกินก๋วยเตี๋ยว  อาหารสุดธรรมดาของชาวไทยทั้งประเทศนี่แหละครับ  แต่ก๋วยเตี๋ยวที่จังหวัดพิษณุโลกของเขาไม่ธรรมดา เขาทำกันได้ออกมาแตกต่างจากที่อื่น จนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า ถ้ามาจังหวัดพิษณุโลก ต้องไปกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา 

     “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา” ในจังหวัดพิษณุโลกมีอยู่ด้วยกันหลายร้าน  โดยตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันที่บริเวณริมแม่น้ำน่าน ใกล้กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร  วันนี้ผมจอดรถไว้ที่วัดแล้วเดินเล่นมาเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือเป็นแม่น้ำน่านไหลนิ่งสงบ ด้านขวาก็เป็นบรรดาร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขามากมายหลายร้านต่างเขียนป้ายแนะนำให้ลองแวะไปลิ้มชิมรส จนผมเองก็เลือกไม่ถูกเหมือนกันครับว่าร้านไหนอร่อย หรือร้านไหนขายมานานกว่ากัน เพราะแต่ละร้านต่างโฆษณาว่าขายมานานมาก  จนเดินมาถึงร้านสุดท้ายที่ดูคนน้อยหน่อย จึงตัดสินใจเลือกร้านนี้แหละ เพราะคงจะได้เร็วไม่ต้องรอคิวนาน ตามปะสาคนกินง่ายครับ ลิ้นจรเข้กินอะไรก็อร่อยไม่มีบ่น เบ็ดเสร็จสองชามกำลังดี แห้งชาม ต้มยำอีกชาม  นั่งกินไปห้อยขาแกว่งไปมาสายตามองแม่น้ำน่านมีความสุขดีครับ 

     ผมว่าเรื่องการห้อยขานี่คงเป็นกุศโลบายของคนในสมัยก่อนกระมัง เพราะการที่คนเราได้นั่งห้อยขาแกว่งไปมานี้คงจะทำให้เลือดลมไหลหมุนเวียนดี ไม่รู้สึกปวดเมื่อยเหมือนกับท่านั่งในท่าอื่นๆ กรปรกับได้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวไปด้วย ก็อาจจะเป็นการเพิ่มรสชาติไปได้ในตัว ทำให้เจริญอาหารกินได้อร่อยมากยิ่งขึ้น  จริงเท็จอย่างใดหรือใครทราบที่มาของ ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาแบบฉบับจังหวัดพิษณุโลก รบกวนช่วยชี้แจงแถลงไขให้ทราบด้วยนะครับ จักเป็นพระคุณอย่างสูง เพราะผมถามเจ้าของร้านเขาก็บอกเพียงว่า ก็ขายอย่างนี้มานานหลายรุ่นคน เลยไม่ทราบว่าเป็นมาอย่างไร เพียงเพราะว่ามันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดพิษณุโลกไปแล้ว

     หลังจากที่วันนี้ได้ทำบุญไหว้พระเป็นที่อิ่มอกอิ่มใจ  แล้วได้มากินก๋วยเตี๋ยวห้วยขาเป็นที่อิ่มท้องแล้ว  โปรแกรมต่อไปที่ได้วางไว้คือการเข้าที่พักสบายสุดหรูชื่อ ภัทธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่ทาง บริษัท วิท แอนด์ วิสดอม จำกัด ได้ทำการจองไว้ให้อย่างสะดวก  ตอนแรกผมก็งงเหมือนกันครับว่าทำไมทางบริษัทฯ เขาแนะนำให้มาพักที่นี่นะ… เพราะอยู่ในตัวเมืองพิษณุโลก ซึ่งผมต้องการอยากไปพักท่ามกลางธรรมชาติป่าเขาหรือในบริเวณริมสายน้ำในแถบอำเภอวังทองมากกว่า  แต่ทางบริษัทฯ แนะนำให้มาพักที่นี่ ด้วยเหตุผลว่า เป็นรีสอร์ทที่เปิดให้บริการใหม่เอี่ยมอ่องระดับสี่ดาว มีความสวยงามมากๆ มีการบริการที่ดี ภายในรีสอร์ทก็เป็นธรรมชาติ และด้วยเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย 

     อ่ะ…ไม่เป็นไรครับ ลองของใหม่กันดูสักหน่อยจะเป็นไรไป ผมเลยตัดสินใจเลือกที่ ภัทธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา เป็นที่พักผ่อนในวันหยุดสุดพิเศษของผมทั้งสองคืน  รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ถนนไชยานุภาพ ซึ่งเป็นถนนสายหนึ่งในตัวเมืองไม่วุ่นวายเรื่องการจราจรมากนัก หากเข้ามาภายในแล้วแทบจะไม่ได้ยินเสียงของรถยนต์เลย หลังจากพนักงานเชคอินและเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย เวลาของความเป็นส่วนตัวได้เริ่มขึ้น  ห้องพักสะอาดสมกับเป็นรีสอร์ทแห่งใหม่ เปิดม่านออกไปเห็นสระว่ายน้ำมีระเบียงให้นั่งทอดอารมณ์สบายใจ  ภายในห้องสะอาดตกแต่งได้สวยงามหรูสมราคา มีสาธารณูประโภคครบถ้วน ทีวีจอแบบขนาดใหญ่ แถม Internet Wifi  ให้ใช้ฟรีอีกซะด้วย…เคลิ้มครับงานนี้ สดชื่นสบายจนไม่อยากจะออกไปเที่ยวไหน  

     สองวันแรกของการเดินทางมาพักผ่อน ผมจึงไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนมากนัก เพราะสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในจังหวัดพิษณุโลก ผมก็ได้ไปมาเที่ยวชมมาหลายครั้งแล้วดังที่ผมได้เคยนำเสนอออกไปในหลายเรื่องที่ผ่านมา ครั้งนี้จึงขอมาพักผ่อน ใช้เวลาให้หมดไปกับความคิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา และวางแผนกับบางเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้  ได้มาสัมผัสสถานที่พักอันสวยงาม แวดล้อมด้วยธรรมชาติ กินอาหารอร่อยๆ แบบพอเพียงก็ทำให้สมองและร่างกายได้ผ่อนคลายไปได้มากทีเดียว

ชื่อพลายสีดอ พบถูกยิงตายด้วยปืนประสิทธิภาพสูง รวม 13 นัดที่บริเวณใบหน้า พบซากเมื่อ 24 ก.ย. 2540 บริเวณเทือกเขาสัญญา อช.ทุ่งแสลงหลวงชื่อพลายสีดอ พบถูกยิงตายด้วยปืนประสิทธิภาพสูง รวม 13 นัดที่บริเวณใบหน้า พบซากเมื่อ 24 ก.ย. 2540 บริเวณเทือกเขาสัญญา อช.ทุ่งแสลงหลวง

     จะว่าไม่ได้ออกไปไหนเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะในวันที่สองได้ขับรถออกไปในเส้นทางสายอำเภอวังทอง ได้ไปเยี่ยมเยียนสหายเก่าที่เคยร่วมสุขมาด้วยกันเมื่อคราวออกท่องป่าทุ่งแสลงหลวง เมื่อหลายปีก่อนนั้นฝนตกหนักทั้งวันทั้งคืน  ต้องนั่งจับเจ่าอยู่แต่ในเต้นท์ออกไปไหนก็ไม่ได้ มีเพียงมาม่าอยู่เพียงไม่กี่ห่อ  เมนูในป่าวันนั้นเลยไม่ต้องคิดมาก  วันนี้มีโอกาสเลยได้หิ้วไก่ย่างเสียบไม้พร้อมข้าวเหนียวอีกสองถุงเข้าไปฝาก ถือโอกาสเลี้ยงรำลึกความหลังในป่าวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ  แต่วันนี้สหายเก่าได้จากไปอย่างไม่ทันได้ร่ำลา และอาจจะไม่ได้รู้ว่ามีคนรู้จักมาเยี่ยมเยือน...ขอรำลึกถึงตลอดไป...  

     ระหว่างทางขากลับจากเยี่ยมสหายเก่า ได้แวะชมความงดงามของสายน้ำเข็ก สายน้ำนี้มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขตอำเภอเขาค้อ  ไหลเลี้ยวลดหลั่นมาทางอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง นอกจากเป็นสายน้ำที่มีความสำคัญต่อสรรพชีวิตในผืนป่าและคนเมืองแล้ว ยังเป็นสายน้ำที่ให้ความสนุกสนานตื่นเต้นกับนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางมาสัมผัสกับกิจกรรมผจญภัยประเภทล่องแก่งด้วยเรือยางอีกด้วย  

     การล่องแก่งด้วยเรือยางที่ลำน้ำเข็กนี้ ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยในระดับก้าวหน้าของเมืองไทยเลยทีเดียว เพราะสายน้ำนี้ในบางช่วงโดยเฉพาะบริเวณแก่งนางคอย  ซึ่งถูกจัดให้เป็นแก่งระดับ 4-5  เป็นระดับที่สูงสุดของการล่องแก่ง สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นจนเรียกเสรียงกรีดร้องได้ตลอดเส้นทาง  การเดินทางมาก็ง่ายและสะดวก สามารถติดต่อใช้บริการได้ที่รีสอร์ททั่วไปในบริเวณริมสายน้ำเข็กแถบอำเภอวังทอง หรือ ติดต่อขอข้อมูลได้ที่ทุกที่พักในจังหวัดพิษณุโลก เพราะมาตรฐานการบริการนั้นใกล้เคียงกัน  หากเราไปกันน้อยคนก็ไปร่วมแจมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นได้ แถมอาจจะได้มิตรภาพใหม่กลับมาอีกด้วย

     ระหว่างทางขากลับเข้าสู่ตัวเมืองพิษณุโลกผมเห็นทุ่งนาข้างทางเขียวขจี  มีต้นตาลสูงชะลูดขึ้นเรียงราย เบื้องหลังเป็นขุนเขาราวกับฉากกันระหว่างอาชีพกับธรรมชาติ  จึงจอดรถลงไปเดินเล่นพรางถ่ายภาพเก็บไว้ดูเมื่อคราวจะหวนรำลึกถึง  ต้นข้าวเขียวอีกไม่นานคงออกรวงเหลืองอร่ามเป็นสีทอง และเมื่อนั้นชาวนาคงยิ้มได้กับผลผลิต ที่เฝ้าบากบั่นเหนื่อยล้ามาเป็นเวลาหลายวันเดือน  

     ผมได้อะไรหลายอย่างจากการเดินทางในครั้งนี้  โดยเฉพาะการได้พักผ่อนในสถานที่สบายๆ ผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงานด้วยการใช้ธรรมชาติบำบัด ได้เข้าวัดไหว้พระทำให้ใจสงบ ได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าที่จากกันมานาน  ได้ดูความเป็นไปของชีวิตผู้คนในต่างจังหวัดที่ไม่รีบเร่งร้อนเหมือนคนในเมืองหลวง  แต่เขาเหล่านั้นก็ล้วนไปถึงจุดหมายได้เช่นกัน  คงอีกไม่นานที่ผมจะได้มีโอกาสมีความสุขอย่างถาวรเหมือนกับเขาเหล่านั้นบ้าง  ชีวิตที่สบายๆ ไม่วุ่นวาย ไม่มีระบบ แต่มีวินัย

นุ บางบ่อ...เรื่อง / ภาพ
ธนิสร หลักชัย , ททท. สนง.พิษณุโลก...ภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติม
50 เส้นทางท่องเที่ยวเมืองไทย กับ 50 ปี ททท.
บินไปบินกลับ ขับรถเที่ยว

โทรศัพท์. 0 2250 4580-3  หรือ  1672
Website :  www.flyanddrivethailand.com

แนะนำที่พัก
ภัทธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดพิษณุโลก
www.pattararesort.com

แนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา จังหวัดพิษณุโลก
บริเวณถนน หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
ร้านป้ากฐิน
ร้านสองแคว
ร้านต้นน้ำ

ขอขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก
209/7-8  ศูนย์การค้าสุรสีห์ ถ.บรมไตรโลกนาถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65000
โทรศัพท์. 0 5525 2742-3, 0 5525 9907
โทรสาร. 0 5523 1063
Website :  www.tat.or.th./north03

อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
โทรศัพท์. 0 5526 8019
  
  

 

อัลบั้มภาพ 40 ภาพ

อัลบั้มภาพ 40 ภาพ ของ สุขเงียบๆ ในจังหวัดพิษณุโลก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook