UNSEEN Vietnam (ตอนที่ 2)

UNSEEN Vietnam (ตอนที่ 2)

UNSEEN Vietnam (ตอนที่ 2)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

20 มกราคม 2547 เรื่อง/ภาพ โดย ... โน้ต

วันที่ห้า Happy New Year 2003 ครับ วันนี้ผมจะพาคุณ นั่งเรือ Hydrofoil ไปเที่ยว Vung Tao เมืองชายทะเลที่ใกล้ไซ่ง่อนและมีชื่อเสียงแห่งนึง ประมาณพัทยาบ้านเรานะครับ ก่อนอื่นคุณต้องไปซื้อตั๋วก่อนนะครับ ค่าเรือก็คนละ 10 USD แต่ถ้าเป็นชาวเวียดนามก็ถูกลงประมาณครึ่งนึง 80,000 VND เรื่อมีออกทุก ๆ ชั่วโมงตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น นั่งเรือประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงนะครับ ผมเลือกนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบเมือง ราคาก็ 1 USD ต่อชั่วโมง เราก็ขับรถไปชมวัด ชายหาด ขึ้นเขาไปชมวิวจากประภาคาร ที่เมืองนี้มีรูปปั้นขนาดใหญ่เต็มไปหมด ทั้งพุทธและคริสต์ ที่โดดเด่นที่สุดก็คือรูปพระเยซูที่อยู่บนเขา ซึ่งเลียนแบบมาจากริโอ ในบราซิลเลยนะครับ ผมเลือกกลับไซ่ง่อนด้วยเรือเที่ยวสุดท้ายมาถึงก็ไปแวะทานข้าวที่ตลาด Ben Than วันนี้เราเลือกทานข้าวที่ร้าน Pho2000 เป็นร้านที่ บิล คลินตัน เคยมานั่งทานที่นี่ แน่นอนว่าต้องมีรูปของเค้า และข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ติดเต็มผนังร้านไปหมด

วันที่หก 2 มกราคม 2547 ผมเลือกเดินทางกับ buffalo travel agency เจ้าเดิม โดยเลือกไปเที่ยว Mekong Delta แบบ 1 day trip ราคาก็ 7 USD ถ้าคุณมีเวลาก็สามารถเลือกเป็นแบบค้างคืนกับชาวบ้านเป็น 2 days หรือ 3 days ราคาก็จะแตกต่างกันไป ความรู้สึกก็คงไม่ต่างกับเมืองไทยมากนัก แต่จะได้คนละบรรยากาศกันนะครับ คุณจะได้เห็นความกว้างใหญ่ของแม่น้ำโขง พรมแดนทางน้ำ ระหว่างกัมพูชากับเวียดนาม สถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ An Quiet American ชมสวนผลไม้ การทำขนม การเลี้ยงผึ้ง และการเล่นดนตรีพื้นเมือง

ตอนค่ำ ๆ ผมออกไปซื้อ sandwich กับคุณลุง ที่ร้านชื่อ Ha Noi ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีที่มาจากที่ไหนนะครับ อร่อยมาก ราคาไม่แพงสำหรับเรา 8000 VND และถ้าคุณปวดเมื่อย ก็ลองหาเด็ก ๆ ที่ปั่นจักรยาน และในมือถือเครื่องบอกจังหวะ ที่ทำด้วยฝาน้ำอัดลมทุบให้แบนแล้วร้อยใส่ด้ามจับ ปั่นไปเขย่าไป นั่นแหละครับคือหมอนวด สถานที่นวดก็ตามข้างถนน ปูผ้ายางแล้วก็นวดกันเลย อุปกรณ์ที่ใช้ก็มีไฟแช็คแล้วก็แก้วใบเล็ก เวลานวดต้องถอดเสื้อ นวดเสร็จ หลังคุณก็จะเป็นจ้ำๆ จุดๆ นะครับ นับเป็นอีกอย่างที่น่าสนใจมาก.... แต่ว่าผมเห็นแต่คนเวียดนามเท่านั้นที่ใช้บริการกัน

วันนี้ครบ 1 อาทิตย์ที่อยู่เวียดนาม วันนี้เราสองคนเลือกไปเที่ยว Mui Ne เมืองชายทะเลที่อยู่ทางเหนือไปประมาณ 200 กิโล เรานั่งรถไปกันโดยขึ้นรถที่ เอเจนซี่เจ้าเดิมของเรา การเดินทางวิธีที่สะดวกก็คือ ซื้อจาก agency นะครับ รถที่เราไปเป็นรถของเอกชน ราคาก็เที่ยวละ 5 USD เดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ถ้าคุณจะไปฮานอย ก็สามารถไปได้ด้วยรถเที่ยวเดียวกัน โดยซื้อตั๋วแบบเปิดนะครับ ราคา แค่ 20 USD ระยะทาง 2,000 กิโลเมตร เดินทาง 2 วัน โดยมีจุดให้คุณหยุดและเที่ยวได้ คือ Mui Ne , Phan Thiet, Danang , Hue หรือถ้าคุณอยากเดินทางกลับเมืองไทยโดยรถก็ทำได้ ราคา แค่ 24 USD โดยเดินทาง 3 วันนะครับ คืนแรกต้องไปแวะที่พนมเปญ คืนที่สองนอนที่เสียมเรียบ วันที่สามแวะปอยเปต ออกจากไซ่ง่อนตอนเช้า ถึงเมืองไทยตอนเย็น ราคานี้ไม่รวมวีซ่าและที่พัก

เราไปถึง Mui Ne ราวๆ ตอนเที่ยง สิ่งแรกที่ทำก็คือติดต่อรถขากลับเพราะว่าเราจะกลับกันวันนี้ เนื่องจากผมต้องกลับกรุงเทพในวันรุ่งขั้น ถ้ากลับบ่าย 2 พรุ่งนี้จะไม่ทันขั้นเครื่อง ดังนั้นต้องกลับรถรอบตีสอง พอจัดแจงเรื่องรถกลับได้แล้ว ก็ทานข้าว และก็เช่ารถมอเตอร์ไซด์ขับรอบเมืองกัน โดยผมทำหน้าที่เป็นคนขับ ส่วนจีเป็นคนบอกทางนะครับ

จุดแรกที่เราไปแวะก็คือ Fishing Village เป็นจุดที่สวยมากเป็นหาดโค้งที่เต็มไปด้วยเรือประมงที่จอดกันเต็มท้องทะเลไปหมด จากนั้นเราก็ไป Red Sand Dune กัน ไม่อยากจะบอกสวยมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถานที่แบบนี้ในที่แบบนี้นะครับ (งง) ถ้าใครมาก็คงเข้าใจความรู้สึกนี้ได้นะครับ สวยมากๆ เราเสียเวลาในการเดินเล่นอยู่ที่นี่นานมาก พร้อมกับหมดฟิล์มไปหลายรูปเลยทีเดียว

Vung Tao - ถ่ายจากประภาคาร จะมองเห็นวิวของเมืองนี้ทั้งหมด ที่เมืองชายทะเล Mui Ne Fishing Village

Red Sand Dune

สองข้างทางไป White Sand Dune

จุดมุ่งหมายต่อไปของเราก็คือ White Sand Dune แต่ว่าพวกเราไปไม่ถึงนะครับ เพราะว่าไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน(แฮะๆ) แต่ว่าสองข้างทางที่ขับรถผ่านก็วิเศษมากแล้ว เราขับรถไปได้ซักพักเราก็ตัดสินใจกลับเพราะว่าทนแรงลมที่พัดเอาทรายมาขัดตัวไม่ไหว แล้วก็ใกล้ค่ำแล้ว ก็เลยรีบกลับกัน คิดเอาว่าไว้คราวหน้าจะมาใหม่ มานอนซัก 2-3 คืนจะได้เที่ยวให้ทั่ว เพราะว่ายังมีอีกหลายที่ ที่ยังไม่ได้ไปคือ Lotus Lake แล้วก็นาเกลือ นะครับ นอกจากนี้ชายทะเลที่นี่ก็สวย แม้ว่าทรายจะไม่ขาว แต่ว่าก็มีความเป็นส่วนตัว และสงบ ใครที่ชอบกีฬาทางน้ำ ที่นี่มี เรือใบกับวินเซิร์ฟไว้รอคุณ ส่วนวิธีการที่จะเที่ยวให้สนุกและสะดวกก็คือการเช่ารถ JEEP พร้อมคนขับ ราคาก็ไม่แพง 15-30 USD ต่อวัน ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่คุณจะไป ตอนเย็นผมเลือกนั่งทานข้าวร้านอาหารริมทะเลฝั่งตรงข้ามกับเอเจนซี่ อาหารทะเลที่นี่ถูกและสดมาก ราคาก็ไม่แพงเลย ไม่เหมือนบ้านเรา ที่บางครั้งไปทะเลแต่กลับกินหมูหรือไก่แทน แต่สิ่งที่ต้องปรับปรุงคือรสชาติของอาหารนะครับ ผมว่ายังสู้อาหารไทยไม่ได้ เพราะคนไทยขึ้นชื่อในการปรุงอาหารให้อร่อยอยู่แล้วนะครับ

ผมนั่งทานข้าวจนถึง 4 ทุ่มก็ไปนั่งอยู่ที่เอเจนซี่แทน ไปนั่งรอรถที่จะมาตอนตี 2 พนักงานที่นั่นก็บอกว่านอนรอแล้วกัน โดยเค้าจัดที่นอนกางมุ้งให้นอนด้วยนะครับ ทำให้ผมปลื้มใจในความมีน้ำใจของคนเวียดนามมาก ลบคำพูดที่เคยได้ยินมาบ่อยๆว่า คนเวียดนามไม่เป็นมิตร เรานอนหลับกันจนถึงตี 2 รถมาจอดตะโกนเรียก เราก็ตื่นขึ้นรถไปเลยนะครับ มาถึงไซ่ง่อนตอนเช้าราว 6 โมง ก็กลับเข้าบ้านแล้วก็อาบน้ำนอน ตื่นมาอีกทีราวๆ 9 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวออกไปข้างนอก เพราะว่าวันนี้ผมมีนัดไปเจอผึ้ง เพื่อนสมัยเรียนที่มาจากเมืองไทยเมื่อวานนี้ ที่ Palace พวกเราก็เดินเล่นรอบเมืองแบบสบาย ๆ โดยเน้นที่การซื้อของฝากกัน เพราะว่าผมจะกลับเมืองไทยแล้ว โดยก่อนกลับผมพาผึ้งไปรู้จักกับคุณลุงคุณป้าด้วย โดยเราถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ถ้าคุณอยากสัมผัสสิ่งดี ๆ ที่ผมได้รับระหว่างพักอยู่กับคุณลุงกับคุณป้าก็แวะมาพักทีนี่ได้โดยจองล่วงหน้ามาก่อนนะครับ http://victoryhouse.4t.com จากนั้นผมก็นั่ง Taxi ไปสนามบิน โดยแวะส่งผึ้งที่โรงแรมก่อน เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางอันวิเศษสุดของผม ..... แต่ว่าไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ผมจะมาเวียดนามแน่นอน แล้วเจอกันใหม่คราวหน้าครับ

ย้อนกลับไปอ่านเรื่อง UNSEEN Vietnam (ตอนที่1)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook