April Austria

April Austria

April  Austria
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

April Austria

ดวงเดือน อีแกน ...  เรื่อง WWF ประเทศไทย ... ภาพ

    ย่างก้าวแรกที่ลงจากเครื่องออสเตรียน แอร์ไลน์ ที่สนามบิน ณ กรุงเวียนนา ในตอนเช้าตรู่ช่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และประทับใจ  เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมาเยือนประเทศที่ได้ชื่อว่า มีภูมิประเทศที่สวยงามในอันดับต้นๆ ของโลก ออสเตรียเป็นประเทศที่มีขนาดปานกลางตั้งอยู่ในใจกลางของทวีปยุโรป ทวีปที่ได้ชื่อว่า น่าเที่ยวที่สุดในโลก  สำหรับนักท่องเที่ยวหลายๆ คน
     กระบวนการตรวจเช็คเอกสารจาก ตม. ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย จนมาถึงช่วงรอรับกระเป๋าที่โหลดมากับเที่ยวบิน เหตุการณ์ หน้าแตก ก็เกิดขึ้น (จนได้สิน่า) เมื่อส่งสายตามองหารถเข็นกระเป๋าสัมภาระ...นั่นไง เจอแล้ว...จอดเรียงเป็นระเบียบเชียว ไม่รอช้าค่ะ ตรงรี่ไปยังรถเข็นเป้าหมาย... อืม...คล้องโซ่ไว้ที่แฮนด์จับด้วย ดีจัง เป็นการจัดระเบียบแถวตรงของรถเข็น ... อ้าว ทำไมโซ่ไม่ยอมปลดล็อค ...
     และแล้วอาการกระชากรถด้วยเข้าใจว่าโซ่จะปลดล็อคเองอัตโนมัติจึงบังเกิดขึ้น สามสี่ครั้งที่ยืนทะเลาะกับโซ่มิได้บังเกิดผลใดๆ ทั้งสิ้น โซ่ยังคงเฉยเมยไม่ยอมปลดล็อคตัวเอง และแล้วก็มีเสียงหล่อๆ แว่วมาจากด้านหลัง you need a coin พอเราหันไปก็พบกับรอยยิ้มฉันท์มิตรของชายหนุ่มรูปร่างสูง สมาท หล่อเชียวค่ะ
      I give you one ว่าแล้วเขาก็สอดเหรียญหนึ่งยูโรเข้าไปที่บริเวณที่โซ่คล้องแฮนด์จับ  แล้วชายหนุ่มผู้มีน้ำใจก็ดึงรถเข็นออกมาให้เราหนึ่งคัน พร้อมกับบอกว่า you will get the coin back สักพักเทพบุตรก็หันมาพูดกับเราว่า have a nice time in Vienna พร้อมรอยยิ้มก่อนจะแยกเดินจากไปพร้อมกับรถเข็นอีกหนึ่งคัน....กรี๊ดดด...ประทับใจมากมาย ....
    .... นั่นไง กระเป๋าเดินทางใบเขื่องของเรา นอนนิ่งบนสายพานและกำลังเคลื่อนมาหาเจ้าของของมัน .... อึ๊บบ...ประมาณว่าพกหินก้อนเบ้งมาสักสิบก้อน หนักเหลือเกิน คนอื่นๆ ต่างยกกระเป๋าของตนออกจากสายพานกันอย่างรวดเร็ว ส่วนเรานั้นต้องทั้งดึงทั้งลากค่ะ กระเป๋าใบเขื่องก็ตุ๊บๆ หล่นจากสายพานได้อย่างทุลักทุเล.... 
     ยังค่ะ เจ้าตัวทุลักทุเลยังคงอยู่กับเรา เพราะยกกระเป๋าขึ้นรถเข็นไม่ได้ค่ะ มันหนักมากกกก สามารถสุดแค่ยกลอยขึ้นจากพื้นนิดเดียว ไม่สูงพอที่จะเอาขึ้นรถเข็น นาทีนั้นใจมุ่งมั่นอย่างเดียวว่าต้องยกกระเป๋าขึ้นรถเข็นให้ได้ แต่ความพยายามกับผลลัพธ์ใยช่างเดินสวนทางกันเยี่ยงนี้
      ความสูงของกระเป๋าที่ยกได้ลดลงตามจำนวนครั้งที่พยายามค่ะ ก่อนที่จะแย่ไปกว่านี้ก็มีชายหนุ่ม (อีกแล้ว) ยื่นมือมาเข้ามาช่วยยกกระเป๋าลอยขึ้นรถ เราหันไปขอบคุณยกใหญ่เพราะมั่นใจว่าเป็นคนไทยด้วยกัน .... ยินดีครับ....ช่างเป็นรุ่งเช้าในต่างแดนที่ดีอะไรเช่นนี้ ทุกสิ่งสรรพล้วนสวยงาม ท้องฟ้าย่ำรุ่งที่เจือด้วยแสงอาทิตย์รำไร สนามบินที่สะอาดและเป็นระเบียบ ชายหนุ่มผู้ใจดี...
     เราเดินออกมาพร้อมกับรถเข็น และเจ้ากระเป๋าใบเขื่อง ทันทีที่ผ่านประตูออกมา ณ จุดรอรับ ก็ได้เห็นรอยยิ้มอันสดใสของ คาริน เพื่อนร่วมงานสาวแสนสวยที่เคยมาทำงานกับเราในประเทศไทย .... Welcome to Austria ... คำต้อนรับจากคารินช่วยตอกย้ำว่าเรามาถึงออสเตรียแล้วจริงๆ มิได้ฝันไป....
     เวลาเดือนกว่าๆ ที่พำนักอยู่ ณ กรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย นับเป็นเวลาที่มีค่ายิ่ง เมษายน-พฤษภาคม เป็นเดือนที่อากาศเริ่มเปลี่ยนจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เป็นเดือนปราบเซียนสำหรับนักพยากรณ์อากาศเชียวแหละ เนื่องจากสภาพอากาศเป็นไปได้ทั้งสิ้น หิมะ ฝน ลม หนาว แดดจ้า เย็นจัด หาความแน่นอนไม่ได้ กระทั่ง April เป็นคำแสลงสำหรับคนที่นี่ในความหมายว่าประหลาด เอาแน่อะไรไม่ได้ ไม่คงเส้นคงวา หากมีอะไรแปลกๆ เพื้ยนๆ เกิดขึ้น เขาก็จะพูดปนหัวเราะกันว่า April พร้อมกับทำมือหมุนไปหมุนมา อันหมายถึง เป็นไปได้ในทุกกรณี คาดเดายาก เราได้สัมผัสกับสภาพอากาศที่ไม่ปกติแบบนี้หลายวันเช่นกัน หนาวมากๆ ในยามเช้า เสื้อสี่ห้าชั้นพร้อมโค๊ทก็ยังช่วยได้ไม่มาก พอสายหน่อยแดดแรงมากๆ (เหมือนที่เมืองไทย) ตกบ่ายฝนตกซะงั้น ย่ำค่ำหน่อย อ้าว...หนาวอีกแล้ว...
     เราได้แวะเวียนไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในและนอกกรุงเวียนนาเท่าที่เวลาและเงินในกระเป๋าจะอำนวย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังเชิงบรุนที่มีชื่อเสียง ห้องต่างๆ ภายในพระราชวังได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามมากๆ นับเป็นงานศิลปะอันมีคุณค่ายิ่ง ภายในพระราชวังห้ามถ่ายรูปนะคะ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวบางคนอดใจไม่ไหว พอเสียงชัตเตอร์ดัง เจ้าหน้าที่ของพระราชวังก็จะมองกราดเพื่อหาต้นตอของเสียง หากถูกจับได้อาจถึงจุดสิ้นสุดแห่งการเดินชมของนักท่องเที่ยวท่านนั้นๆ ได้, Belvedere พิพิธภัณฑ์ภาพวาด ซึ่งมีภาพจุมพิตเป็นสัญลักษณ์, รัฐสภาที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง และมีรูปปั้นต่างๆ ทางประวัติศาสตร์  (อลังการมากๆ)
, Naturhistorisches พิพิธภัณฑ์ที่มีสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายให้เรียนรู้ อาทิ ซากโครงกระดูกของไดโนเสาร์, Karl Skirche  โบถส์คาทอลิคที่มีภาพวาดบนผนังสวยงามตระการตา และยังมีจุดชมวิวที่ดื่มด่ำกับทัศนยีภาพโดยรอบของกรุงเวียนนาอีกด้วย, สวนสาธารณะริมฝั่งแม่น้ำดานูบ แม่น้ำสายสำคัญของยุโรปที่พาดผ่านหลายประเทศ, Salzberg เมืองบ้านเกิดของโมสาร์ท  กวีและศิลปินนักแต่งเพลงผู้มีชื่อเสียงของโลก 
   การได้มา Salzberg สถานที่ซึ่งเคยใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ดังในอดีตเรื่อง The Sound of Music ทำให้เราได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของโมสาร์ท เมืองนี้เป็นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวโดยแท้ และหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับโมสาร์ทยังคงเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะ ชอคโกแลทที่มีรูปโมสาร์ท ถือเป็นสินค้าขายดีในอันดับต้นๆ ของ Salzberg เลยทีเดียว
     ออสเตรียนับเป็นประเทศที่มีระบบการขนส่งที่ดีมากประเทศหนึ่งในโลก มีระบบจัดการรถสาธารณะให้ประชาชนได้ใช้บริการอย่างเพียงพอ การเดินทางหรือนัดหมายใดๆ สามารถทำได้โดยไม่ติดปัญหาเรื่องการจราจร ตามป้ายรถเมล์หลักหรือสถานีรถใต้ติดจะมีเวลาบอกให้ทราบว่ารถกำลังจะมาถึงในกี่นาที
     นับเป็นการรอที่มีจุดหมาย ออสเตรียเป็นประเทศที่มีโชคในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติ  ด้วยนอกจากจะมีภูมิประเทศ ที่สวยงามแล้ว ออสเตรียยังมีน้ำจากภูเขาที่มีคุณภาพดีมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (อีกแล้ว) น้ำก๊อกจากที่ต่างๆ แม้แต่ในห้องน้ำก็สามารถใช้ดื่มกินได้  เนื่องจากรับการกรองมาเป็นอย่างดีก่อนที่ส่งตามท่อให้กับทุกครัวเรือน
     สิ่งหนึ่งที่เราประทับประเทศออสเตรียมากๆ ก็คือ เรื่องความสะอาด ถือเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาดเป็นอย่างมาก คารินเล่าว่า ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เห็นประเทศของเธอสะอาดแบบนี้แล้ว  การช่วยกันรักษาความสะอาดดูเหมือนจะอยู่ในหัวใจของทุกคน ไม่รู้สึกว่าทำไมจะต้องไม่ทิ้งขยะบนถนน กลับกันจะรู้สึกระอายใจด้วยซ้ำกับการทิ้งสิ่งต่างๆ ในที่สาธารณะ ในที่ที่ไม่เหมาะสม
     สิ่งเหล่านี้จะมีการสอนตั้งแต่ในชั้นเรียน จากพ่อแม่ที่บ้าน จากผู้คนรอบข้าง เหมือนเป็นวัฒนธรรมที่ตกทอดมาสู่คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนทิ้งขยะนะ คารินกล่าว เธอบอกว่า เด็กวัยรุ่นบางคนก็ไม่สนใจอะไร ไม่แคร์ จะทิ้งอะไรทิ้งตรงไหนก็ทำ เพียงแต่โชคดีที่คนพวกนี้มีไม่เยอะ และพอเป็นผู้ใหญ่ก็เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น
     ปัจจัยหลักที่ช่วยส่งเสริมเรื่องความสะอาดของบ้านเมืองก็คือ สำนึกของผู้คน รวมถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ซึ่งจะทำความสะอาดถนนหนทางทุกวัน เขาจะทำกันตอนกลางคืนเมื่อผู้คนบนถนนเริ่มเบาบาง  นอกจากจะความสะดวกต่อการทำงานแล้ว ยังช่วยให้เช้าวันใหม่ของผู้คนเป็นเช้าวันใหม่ที่สดใสสะอาดตาอีกด้วย

อีกทั้งรัฐยังได้จัดเตรียมถังขยะไว้ตามที่ต่างๆ อย่างมากพอ ถังขยะที่นี่จะมีฝาหลากสี  สีเหลืองสำหรับขวดพาสติก สีน้ำเงินสำหรับขยะที่เป็นโลหะ สีขาวสำหรับขวดแก้วใส สีเขียวสำหรับขวดแก้วที่มีสี สีแดงสำหรับกระดาษต่างๆ ฝาสีดำสำหรับ สีน้ำตาลสำหรับวัชพืชต่างๆ รวมถึงเศษอาหาร

      การแยกภาชนะสำหรับขยะนับว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานเก็บและแยกขยะเป็นอย่างยิ่ง เพราะขยะบางอย่างสามารถนำไปรีไซเคิลได้ อาทิ ขวดพลาสติก ขวดแก้ว โลหะต่างๆ กระดาษหลากชนิด หรือแม้แต่กล่องบรรจุน้ำประเภทต่างๆ อาทิ นม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตกล่องบรรจุน้ำเหล่านี้ก็คือ กระดาษที่ทำจากต้นไม้ในสวนป่าที่มีการปลูกทดแทน กล่องปลอดเชื้อหรือกล่องยูเอชทีเหล่านี้สามารถเก็บรักษาเครื่องดื่มที่อยู่ภายในได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่ต้องอาศัยตู้เย็นหรือตู้แช่ สะดวกแก่การพกพาไปยังสถานที่ต่างๆ ส่งผลให้ปริมาณการใช้กล่องเครื่องดื่มเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี

     สำหรับประเทศไทยเรา ในปี พ.ศ. 2548 คนไทยใช้กล่องเครื่องดื่มถึง 3 - 4 หมื่นตันต่อปี ที่ออสเตรียมีโรงผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานลม น้ำ แสงอาทิตย์ หรือแม้แต่ขยะ  ขยะที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้อีกก็สามารถนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าด้วยนะคะ ขยะก็มีประโยชน์นะคะ ฉะนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลของของการทิ้งขยะตามภาชนะที่ทางการจัดแยกไว้ให้อย่างเหมาะสมนั่นเอง  ตรงนี้ทำให้นึกย้อนมาถึงประเทศไทยเรา ที่ผ่านมาจะจัดการกับขยะที่เกิดจากกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วโดยนำไปฝังกลบเท่านั้น ทั้งที่กล่องเหล่านี้ มีมูลค่านำมารีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้

     ผลการศึกษาในประเทศเยอรมนีพบว่า ตลอดวงจรชีวิตของกล่องเครื่องดื่มเหล่านี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับเท่าๆ กันกับขวดแก้วแบบนำกลับมาใช้ใหม่  ในต่างประเทศมีการนำกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วไปรีไซเคิลกันอย่างแพร่หลายมานานแล้ว และประเทศไทยในตอนนี้ ได้มีการนำกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วไปรีไซเคิลแล้วเช่นกัน เราทุกคนช่วยได้ค่ะ ด้วยการแยกกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน โรงเรียน ที่ทำงานหรือสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ

     การแยกกล่องเครื่องดื่ม สามารถทำได้ง่ายๆ คือ ดื่มเครื่องดื่มในกล่องให้หมด ไม่ให้มีของเหลวติดค้างอยู่ จากนั้นก็ใช้สองมือและความตั้งใจที่จะช่วยกันสร้างโลกสีเขียวใบนี้ ดึงมุมทั้งสี่ด้านออก  และรีดกล่องให้แบนเพื่อประหยัดเนื้อที่ แล้วก็นำไปใส่ในภาชนะที่จัดไว้หรือรวบรวมส่งให้แก่ผู้รับซื้อวัสดุรีไซเคิล สำหรับคนที่เดินทางไปท่องเที่ยวก็สามารถทิ้งได้ตามจุดที่จัดไว้  หากไม่มีจุดทิ้งเราก็ช่วยกันพับเก็บใส่กระเป๋ากลับมาทิ้งที่บ้าน เพื่อนำไปแปรรูปเป็นกระดาษรีไซเคิล เม็ดพลาสติก หรือเป็นวัสดุทดแทนไม้ ไม่ว่าจะเป็นฝ้าเพดาน ตู้คาราโอเกะ วัสดุตกแต่งภายใน และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ อีกมากมาย

   ช่วยกันสักนิดนะคะ ทิ้งขยะให้เป็นที่ แยกขยะชนิดที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ไว้ต่างหาก ถือว่าได้ช่วยพนักงานเก็บขยะของเรานะคะ แล้ววันหนึ่งประเทศไทยของเราก็จะสะอาดสวยงามมากๆ ได้เช่นกัน  ยังจำได้ดีกับคำชื่นชมที่คารินให้ไว้เมื่อคราวที่เธอได้มาพำนักในประเทศไทย

    I like your country very much, the food is so good and the people are so wonderful. What is missing a little bit is the cleanliness. Then, Thailand will be a paradise !

   ขอจบด้วยการแปลสั้นๆ แบบเข้าข้างประเทศตัวเองว่า ประเทศไทยดีมากๆ เลย แต่หากเพิ่มเรื่องความสะอาดของบ้านเมืองเข้าไปอีกหน่อย ก็จะคือ สวรรค์ ดีๆ นี่เอง ....

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ไทย) จำกัด

ข้อมูลเพิ่มเติม www.wwfthai.org

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook